การโจมตีอันน่ากลัวจากกระบองสารพัดนึกถึงกับทำลายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีจากด้านในชั่วขณะ
เงาแสงไหลเวียน คนที่ถูกแสงห้าสีจับไปก่อนหน้านี้อย่างจักรพรรดิโกวเฉิน จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋ เซียนหัวมังกร หนอนเก้าเศียร ล้วนฉวยโอกาสพุ่งออกมาจากในช่องว่างแสงศักดิ์สิทธิ์
พวกเขาหันกลับไปมองอย่างงุนงง มองดูเงาร่างที่ฉีกท้องทะเลแสงศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับอยู่กันคนละยุคสมัย
คนอื่นๆ ในโลกภายนอก จิตใจสั่นสะเทือนเช่นกัน
ด้านในค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวว่า “พลังของพิณฝูซีไม่อาจผลักดันด้วยตัวเอง ได้แต่ต้องรับการกระตุ้นถึงจะทำงาน เพียงป้องกันเจ้ามรรคา กลับไม่ใช่ผนึกสถานที่แห่งนี้อย่างแท้จริง ดังนั้นยอดฝีมือระดับมหาชาลจึงหนุนเนื่องมาถึง”
เขายิ้มหนักใจ “ใต้เท้าโกวเฉินที่เป็นพวกเดียวกันมาช่วยเหลือ แต่มหาวิทยราชมยุรีก็มาเช่นกัน”
ข่งซวนไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่พิจารณาเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นลง
ขณะเดียวกัน แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีก็หมุนวนอยู่รอบตัวเขา ต้องการซ่อมช่องว่างนั้นและจับคู่ต่อสู้ที่ก่อความวุ่นวายอีกครั้ง
ความหนักใจหายไปจากใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาอมยิ้ม กล่าวอย่างผ่อนคลาย “ร้อยปีก่อนข้าถล่มวังเซียน หลังจบเรื่องลองนึกย้อนดู มักยินดีที่ตัวเองลงมือเด็ดขาด เล่นงานโถงเซียนจนรับมือไม่ทัน”
“ไม่อย่างนั้นถ้าหากอีกฝ่ายเชิญวิทยราชท่านมาเฝ้า ร้อยปีก่อนข้าเกรงว่าได้แต่หลบหนี ยากจะฆ่าคนทรยศแก้แค้น”
ในที่สุดมหาวิทยราชมยุรีก็เอ่ยขึ้น “วันนี้หากบอกว่ามีอะไรต่างไปจากเดิม บางทีเป็นเจ้าหนีไม่ได้แล้ว”
ขณะที่พูดเห็นแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีนั้นเริ่มแข็งแกร่งขึ้น
รัศมีห้าสียิ่งมายิ่งโชติช่วง เหมือนกับกระแสคลื่นมืดฟ้ามัวดิน กำลังจะกลบฝังเงาร่างสีทองตรงกลาง
“วันนี้ไม่เหมือนเดิมจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอไร้ความเกรงกลัว “พวกเราก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน”
เขางอนิ้วนับ “อย่างเช่น ไม่ต้องให้ข้าเข้าไป ขอแค่ปราณพิสุทธิ์สามสายก็สามารถแสดงร่างมหาเทวะเสมอฟ้าได้แล้ว หรืออย่างเช่น เวลาที่พวกเรารักษาการดำรงอยู่ของร่างมหาเทวะเสมอฟ้าได้ยาวขึ้น หรืออย่างเช่น…”
เยี่ยนจ้าวเกอยังคงยิ้ม เอ่ยแช่มช้า “…หรืออย่างเช่น ถึงแม้จะมีภัยที่ตามมาในภายหลังมากมาย แต่สามารถช่วยทุกคนหวนนึกถึงมหาเทวะเสมอฟ้าในตอนที่อยู่ในระดับสูงสุดเมื่อครั้งกระโน้นได้!”
เสียงยังไม่ขาดลง วานรที่อยู่กลางแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีก็ส่งเสียงกู่ร้องอีกข้าง เมฆสีทองมากมายห้อมล้อมอยู่รอบตัว
ขณะที่มันคำราม ร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นมหึมากว่าเดิม
ในเวลาเดียวกัน ส่วนคอของวานรก็มีศีรษะสองข้างงอกขึ้นมา บนตัวเพิ่มแขนสี่ข้าง!
สามเศียรหกกร!
หน้าขนปากงุ้มเหมือนกัน ตาอัคคีเนตรทองเหมือนกัน รวมถึง…กระบองสารพัดนึกเหมือนกัน!
ตอนนี้กระบองสารพัดนึกกลายเป็นสามท่อนในมือของเขา แขนทั้งหกข้างแยกกันถือ เขย่าทำลายฟ้าดิน
ตาอัคคีเนตรทองสามคู่ยังสว่างไสวกว่าดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นดาวฤกษ์
ร่างกายขนาดมหึมาถมเต็มฟ้าดิน เหมือนกับเหยียบย่ำทำลายโลกมนุษย์ ยืนอยู่ในนรกใต้บาดาล
เอวยืดตรง ศีรษะสามข้างเงยขึ้นด้านบน ดันทำลายก้อนเมฆ กวาดมองฟากฟ้า
กวาดฟาดกระบองสารพัดนึกสามท่อนพร้อมกัน จุดที่ผ่าน ธรรมชาติไม่คงอยู่ ทุกอย่างสลายกลายเป็นดินแดนแรกเริ่มก่อนเปิดฟ้า ดิน น้ำ ลม ไฟกระจายเวียนว่อนในที่ลับ ปั่นป่วนวุ่นวาย รอบข้างล้วนมืดมน โกลาหลไม่ชัดเจน
ทุกคนที่อยู่รอบๆ ขณะมองวานรสามเศียรหกกรตัวนั้น ต่างหนังศีรษะชา ส่งเสียงลอดไรฟันออกมาแทบเป็นทีละคำว่า
“มหา! เทวะ! เสมอ! ฟ้า!”
ขณะมองเงาร่างที่ในที่สุดก็ยันทำลายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสี แล้วกระโดดออกมาสายนั้น คนที่เคยผ่านสงครามสถาปนาเทพยุคโบราณตอนต้น ต่างนึกถึงภาพที่เจ้ามรรคาจุ่นถีทำลายแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีออกมาโดยมิได้นัดกัน
มหาวิทยราชมยุรีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ในสองตาเหมือนกับมีแสงเพลิงอันเจิดจ้าสว่างขึ้น
ร่างทองกายทิพย์ที่ใหญ่มหึมาเหมือนกันของท่านลุกไหม้ แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีหมุนวนด้วยความเร็วสูง ปะทะกับกระบองสารพัดนึกสามท่อนของมหาเทวะเสมอฟ้า
สงครามระดับมหาชาลที่สุดยอดที่สุดในประวัตศาสตร์ หลังจากมหาเทวะเสมอฟ้าอาละวาดบนวังเทพ ท้าสู้มหาเทวกษตริย์แห่งหยกในยุคโบราณตอนกลาง เกิดขึ้นอีกครั้ง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี