ในสวรรค์ไท่ซู่ บนต้นชบาศักดิ์สิทธิ์ ลู่ยาเต้าจวินส่ายหน้า เหล่าจอมปีศาจด้านหน้าเขาล้วนเงียบงัน
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ที่เป็นผู้นำสีหน้าดำคล้ำเป็นอย่างยิ่ง
ระหว่างเขากับจอมยุทธสำนักเต๋า ไม่เพียงแต่การแข่งขันระหว่างขุมกำลังเบื้องหลังแต่ละฝ่ายเท่านั้น ยังมีบุญคุณความแค้นส่วนตัวด้วย
ฝูหลัวจื่อบุตรคนเดียวของเขาตอนนั้นตายเพราะค่ายกลลงทัณฑ์เซียนที่ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งพวกเยี่ยนจ้าวเกอกางขึ้น
หลายปีมานี้ เผิงท่องเมฆหมื่นลี้วางแผนหาโอกาสแก้แค้นมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยสมปรารถนา
ตอนนี้จักรวาลสำนักเต๋าที่บุกเบิกขึ้นใหม่ตั้งอยู่ตรงนั้นอย่างเปิดเผย
แต่ว่าตอนนี้เผิงท่องเมฆหมื่นลี้จำเป็นต้องไตร่ตรองให้ดีค่อยกระทำ
เขาคับข้องใจต่อการรำพึงรำพันของลู่ยาเต้าจวินถึงขีดสุด แต่ก็มีแต่ความเงียบงันเหมือนเดิม
เนิ่นนานให้หลัง เผิงท่องเมฆหมื่นลี้เอ่ยปากกล่าวว่า “ข้าจะไปแดนอภิรดีศูนย์กลาง ดูว่าจะแลกเปลี่ยนสารีริกธาตุศรีศากยมุณีจากพระศรีอริยเมตไตรยได้หรือไม่”
“มหาเทวะเสมอฟ้าแม้นจะแข็งแกร่ง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เขาตัวจริง ตอนนี้ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ใช่ว่าจะแสดงร่างที่แท้จริงของเขาได้ต่อ” เผิงท่องเมฆหมื่นลี้เสียงแหบหยาบ แสดงให้เห็นความมุ่งร้าย “ไม่ ในเวลาอันยาวนาน พวกเขาไม่อาจแสดงร่างที่แท้จริงของมหาเทวะเสมอฟ้าได้อีก!”
“ความแข็งแกร่งด้านพลังของมหาวิทยราชมยุรี พวกเราล้วนสู้ไม่ได้ แต่ว่าถึงแม้ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์จะไม่มีมหาเทวะเสมอฟ้า คนอื่นๆ กลับไม่อาจดูแคลน” ลู่ยาเต้าจวินถอนใจเบาๆ “หากปล่อยให้หยางเจี่ยนสู้หนึ่งต่อหนึ่งกับมหาวิทยราชมยุรี ถึงจะสู้ไม่ได้ ก็เกรงว่าไม่ใช่แบ่งผลแพ้ชนะออกมาได้ในเวลาสั้นๆ ทั้งข้ากลับไม่มีมีดบินสังหารเซียนคอยสะกดเขาไว้อย่างยาวนาน”
ลู่ยาเต้าจวินส่ายหน้า “คนผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงสงครามก่อนหน้าจะโผล่ขึ้นมาเพียงแวบเดียว แต่มองออกว่า เขาค่อยๆ หาวิธีรับมือมีดบินสังหารเซียนเจอแล้ว ยิ่งผ่านไปยิ่งไม่เกรงกลัว”
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ใบหน้าเคร่งขรึม หลังเงียบงันครู่นหนึ่งค่อยกล่าวว่า “ถ้ามีแค่พี่ชายข้าเพียงคนเดียว ก็อาจจะดูโดดเดี่ยวไปบ้าง แต่ว่าเมื่อมีคนอื่นๆ คอยช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง สภาพการณ์ย่อมไม่เหมือนเดิม”
“การช่วงชิงค่ายกลลงทัณฑ์เซียนในครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเวลาเร่งรัด ไม่อนุญาตให้พวกเราค่อยๆ วางแผน ผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์สายหลักไม่มีทางทำสำเร็จ”
เขากล่าวอย่างแช่มช้า “เมื่อไม่มีค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เพียงต้านไว้ระยะหนึ่ง ในที่สุดผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ก็จะรับการกลุ้มรุมจากหลายฝ่ายไม่ไหวเอง”
การดำรงอยู่ของค่ายกลลงทัณฑ์เซียน เปลี่ยนแปลงสภาพของคนในสำนักเต๋าโดยสิ้นเชิง
แต่ว่าในทางกลับกัน ยังมีการข่มขวัญชนิดหนึ่งเพิ่มมา
โดยเฉพาะการสะกดที่เห็นพ้องตรงกันต่อเจ้ามรรคาทั้งหลาย
การสะกดแบบนี้ ในมุมหนึ่งแล้ว ส่งผลต่อกันและกัน เจ้ามรรคาเป็นเช่นนี้ ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนเป็นเช่นนี้
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาไม่สอดมือ การต่อสู้ของขุมสกำลังต่างๆ ที่ระดับต่ำกว่าชั้นมรรคา ยังต้องดูความสามารถของยอดฝีมือแต่ละฝ่าย
“ก่อนจะกลับมาที่นี่ ข้าติดต่อพวกมหาเทวะนพยวิญญาณให้กลับแล้ว” ลู่ยาเต้าจวินกล่าวอย่างเรียบเฉย “ถ้าหากทีปังกรฉลาด ก็จะตัดสินใจอย่างเดียวกัน”
“ระหว่างแดนอภิรดีศูนย์กลางกับโถงเซียน การศึกไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ว่าพวกเรากับแดนสุขาวดีตะวันตก ไม่ว่าภายหลังเป็นอย่างไร ตอนนี้การหยุดสงครามชั่วคราวถือว่าวิเศษสุด”
“ทางผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์เป็นอย่างไร กล่าวตอนนี้ยังเร็วไป ต้องจับตาดูไปก่อน”
เผิงท่องเมฆหมื่นลี้ได้ยินคำพูดของลู่ยาเต้าจวิน สีหน้าไม่ได้ดูดี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ระหว่างพวกปีศาจสนทนากัน เมฆดำสายหนึ่งข้ามจักรวาลอันกว้างใหญ่ของเขาดาราทะเลดวงดาว พุ่งลงมาในสวรรค์ไท่ซู่
เมฆดำที่บดบังท้องฟ้าและดวงตะวันเข้ามาในสวรรค์ไท่ซู่ ก็หดเล็กลงทันที ไปที่แดนลี่กว่าง สักพักหนึ่งก็ลงมาจากฟากฟ้า มุ่งไปยังต้นชบาศักดิ์สิทธิ์
เมฆดำหายไป หยุดอยู่บนลำต้น เผชิญหน้ากับพวกลู่ยาเต้าจวินกับเผิงท่องเมฆหมื่นลี้
ระหวางชั้นเมฆอันขมุกขมัว ปรากฏร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง ร่างเป็นคนหัวเป็นสิงโต สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกเกรงกลัวยิ่งกว่าก็คือ บนร่างคนนั้นถึงกับเหมือนมีหัวสิงโตอยู่เก้าข้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี