เยี่ยนจ้าวเกอจับปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะ หรือก็คือจินจา กลับไม่ได้กำจัดอีกฝ่ายในทันที แต่มาถึงด้านหน้านาจา
นาจาสีหน้าซับซ้อนอยู่บ้างขณะมองปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะ
ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะตอนนี้เพราะอาการบาดเจ็บ ไอติดต่อกันไม่หยุด แต่ว่าสีหน้าท่านกลับสงบลงหลายส่วน
“วันนี้ดูแล้วเป็นวันตัดเหตุผลระหว่างพวกเราจริงๆ ถึงแม้เป็นโยมกำจัดอาตมา มิใช่อาตมากำจัดโยม” ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะถอนใจยาว จากนั้นไม่มองนาจาอีก แต่หันมองเยี่ยนจ้าวเกออย่างยากลำบาก “เทวกษัตริย์น้อย สมคำร่ำลือ”
“น่าเสียดายหากรู้แต่แรกว่าโยมจะสร้างกระบี่เนรเทศเซียน คงไม่ยอมให้โยมเติบโตถึงขั้นนี้” พุทธะกล่าวเบาๆ “โชคดีที่มรรคาฟ้าเป็นนิรันรด์ ไม่มีทางเอนเอียง วิชากระบี่ของโยมนี้ไม่อาจฝึกได้ง่ายกระมัง? ถ้าหากว่าพัฒนาได้ ไม่ว่าจะกับแดนอภิรดีศูนย์กลางของอาตมา หรือมารร้ายโถงเซียน ต่างเป็นการคุกคามใหญ่หลวงสุดขีด”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ต่อให้ไม่มีกระบี่เนรเทศเซียนของข้า พวกท่านจะเดินทางไกลได้อย่างไร?”
“ถูกต้อง พวกโยมผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ได้รับค่ายกลลงทัณฑ์เซียน มีโอกาสพักหายใจ ค่อยๆ ฟื้นฟูปราณกำเนิดขึ้นมาแล้ว” ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะพยักหน้า “หนำซ้ำระดับพลังฝึกปรือของโยมยังพุ่งทะยาน มิอาจกล่าวร่วมกับอดีตได้”
ท่านเงยหน้าถอนใจคำหนึ่ง “ตอนแรกปล่อยให้พวกโยมเพิ่มความวุ่นวายแก่มารร้ายโถงเซียน ก็เพื่อตามใจพวกโยม มาถึงวันนี้ในที่สุดตัดหางไม่ขาด เกิดผลพวงตามมา”
“รู้ว่าจะมีวันนี้ ตอนแรกถือโอกาสสะกดพวกโยมพร้อมกับมารร้ายโถงเซียน คงไม่ถึงกับมีวันนี้ แต่ว่าตอนนี้กล่าวเรื่องเหล่านี้ก็ไม่มีความหมายแล้วเช่นกัน”
ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะพูดพลางส่ายหน้าติดต่อกัน
“พอแล้วแล้วกระมัง” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “วาจานี้เปลี่ยนเป็นพระศรีอริยเมตไตรยกล่าวไม่มีปัญหา ท่านกล่าวออกจะประเมิณตัวเองสูงส่งไป ไม่ว่าโถงเซียนหรือพวกท่าน ต่อหน้าแดนสุขาวดีตะวันตกกับเผ่าปีศาจล้วนอ่อนแอเกินไปแล้ว”
“วิธีการเก่าของเส้นทางนอกรีตพวกท่านไว้ปลอบระดับกลางถึงล่างยังพอว่า ผู้นำระดับเท่าท่าน ไหนเลยมองไม่เห็นข้อนี้?”
ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะได้ยินไม่มีโทสะ ยิ้มเล็กน้อย “แดนอภิรดีศูนย์กลางของอาตมาประสบเหตุเปลี่ยนแปลงในอดีต เดินมาถึงวันนี้ ย่อมมีวาสนา อ่อนแอกับไม่อ่อนแอ มิใช่ดูแค่วิธีต่อสู้เปรียบทักษะ ไม่อย่างนั้นพวกโยมผู้สืบทอดสามพิสุทธิ์ตอนแรกอ่อนแอถึงขีดสุด ไหนเลยเดินมาจนมีสภาพอย่างตอนนี้?”
ท่านหลับสองตา “ก็แค่จุดจบของอาตมาเป็นวันนี้แล้ว”
“จินจา เรื่องราวถึงวันนี้ วาจาอื่นไม่ต้องกล่าวแล้วจริงๆ” นาจายามนี้เอ่ยขึ้น “อย่างที่ท่านว่า วันนี้ในเมื่อท่านมาหาข้าเพื่อตัดเหตุผล เช่นนั้นขอสนองแก่ท่าน”
ว่าแล้ว นาจามองเยี่ยนจ้าวเกอ “สหายร่วมเส้นทาง โปรดมอบความตรงไปตรงมาแก่เขา อย่าได้หยามเหยียดเขา”
“ถึงครั้งนี้ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะมาตามหาท่านเป็นฉกฉวยวิกฤติคน แต่ข้ายินดีมอบศักดิ์ศรีสุดท้ายแก่เขา” เยี่ยนจ้าวเกอมองปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะ พูดว่า “สหายร่วมเส้นทาง เชิญแล้ว”
ว่าแล้ว กลางฝ่ามือเขาก็มีแสงไฟสว่างขึ้น
“นะโมอามิตาพุทธ” ปัทมาสน์อธิธรรมพุทธะเปล่งเสียงสรรเสริญคุณ หลับตาลง แสงพุทธพลังศรัทธาบนร่างค่อยๆ สลาย ลมหายใจเงียบสงัด ดับสูญในเปลวเพลิงกลางฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอ
เงาร่างพุทธะยิ่งมายิ่งเล็ก สุดท้ายก็หายไป
หลังจากเปลวเพลิงดับลง กลางฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอก็เหลือเพียงสารีริกธาตุชิ้นหนึ่ง
เขามอบสารีริกธาตุให้นาจา นาจารับไว้ สายตาเปลี่ยนแปลง สุดท้ายถอนใจไร้เสียง
ตั้งแต่ยุคโบราณตอนต้น เป็นเพราะความเกี่ยวข้องกับหลี่จิ้ง ความสัมพันธ์ระหว่างเขา จินจา และมู่จา ไม่ได้ดีแต่อย่างใด ยากจะบอกว่ามีความเคารพนับถือระหว่างพี่น้อง
ภายหลังเพราะสาเหตุมากมาย ในที่สุดก็อยู่ร่วมกันไร้เรื่องราว
เวลาผ่านไปนานไปแล้ว การเกาะเกี่ยวบุญคุณความแค้นในตอนแรกค่อยๆ จืดจางลง
ตอนเกิดมหาภัยพิบัติ จินจาถึงจะเข้าสู่แดนสุขาวดีบัวขาวเส้นทางนอกรีต แต่ว่าตอนสำนักเต๋าประสบภัยมิได้สอดมือ
มู่จาติดตามพระโพธิสัตว์กวนอิมกับพระสมันตภัทรโพธิสัตว์พำนับอยู่ในแดนสุขาวดีตะวันตก ไม่ได้เข้าร่วมเรื่องมหาภัยพิบัติเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี