ถึงแม้ว่าจะยังเปล่งแสงจางๆ แฝงปราณวิญญาณเต็มเปี่ยม แต่ว่าในแขนครึ่งท่อนนั้นไม่มีคุณสมบัติวิญญาณคงอยู่อีก
อวี้ติ่งจินหยินสิ้นชีวิต ซากสังขารยังอยู่ แสงวิเศษเหมือนทองเหมือนหยก โดยรวมแล้วคล้ายทั้งรูปสลักหยก และคมกระบี่ที่สร้างจากโลหะ
แต่ว่าแขนของเทวกษัตริย์กว่างท่อนนี้มองไปเหมือนศิลาเหมือนทองแดง คล้ายกับหินและคล้ายกับสำริด
สวีเฟยมองแขนที่เยี่ยนจ้าวเกอรองไว้บนมือ กล่าวอย่างแช่มช้า “ครั้งมหาภัยพิบัติ สำนักเต๋าเราพบภัยพิบัติ ไม่ว่าเป็นวังเทพ หรือผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ ดูเหมือนเสียหายอย่างหนัก…เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะประสบการกลุ้มรุมจากขุมกำลังอื่นๆ”
แม้แต่มารร้ายนพยมโลกที่ตอนนี้รอบตัวล้วนเป็นศัตรู เหมือนมุกสิกข้ามถนนผู้คนตะโกนให้ทุบตี ยังมีโอกาสใช้ความวุ่นวายลงมือหาประโยชน์ เป็นที่ทราบได้ว่า ในช่วงเวลาที่มหาภัยพิบัติเกิดขึ้น สำนักเต๋าดึงดูดความเกลียดชังมากกว่าเดิม
เยี่ยนจ้าวเกอกับเกาชิงเสวียนต่างพยักหน้าไม่พูดอะไร
เยี่ยนจ้าวเกอมือหนึ่งรองแขนท่อนนั้น อีกมือหนึ่งประสานมุทรา
เขาชี้นิ้วชี้และนิ้วกลาง ระหว่างนั้นก็ดีดลูกไฟสีน้ำเงินที่แทบโปร่งใสไร้สีออกมาหย่อมหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอขวางนิ้วพลางวาดบนแขนข้างที่ขาดนั้นเหมือนกับละเลงเม็ดสี
แสงไฟหย่อมหนึ่งสว่างขึ้น พุ่งเป็นเส้นตรง หยุดอยู่บนแขนขาด มิได้กระจายออกไป เป็นเส้นไฟตรงดิ่งสายหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจสักพัก สีหน้ามืดมนลง
“เกรงว่าบูรพาจารย์กว่างเฉิงจะเสียชีวิตลงแล้ว”
สวีเฟยกับเกาชิงเสวียนต่างมองเขา เยี่ยนจ้าวเกออธิบายว่า “วิชาลับของข้ามีปฏิกิริยาแล้ว นี่บ่งบอกได้สองอย่าง”
“อย่างแรก ส่วนอื่นๆ บนร่างบูรพาจารย์เทวกษัตริย์กว่างเฉิงยังอยู่ในโลกนี้ มิได้ถูกทำลาย แขนท่อนนี้สามารถนำทางพวกเราไปตามหาได้”
“อย่างที่สอง ที่พิธีกรรมสำเร็จด้วยดีบ่งบอกว่า อีกด้านหนึ่งของพิธีกรรม…สูญเสียพลังชีวิตไปแล้วเช่นกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะหนักใจคำหนึ่ง “แน่นอนว่าอาจเป็นส่วนอื่นๆ บนร่างของบูรพาจารย์กว่างเฉิง อย่างเช่นแขนขวาหรือขาข้างหนึ่งของท่านผู้เฒ่าก็ได้”
วาจาแม้กล่าวแบบนี้ แต่สวีเฟยกับเกาชิงเสวียนทราบว่าสถานการณ์ไม่น่าดูชม
กว่างเฉิงจื่อมีระดับการฝึกปรือล้ำเลิศ แม้บาดเจ็บสาหัส ขณะที่ร่างกายเปลี่ยนแปลง ก็ไม่สมควรทิ้งความพิการไว้
หลังถูกคนตัดแขนไปข้าง ในสถานการณ์ปกติสามารถงอกขึ้นมาใหม่ได้
มีแต่ถูกทำลายรากฐาน ถึงค่อยยากจะฟื้นฟู ถึงขั้นหลงเหลือรอยแผลหรือความพิการเหมือนกับคนที่มีเลือดมีเนื้อ จะรักษาได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมหลังบาดเจ็บ ต่อให้ฟื้นฟูได้ ก็จำเป็นต้องใช้เวลานาน
แต่แขนข้างที่วางอยู่ตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้จัดเป็นความเสียหายที่ส่งผลถึงรากฐาน
งูยักษ์ที่ถูกกว่างเฉิงจื่อสังหาร อย่างไรก็เป็นเทพมารระดับมหาชาลเหมือนกัน เชี่ยวชาญการหลบเร้น ซ่อนแฝงพลัง พอปะทุขึ้นมา ก็มีความรุนแรงดุดันเป็นพิเศษ
“ด้วยระดับพลังฝึกปรือ และภูมิความรู้อันกว้างขวางตอนบูรพาจารย์กว่างเฉิง ต่อให้เป็นเส้นผมเส้นหนึ่ง ก็ให้กำเนิดพลังวิญญาณและลมปราณอันแข็งแกร่งได้ เหนือกว่าการบำเพ็ญตลอดชีวิตของคนจำนวนนับไม่ถ้วน” สวีเฟยถอนใจพลางเอ่ยว่า “ตอนนี้ยังไม่อาจยืนยัน รอหาเจอค่อยว่ากันเถอะ”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะหนักใจต่อ “ถ้าหากว่าในมือข้าเป็นเส้นผมเส้นหนึ่ง พวกเราคงมองโลกในแง่ดีได้บ้าง แต่ทำให้แขนซ้ายข้างนี้เกิดปฏิกิริยาขึ้นได้ อีกด้านคงจะมีขนาดใหญ่กว่าเส้นผมมาก”
“ภัยพิบัติในวันวานได้ทำลายเหล่าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ของสำนักเต๋าเราไปมากมายเกินไป” สวีเฟยส่ายหน้าติดต่อกัน
“พิษร้ายส่งผลเป็นหมื่นปี” หลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอพิจารณาแขนข้างที่ยังคงมีเส้นเพลิงลุกไหม้อยู่ข้างนั้นอย่างละเอียดอีกสักพัก ก็ส่งให้สวีเฟยที่อยู่ด้านข้าง
หลังจากมือว่างแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็หันไปพูดกับเกาชิงเสวียนว่า “พวกเราเริ่มเถอะ”
เกาชิงเสวียนยกมือขึ้น เลือดเนื้อขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งปรากฏตรงหน้าทุกคน เหมือนภูเขาลูกย่อมๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี