ตอนที่เนี่ยจิงเสินยังอยู่ ไม่ได้ส่งผลต่อการรับช่วงเขานครหยกของไป๋เทา เนี่ยจิงเสินพอไม่อยู่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
แต่ว่าสุดท้ายไป๋เทาก็ออกไปตั้งรกรากบนแคว้นประจิมอย่างเหนือความคาดหมายของทุกคน
สาเหตุที่แท้จริงเป็นอย่างไร เกรงว่าจะมีคนที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นที่ทราบ
เรื่องที่คนอื่นๆ เห็นได้ก็คือ หลังจากที่ไป๋เทาสนทนาสั้นๆ กับเยว่เจิ้นเปยอาจารย์ผู้มีพระคุณ ก็กราบรลาผู้เป็นอาจารย์ วางมือจากเขานครหยก
เนื้อหาการสนทนาจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีคนที่สามทราบ กลายเป็นปริศนาไม่เล็กไม่ใหญ่อย่างหนึ่งหลังจากฟ้าเหนือฟ้าถูกบุกเบิก
ด้านในเขากว่างเฉิงก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ
การคาดเดาส่วนใหญ่คือ ไป๋เทาอาจจะทำข้อผิดพลาดอะไรสักอย่าง ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะรับช่วงต่อเขานครหยกจึงหายไป เพียงแต่ไม่ต้องการสาวไส้ให้กากิน การจัดการภายในของเขานครหยกมิได้บ่งบอกรายละเอียดต่อสาธารณะ
นี่เป็นการคาดเดาของคนส่วนใหญ่บนฟ้าเหนือฟ้า
นอกจากนี้ยังมีคนคิดว่า เป็นเพราะเนี่ยจิงเสินมาทีหลังกลับแซงหน้าไป ผงาดขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ได้ทำลายความมั่นใจของไป๋เทาไม่มากก็น้อย
แม้ปัจจุบันเนี่ยจิงเสินจะไม่อยู่แล้ว ไป๋เทายังคงสำนึกตัวว่าสู้ไม่ได้
หรือในทางตรงกันข้าม เป็นเพราะหวังว่าสามารออกจากเงามืดในอดีต ดังนั้นเขาจึงหยุดความคิดในวันวาน กำหนดเป้าหมายในชีวิตของตัวเองและฐานหินของมรรคากระบี่เสียใหม่
ถึงเขากว่างเฉิงจะมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับเขานครหยก โดยเฉพาะเขาโถงทอง แต่ก็มิได้ทราบถึงเรื่องนี้เช่นกัน ได้แต่คาดเดา วิพากษ์วิจารณ์ในที่ลับ
แต่นี่ไม่ส่งผลกระทบต่อการไปมาหาสู่ระหว่างทั่วทั้งเขากว่างเฉิงกับไป๋เทา
ตอนนี้สองฝ่ายเจอกัน สวีเฟยกับไป๋เทาก็คารวะกันก่อน
ด้านหลังไป๋เทาติดตามไว้ด้วยศิษย์ในสำนักของเขา รวมถึงชนชั้นผู้นำของขุมกำลังอื่นๆ บนแคว้นประะจิมแห่งฟ้าเหนือฟ้า ต่างเข้ามาทักทายสวีเฟยเจ้าสำนักคนปัจจุบันของเขากว่างเฉิง
หลังจากคำนับคารวะกันเสร็จ สองฝ่ายก็ร่วมทางเข้าไปในตำหนักใหญ่ด้วยกัน
ในตำหนักมีคนไม่น้อยมาถึงแล้ว ศิษย์เขาโถงทองต้อนรับ พากันนั่งลง รอคอยการเริ่มพิธีเงียบๆ
ไป๋เทากวาดมองรอบๆ เห็นหวังผู่สหายร่วมสำนักแห่งเขานครหยก เป็นตัวแทนเยว่เจิ้นเป่ยกษัตริย์กระบี่มาเข้าร่วมพิธี
สองฝ่ายพบหน้า ย่อมรื้อฟื้นความหลังกัน
“เจ้ากำลังจะเลื่อนระดับแล้ว” ไป๋เทามองหวังผู่ กล่าวอย่างสะท้อนใจ
“ยังขาดอีกเล็กน้อย แต่ว่าจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าถึงขั้นสิบ ไม่เหมือนกับจากมนุษย์เซียนสู่เซียนจริงแท้ที่ต้องฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียน อย่างน้อยก็ไม่มีความเสี่ยง” หวังผู่ส่ายหน้าเล็กน้อย มองดูไป๋เทา อยากพูดอะไรแต่หยุดไว้
ไป๋เทากลับมองเห็นความหมายในแววตาของเขา ตอบอย่างสงบนิ่ง “ข้ายังไม่ได้ มั่นใจไม่ถึงห้าส่วน”
“ท่านยังเยาว์ ไม่เป็นไร” หวังผู่ว่า
ไป๋เทาหัวเราะ “ผ่านด่านนี้ไม่ได้ ร้อยปีพันปีก็ไม่มีข้อแตกต่าง”
หากพูดถึงอายุขัยที่ผู้เข้มแข็งในชั้นสูงสุดของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ควรจะมี ไป๋เทาย่อมยังนับว่าอายุน้อย
ในประมุขทั้งสิบบนโลกซ้อนโลกเมื่อครั้งกระโน้น นอกจากเฉินกานหวาแล้ว เขากับเลี่ยนจู่หลินประมุขพายัพอายุน้อยที่สุด
แต่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขที่ติดตรงนี้ สุดท้ายอายุขัยมุ่งสู่จุดสิ้นสุดก็ยังผลักเปิดประตูเซียนไม่ได้ หรือว่าเสี่ยงอันตรายฝ่าภัยพิบัติมนุษย์เซียนหากตกตาย ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาก็มีอยู่ไม่น้อย
โลกซ้อนโลกในวันนั้นนอกจากหวังเจิ้งเฉิงประมุขปฐวีแล้ว ตำแหน่งอื่นๆ ในประมุขทั้งสิบล้วนมีการสับเปลี่ยนไม่ต่ำกว่าหนึ่งรอบ
ผู้ที่เสียชีวิตเพราะทำศึกความจริงยังน้อยกว่าคนที่อายุขัยสิ้นสุดเสียอีก
หวังผู่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้พูดมาก
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นประมุขมีอายุขัยต่ำกว่าเซียนจริงแท้มาก ส่วนจอมยุทธ์ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าที่ต่ำกว่าระดับประมุข ก็มีอายุขัยต่ำกว่าประมุขในหมู่คนเช่นกัน
คนที่ติดอยู่ด่านนี้มีอยู่ไม่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี