หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอเซ่นกระบี่ ในวังสวรรค์โถงเซียน ด้านในตำหนักแห่งหนึ่งพลันเกิดแสงสว่าง
ในตำหนัก เทวกษัตริย์เภรีที่ใบหน้าซีดขาวอยู่บ้างเดิมกำลังหลับตาทำสมาธิ ยามนี้พลันลืมตา หันไปมองด้านตรงข้าม
ที่นั่นนั่งด้วยบุรุษที่เหมือนกับคนหนุ่มผู้หนึ่ง ร่างสูงใหญ่ มีสามเศียรหกกร บนหน้าผากยังมีดวงตาที่สาม
บุรุษหนุ่มมองกระดิ่งเล็กๆ อันหนึ่งกลางตำหนัก
กระดิ่งเล็กเหมือนกับระฆังสำริด ยามนี้ส่องแสง ยิ่งส่ายไหวเบาๆ แต่ไม่ได้ส่งเสียง
บรกระดิ่งติดยันต์กระดาษใบหนึ่ง ตอนนี้ลวดลายบนยันต์กระดาษบิดเบี้ยวเปลี่ยนแปลง เหมือนกับมีชีวิตขึ้นมา
“เส้นทางนอกรีตลงมือแล้ว” บุรุษหนุ่มที่มีสามเศียรหกกรลืมตาทั้งสามข้าง พูดว่า “ดูเหมือนครั้งนี้สิ่งที่พวกเขาเล็งจะมิใช่กระบี่สังหารเซียน แต่เป็นกระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่ท่านอาจารย์เคยถือครอง”
เทวกษัตริย์เภรีกล่าวเสียงทุ้ม “หาเจอหรือไม่?”
“ถ้าหากง่ายดายปานนั้น หลายปีมานี้คงเจอไปแล้ว” คนหนุ่มส่ายหน้า “เพียงแต่อีกฝ่ายเคลื่อนไหวแล้ว สองอย่างประสานกัน ทางพวกเราค่อยมีการเคลื่อนไหว”
“ถ้าต้องการหา ต้องถือกระดิ่งใบนี้ไปด้วย บางทีอาจมีโอกาสหลายส่วน แต่ยากรับประกัน”
บุรุษหนุ่มมองเทวกษัตริย์เภรี “ข้าทราบว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากเส้นทางนอกรีตของท่านยังไม่หายดี ความคับข้องในอกยากจะระบาย แต่ว่าปัจจุบันโถงเซียนของพวกเรากำลังต่อสู้กับมารร้ายบัวขาว ไม่มีเวลาจริงๆ ท่านอย่าได้รีบร้อน ไปเองคนเดียว”
เทวกษัตริย์เภรีใบหน้าเคร่งขรึม กล่าวอย่างแช่มช้า “วาจานี้ไม่ผิด สหายร่วมเส้นทางอินไม่ต้องห่วง ข้าจะระวัง ไม่สูญเสียการแยกแยะ”
“แต่พวกเราก็ไม่อาจไม่ลงมือ มุสิกงูอุตส่าห์ออกโพรง ไม่อาจปล่อยผ่านไปง่ายๆ”
บุรุษหนุ่มผู้นั้นได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย “มิผิด แต่เราท่านมิอาจตัดสินใจ”
ว่าแล้ว เขาก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา ชี้ไปที่กระดิ่งเล็กๆ ใบนั้น กระดิ่งหล่นลงสู่มือของเขา
“สหายร่วมเส้นทางอาการบาดเจ็บไม่หายดี ให้ข้าไปแล้วกัน” บุรุษหนุ่มเอ่ย
เทวกษัตริย์เภรีลุกขึ้น “รบกวนสหายร่วมเส้นทางอินด้วย ข้าจะรอคอยข่าว”
บุรุษหนุ่มร่างกายส่ายวูบ กลายเป็นลำแสง ออกจากวังสวรรค์โถงเซียน มุ่งหน้าไปยังที่ไกล
ข้ามผ่านมิติหลายแห่ง สุดท้ายเขาเข้าไปในจักรวาลแห่งหนึ่ง ที่นั่นพุทธเกษตรนับไม่ถ้วนเชื่อมต่อกันเป็นลำดับ ดอกบัวมากมายเบ่งบาน ดูสงบนิ่งเป็นมงคล
บุรุษหนุ่มเข้าไปในแดนสุขาวดีพุทธเกษตรแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านใน มาถึงด้านหน้าวัดแห่งหนึ่ง ก้มหัวกล่าว “ผู้เยาว์อินเจียว ขอพบทีปังกรพุทธะ”
ด้านหน้าวัดมีนักบวชศาสนาพุทธท่านหนึ่งประนมมือไหว้ “คำนับเทวกษัตริย์ไท่ซุ่ยประจำปี เชิญเข้าไปด้านใน ท่านอาจารย์กำลังรอโยมอยู่”
เทพไท่ส่วยผู้ควบคุมอายุขยัยประจำปีแห่งวังเทพในอดีต อินเจียวเทวกษัตริย์ไท่ส่วนประจำปีของโถงเซียนในปัจจุบัน เข้าไปในวัด
บนบัวขาวด้านในวัดนั่งไว้ด้วยพุทธะกายทองที่มีกลิ่นอายเก่าแก่เต็มเปี่ยมองค์หนึ่ง ในแสงพุทธที่กระจ่างใสไร้มลทินหลังศีรษะ ตั้งด้วยตะเกียงเครื่องเคลือบใบหนึ่ง เป็นทีปังกรพุทธะนั่นเอง
พอเห็นอินเจียวมาถึง ทีปังกรพุทธะก็แย้มยิ้ม “ดูเหมือนกระบี่เล่มที่สามจะเป็นกระบี่ลงทัณฑ์เซียนแล้ว”
อินเจียวมือรองกระดิ่งใบเล็ก เห็นกระดิ่งใบเล็กยังสั่นไหวโดยไร้เสียง “เรียนอดีตพุทธะ เป็นกระบี่ลงทัณฑ์เซียนที่ท่านอาจารย์เคยถือครอง”
“วิธีการของอีกฝ่ายแม้ยากจะทราบถึงรากฐาน แต่ว่ารายละเอียดคร่าวๆ ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นแล้ว เป็นการอาศัยกระบี่ตามหาคน แต่ถ้าจะตามหาคน สมควรมีเบาะแสแรกสุดอยู่บ้างเพื่อใช้เป็นที่พึ่ง” ทีปังกรพุทธะว่า “ตราพลิกฟ้าของอาจารย์ในตอนนั้นแหลกสลาย ชิ้นส่วนชิ้นหนึ่งในนี้ตกไปอยู่ในมือของเขากว่างเฉิงนั่นโดยบังเอิญ ถ้าหากว่าทางกระบี่สังหารเซียนไม่มีเบาะแสที่ดีกว่า เช่นนั้นการใช้พิธีหากระบี่เป็นครั้งที่สองนี้สมควรเป็นกระบี่ลงทัณฑ์เซียนแล้ว”
“อดีตพุทธะเห็นกระจ่างไกลหมื่นลี้” อินเจียวกล่าว
ทีปังกรพุทธะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาตมาเพียงคอยสอดส่องอยู่ด้านข้าง จะว่าไปผู้สืบทอดกระแสตรงสามพิสุทธิ์ก็ให้กำเนิดผู้มีความสามารถออกมาเรื่อยๆ จริงๆ พิธีที่สร้างใหม่นี้มีลักษณะเฉพาะอย่างแท้จริง”
อินเจียวพอฟังเพียงยิ้มจางๆ มิได้ตอบคำ
ทีปังกรพุทธะดีดนิ้วเบาๆ ครู่ต่อมาบัวเขียวร่อนลงมาด้านนอกวัด บนปัทมาสน์สีเขียวมีแสงตะเกียงสีทองส่องระยิบระยับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี