คู่ต่อสู้เปลี่ยนจากจักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋เป็นจักรพรรดิโกวเฉิน บุญกุศลพุทธะยังคงใช้วาจาไพเราะดุจดอกบัว
แตกต่างไปจากสภาวะสายฟ้าถั่งโถม อานุภาพดุจท้องทะเลก่อนหน้า ตอนนี้จักรพรรดิโกวเฉินลงมือไม่ปรานี ปราณสังหารซัดสาด
กลิ่นอายฆ่าฟันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในโลกมนุษย์เหมือนกับผนึกรวมอยู่ที่นี่ ทำให้แดนสุขาวดีพุทธเกษตรสูญเสียความอ่อนโยนบริสุทธิ์
บุญกุศลพุทธะไม่รีบร้อน ต่อสู้กับจักรพรรดิโกวเฉิน
เพียงแต่สารีริกธาตุในตะเกียงทองบนศีรษะถูกวานรที่ผ่านทางตีจนพลิกคว่ำ ทำให้พุทธะองค์นี้มีสภาพทุลักทุเล
“ในที่สุดเหตุและผลก็สะสางแล้ว” บุญกุศลพุทธะส่ายหน้า ยิ้มอย่างหนักใจ
จักรพรรดิโกวเฉินไม่มีความคิดปรานี กลับโจมตีทันที เสาเทพแสงดาวหกสายรวมตัว ทหารสวรรค์ทัพสวรรค์นับพันนับหมื่นติดตาม โจมตีบุญกุศลพุทธะ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาระวังก็คือ ท่าทีของบุญกุศลพุทธะกลับคืนสู่สภาพเดิม ยังคงไม่หวาดหวั่น
“สหายร่วมเส้นทางโกวเฉิน ไฉนวันนี้ท่านจึงมากวนน้ำให้ขุ่น” พุทธะพูดกับจักรพรรดิโกวเฉินด้วยสีหน้าจริงจัง “ตัวเลือกในหลายปีมานี้ของสหายร่วมเส้นทางไม่ว่าจะเป็นสงครามหรือสันติ ความจริงไม่ผิดและไม่ถูก แต่วันนี้ด่านที่สำคัญที่สุด สหายร่วมเส้นทางกับขาดการพิจารณา”
จักรพรรดิโกวเฉินกล่าวอย่างเรียบเฉย “เป็นด่านที่สำคัญที่สุดจริงๆ เรื่องราวเกี่ยวพันถึงความรุ่งเรืองเสื่อมโทรมของสำนักเต๋า ข้าย่อมต้องมา ถ้ามิใช่ต้องหลีกเลี่ยงหูตาของพวกท่าน เดิมสมควรมาถึงเร็วกว่านี้ ในที่สุดก็ยังสายไป”
บุญกุศลพุทธะใบหน้าฉายแววเมตตา “สหายร่วมเส้นทางเอ๋ย วันนี้หากโยมไม่มา จึงจะเหลือโอกาสรอดชีวิตให้แก่ผู้สืบทอดสำนักเต๋า โยมมาในวันนี้ กลับอาจตัดโชคชะตาของพวกโยม”
“โยมมิใช่มาสายไป แต่ว่ามาเร็วไป”
จักรพรรดิโกวเฉินฟังความนัยของท่านออก ดวงตากลายเป็นคมกริบอย่างมิอาจควบคุม มองใบหน้าของอีกฝ่าย
บุญกุศลพุทธะมองเมฆทองที่ไล่ติดตามแสงรุ้งกลางอากาศ เห็นวานรปรากฏตัวฟาดกระบอง จนไหล่ของลู่ยาเต้าจวินเปลวเพลิงกระจัดกระจาย เหมือนกับกายเนื้อลอยว่อน
ท่านเห็นดังนั้นไม่ได้แสดงความแตกตื่นพรั่นพรึง กลับถอนใจคำหนึ่ง “ความรุ่งโรจน์มากมายในวันวาน ปัจจุบันล้วนเป็นฟองเงา”
จักรพรรดิโกวเฉินขมวดคิ้ว กลับได้ยินพุทธะทั้งหมดรวมถึงบุญกุศลพุทธะต่างเปล่งเสียงสรรเสริญคุณโดยมีทีปังกรพุทธะเป็นผู้นำ “มาแล้ว”
น้ำในธารสวรรค์พลันแยกออก
กลิ่นอายแข็งแกร่งมาถึง จากที่ไกลเข้ามาใกล้ แสงสว่างที่มีห้าสีส่องสว่างธรรมชาติ
ในแสงพุทธบริสุทธิ์สีเคลือบ เห็นเพียงเปลวเพลิงลุกไหม้ แสงเขียวมีกำลัง ดินเหลืองหนักอึ้ง ทองขาวคมกริบ น้ำดำทอดยาว แสงห้าสายไม่แยกจากกัน ไหลเวียนไม่หยุด
กลางแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี นั่งด้วยพุทธะองค์หนึ่ง มีศีรษะยี่สิบสี่ข้าง แขนสิบแปดข้าง แยกเป็นถือพาหุรัด กรด แจกันดอกไม้ ไส้ปลา วัชระปลุกเสก ตะไบวิเศษ กระดิ่งทอง ธนูทอง ง้าวเงิน ธง ฉัตรวิเศษ ดอกบัว ป้ายอาญา ขันบาตร หอกแหลม กระบี่หน้ากว้าง สารีริกธาตุ พระสูตร
ทุกคนที่อยู่รอบๆ ไม่มีใครไม่ทราบว่าผู้มาเป็นใคร
มหาวิทยราชมยุรี ข่งซวน!
พูดถึงพลังส่วนตัว เป็นบุคคลอนดับสองของแดนสุขาวดีตะวันตกที่แท้จริง เป็นรองเพียงตัวตนอย่างอามิตาภพุทธเจ้าผู้ปกครองแดนสุขาวดี
ทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินที่อยู่ตรงนี้ ในยุคโบราณตอนต้นล้วนเคยพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของข่งซวน ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของข่งซวนเล่นงานจนต้องหนีเตลิด ไม่กล้าสู้ต่อโดยสิ้นเชิง
ในสงครามสถาปนาเทพยุคโบราณตอนต้น ข่งซวนช่วยเหลือนิกายเจี๋่ยเหนือพิสุทธิ์ แทบกวาดล้างคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่อยู่ต่ำกว่าระดับมรรคา จนกระทั่งจุ่นถีเต้าหยินผู้เป็นเจ้ามรรคาลงมือ ข่งซวนค่อยพ่ายแพ้ หลังเข้าศาสนาพุทธ สุดท้ายกลายเป็นมหาวิทยราชมยุรี
ภายหลังข้ามไปอีกยุคสมัย มหาวิทยราชมยุรีก็ไม่เคยโผล่มาอีก
หลังจากเข้าสู่ยุคสมัยนี้ มหาวิทยราชมยุรีเร้นกายมาโดยตลอด จนกระทั่งราวๆ ร้อยปีล่าสุด จึงค่อยโผล่มาครั้งหนึ่ง
แต่ว่าในสงครามนั้น มหาวิทยราชมยุรีคนเดียวคุ้มครองโถงเซียน กวาดล้างมหาเทวะและอนุเทวะเผ่าปีศาจที่รวมเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ นอกจากจอมปีศาจไม่กี่ตนอย่างเผิงท่องเมฆหมื่นลี้หนีรอดได้ ที่เหลือล้วนถูกมหาวิทยราชมยุรีจับเป็น!
ในสถานการณ์ที่เจ้ามรรคาสะกดกันเอง มหาวิทยราชมยุรีกันด่านคนเดียว หมื่นคนมิอาจข้าม ใช้พลังของตัวเองเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ดีที่โถงเซียนเผชิญ กดดันแดนสุขาวดีบัวขาวออกจากแปดร้อยแดนเซียนของโถงเซียนที่ยึดครองมากว่ายี่สิบกว่าปี เปลี่ยนผลลัพธ์การศึกในครั้งนั้น
แต่ว่าหลังจากการลงมือในครั้งนั้น มหาวิทยราชมยุรีก็หายตัวไปอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี