แสงสว่างหลายสายที่กำเนิดจากกระบี่ลวงเซียนประกอบกันเป็นค่ายกล แสงของค่ายกลพุ่งลงบนชิ้นส่วนตราพลิกฟ้า ชิ้นส่วนตราพลิกฟ้าที่ดูเหมือนสะดุดตานั้นพลันส่องแสงขึ้นมา
แสงมิได้สว่างเท่าใด กลับมอบความรู้สึกหนักอึ้งถึงขีดสุดให้แก่ผู้คน
ตราประทับใหญ่ที่เหมือนกับบขุนเขาบุพกาลปรากฏเป็นเงาแสงมายา ลอยอยู่เหนือกระบี่ลวงเซียน
ยันต์กระดาษที่ติดอยู่บนด้ามกระบี่ลวงเซียนใบนั้นลุกไหม้ขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอกับเกาเสวี่ยพอเห็นดังนั้น ระบายลมหายใจออกยาวๆ ใบหน้าฉายแววยินดี
“สั่ง!” เยี่ยนจ้าวเกอยกมือขึ้น ใช้นิ้วตวัดใส่อากาส กระตุ้นให้ลวดลายค่ายกลหลายสายหุบเข้าไปด้านใน ขณะเดียวกันก็นำยันต์กระดาษสีขาวโพลนออกมา โยนเข้าไปในแสงเพลิง
แสงสว่างของลวดลายค่ายกลที่หดตัวทะลักเข้าไปในเปลวไฟอันเกิดขึ้นจากการเผาไหม้ยันต์กระดาษ หลังจากยันต์กระดาษว่างเปล่าร่วงลงไป กลับมิได้ถูกเผา เกิดเป็นลวดลายส่วนหนึ่ง
รอจนแสงเพลิงค่อยๆ ดับลง ยันต์กระดาษใหม่ใบนี้ก็ลอยออกมาจากในไฟ ถูกเยี่ยนจ้าวเกอคว้า
ตอนนี้เพียงเห็นบนยันต์กระดาษที่ตอนแรกว่างเปล่าปรากฏลวดลายอันงดงามลี้ลับมากมาย กอปรเป็นตราอาคมที่ซับซ้อน
เงาแสงตราประทับขนาดใหญ่ที่เป็นมายาค่อยๆ สลายไป เหลือเพียงชิ้นส่วนตราพลิกฟ้าชิ้นนั้น
กระบี่ลวงเซียนหยุดสั่นสะเทือนเช่นกัน ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ
เยี่ยนจ้าวเกอเก็บชิ้นส่วนตราพลิกฟ้า มองยันต์อาคมในมือ จากนั้นมองกระบี่ลวงเซียนตรงหน้า กล่าวอย่างแช่มช้า “ตอนนี้นับว่ามีจุดเริ่มต้นที่ดี หวังว่าจะราบรื่นเหมือนครั้งก่อน”
“ไม่ทราบว่าตอนนี้เทวกษัตริย์กว่างเฉิงเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่” เกาเสวี่ยพอเอ่ยขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจคำหนึ่ง “มองโลกในแง่ดีอย่างระมัดระวังเถอะ”
เขาหันไปพูดกับอาหู่ “บอกผลลัพธ์กับศิษย์พี่สวี ครั้งนี้ต้องขอให้เขาออกเขาร่วมทางเพื่อความรอบครอบ เรื่องราวก่อนหน้านี้ข้าได้คุยกับเขาแล้ว เขากำลังรอการแจ้งข่าวจากข้าอยู่”
“ขอรับคุณชาย” อาหู่พยักหน้า หมุนกายผละไป
เกาเสวี่ยพอพยักหน้ากล่าว “ข้าจะแจ้งให้ทางมารดาเตรียมตัวเช่นกัน”
ถึงแม้พวกคู่ต่อสู้จะยังคงทำศึกใหญ่ มีการสะกดพลังสมาธิระหว่างกันเอง แต่ว่าการตามหากระบี่ลงทัณฑ์เซียนของจักรวาลฟ้าฟื้นในครั้งนี้ยังจำเป็นต้องยึดความระวังเป็นที่ตั้ง
ในการตามหากระบี่ลวงเซียนครั้งก่อน เป็นเยี่ยนจ้าวเกอใช้วิชาลับที่ตนสร้างขึ้นเป็นครั้งแรก
สำหรับโลกใบนี้แล้ว นี่เป็นวิชาใหม่ที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก
ดังนั้นนับว่าทำให้ขุมกำลังอื่นๆ คาดไม่ถึง
ฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถีไปตามหา ความจริงเพื่อค้นหากระบี่พุทธะอาจารย์ของเขา มิใช่กระบี่ลวงเซียน
หวังก่วนกับเทวกษัตริย์เภรีแม้นมีความตั้งใจ แต่ว่าพวกเขาเดิมทีไม่มีเบาะแสสำหรับค้นหากระบี่ เป็นการลอบสะกดรอยฉวีซู เผื่อจะโชคดี
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นแดนสุขาวดีบัวขาวหรือว่าโถงเซียน พลังที่ลงไปจึงมีค่อนข้างจำกัด
มหาชาลสามคนน่ากลัวอย่างแท้จริง แต่ว่าด้วยความสามารถของพวกเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนั้นสามารถรับมือได้
แดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจยิ่งไม่ได้เข้าร่วมด้วย
ทว่าหากขุมกำลังอื่นๆ ทราบแต่แรกแล้วว่า พวกเยี่ยนจ้าวเกอจะไปตามหากระบี่ลวงเซียน หนำซ้ำมิใช่ไปเผชิญโชคอย่างหน้ามืดตามัว หากแต่มีเบาะแสที่น่าเชื่อถือจริงๆ เช่นนั้นก็ไม่มีทางนิ่งดูดาย
ณ เวลานี้ การใช้วิชาลับค้นหากระบี่เป็นครั้งที่สองมิได้ก่อให้เกิดผลจู่โจมอย่างฉับพลันเหมือนครั้งนั้นอีกแล้ว
ในสถานการณ์ตอนนี้ ถึงแม้ว่าขุมกำลังของคู่ต่อสู้กำลังต่อสู้กันอยู่ไม่ถึงกับหยุดรบ ไปตามหากระบี่ลงทัณฑ์เซียนพร้อมกัน แต่ก็กำลังที่แบ่งมาเกรงว่าจะมิได้รวบรัดแค่มหาชาลเส้นทางนอกรีตสามคนแล้ว
สำนักเต๋าสายหลักอาศัยโอกาสที่พวกเขาต่อสู้กันเอง กระทำเรื่องราวยิ่งใหญ่อยู่ใกล้ๆ พวกเขาย่อมมองเห็น
การชิงกระบี่ลงทัณฑ์เซียนสามารถกดดันการพัฒนาของสำนักเต๋าสายหลัก ถ้าหากว่าสามารถเข่นฆ่าเล่นงานพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ลดทอนพลังทำให้สำนักเต๋าสายหลักอ่อนแอลงได้ พวกเขาก็ยินดีเช่นกัน
สำหรับคนอื่นๆ ปกติแล้วพวกเยี่ยนจ้าวเกอจะเร้นกายไม่ออกไปไหน ซ่อนร่องรอยอย่างระมัดระวัง
ครั้งนี้ออกมาตามหากระบี่ ยากจะไม่เผยร่องรอย เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการจู่โจม
คำว่าวิกฤติ มีทั้งอันตรายและโอกาสอยู่ร่วมกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี