การแสดงกายทองมหาเทวะแสดงความเกรียงไกรทุกด้าน แต่มิใช่ว่าใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา
ก่อนหน้านี้สิ้นเปลืองพลังมากเกินไป ต่อจากนี้ต้องใช้เวลานานถึงจะฟื้นฟูได้ ยิ่งใช้พลังรุนแรงเท่าไหร่ เวลาการดำรงอยู่ก็สั้นเท่านั้น เวลาพักผ่อนก็จะยาวไปด้วย
หลายสิบปีมานี้ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก สวีเฟย และพ่านพ่านยังคงหลอมเปลี่ยนกายทองมหาเทวะที่รวมกับร่างของตนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ผลกระทบจากกันและกัน ส่งผลดีต่อการแสดงกายทองมหาเทวะ
แต่ว่าการรวมสามร่างเป็นหนึ่งแสดงร่างแท้จริงของมหาเทวะเสมอฟ้า กับการโบกกระบองสารพัดนึกด้วยตัวคนเดียว ยังคงกินแรงเป็นพิเศษ
“หากทนสงครามนี้ได้ สมควรไม่มีปัญหา” เยี่ยนจ้าวเกอทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งเหลือบซ้ายแลขวา ตรวจตราสภาพแวดล้มของท้องทะเลหมอกแสงตรงหน้า
เขาหยิบเลือดเนื้อที่เหมือนกับแขนมนุษย์ออกมา เปลวเพลิงด้านบนผนึกตัวเป็นเส้นเดียว ลุกไหม้ไม่ดับลง แต่ว่ามีกฎเกณฑ์
เยี่ยนจ้าวเกอทิ่มนิ้วใส่เปลวเพลิงเบาๆ
เส้นเพลิงส่ายวูบวาบ สุดท้ายไม่อาจรักษาความมั่นคงได้อีก ขยายออกไปรอบๆ เปลี่ยนเป็นโชติช่วงโหมไหม้ในชั่วพริบตา กลืนกินเลือดเนื้อมือมนุษย์ก้อนนั้นหมดสิ้น
ชิ้นส่วนตราพลิกฟ้าที่ฝังไว้ในเลือดเนื้อส่องแสง ถึงกับเหมือนถูกเผา
เยี่ยนจ้าวเกอผ่อนมือไปด้านหน้าเบาๆ เพลิงโหมไหม้ลอยขึ้น ลอยเข้าไปในหมอกแสงที่เหมือนกับท้องทะเลตรงหน้า
สวีเฟยปลดถุงสุราที่แขวนไว้ตรงเอว ดึงจุดปิดออก เงยหน้าดื่มไปสองอึก ทางหนึ่งดื่ม ทางหนึ่งมองภาพตรงหน้าอย่างสงบนิ่ง
หมอกแสงเหล่านั้นลุกไหม้ขึ้นตาม กอปรกันเป็นเปลวเพลิงกลุ่มหนึ่ง แล้วแผ่ลามไปรอบๆ
ตอนนี้ท้องทะเลแห่งแสงบริเวณนี้เหมือนถูกต้ม พลิกตัวอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนั้นเอง พลันมีแสงสว่างกะพริบขึ้นจากทิศทางที่แตกต่างกัน
ตัวตนอันน่ากลัวไม่ต่ำกว่าหนึ่งมาถึงความว่างเปล่ากลางจักรวาลแห่งนี้พร้อมกัน
เพียงแต่คนหนึ่งในนี้ทำให้ผู้คนต้องกลั้นหายใจ ผู้เข็มแข็งจำนวนมากขนาดนี้ถมเติมที่นี่พร้อมกัน ไม่จำเป็นต้องลงมือ บรรยากาศที่แข็งค้างก็แทบจะฉีกหมอกแสงบริเวณนั้นทิ้ง
ระหว่างพวกเขามีการปะทะกัน ไม่ยอมถอยหนี ยิ่งทำให้บรรยากาศตรงหน้ากดดันถึงขีดสุด
หากแต่สองฝ่ายไม่ได้เกิดความขัดแย้งใหญ่ในทันที กลับเล็งเป้าหมายไปที่กระบี่ลงทัณฑ์เซียนก่อน
ดังนั้นจึงเห็นปรากฏการณ์ประหลาดมากมายปรากฏ ราวกับบุปผาปลิวว่อนเต็มฟ้า กระจายไปทั่วความว่างเปล่า
“ไล่ตามมาแล้วจริงๆ ด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอแสยะยิ้ม มองไปทางสวีเฟย
สวีเฟยยิ้มขึ้น แขวนถุงสุราไว้ตรงเอว
หมอกแสงบนศีรษะของคนทั้งสองถูกฉีกออก กลิ่นอายอันน่ากลัวข่มขวัญคนพลันกดลงมาราวกับท้องฟ้าถล่ม
แต่ว่าร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก สวีเฟย และพ่านพ่านสั่นร่าง แสงอันเจิดจ้าพุ่งสู่ฟากฟ้า
ภายใต้แสงสว่างสาดส่อง วานรยักษ์ที่เหมือนกับเขาสูงสามลูกเผยงร่างอันมโหฬาร ราวกับค้ำฟ้ายันดิน ดันท้องฟ้าที่ถล่มลงมาขึ้นไป
ปราณปีศาจทั่วฟ้าแผ่พุ่ง ถูกแสงสว่างของกายทองมหาเทวะสาดส่อง ตัวตนมากมายในความว่างเปล่าจึงค่อยปรากฏรูปร่างที่แท้จริง มิได้ยากจะสำรวจและยากจะบรรยายเหมือนเช่นก่อนหน้า
ผู้นำหน้าคือเซียนหัวมังกร เซียนงาวิญญาณ ยังมีฉวีซูบุตรกระบี่หกวิถีที่สู้กันก่อนหน้านี้
คนที่ร่วมทางกับพวกเขาสามคนกลับเป็นจอมปีศาจอีกตนหนึ่ง สวมชุดเกราะ มือถือสามง่าม ใบหน้าเคร่งขรึม มองกายทองมหาเทวะทั้งสามร่างคล้ายมีความคิดอะไรบางอย่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี