ขุมกำลังแต่ละฝ่ายเล็งเป้าหมายที่ธงเหลืองโบ่วกี้ ต่างก็เริ่มการแย่งชิง
ถึงบอกว่าสถานการณ์ปั่นป่วน แต่ว่าผู้ที่เด่นที่สุด ยังเป็นมหาวิทยราชมยุรีที่เหนือล้ำกว่าผู้ใด ในเวลาส่วนใหญ่ ยังคงเป็นคนอื่นๆ ร่วมมือกันต่อสู้กับท่าน
หากแต่แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีเกรี้ยวกราดเกินไป แทบไร้สิ่งใดต่อต้าน มาตรว่าเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดอย่างลู่ยาเต้าจวินก็พยายามหลบเลี่ยงการปะทะซึ่งหน้าให้มากที่สุด
ถ้ามิใช่เพราะการดำรงอยู่ของธงแดนเมฆสีม่วง ก็ยากจะต้านทานการรุกคืบของมหาวิทยราชมยุรี
เยี่ยนจ้าวเกอดูอยู่ด้านข้างพักหนึ่ง จากนั้นหันไปมองศึกใหญ่ระหว่างนาจาตัวจริงกับตัวปลอมที่อยู่อีกด้าน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เวลานี้ขึ้นอยู่กับมารไม้อิกท่านแล้ว”
นาจาปลอมยิ้ม “เทวกษัตริย์น้อยล้อเล่นแล้ว ถึงข้าจะเปลี่ยนเป็นสหายร่วมเส้นทางข่งซวนได้ แต่แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีมีหนึ่งไม่มีสอง ไม่มีสิ่งนี้ ต่อให้ข้าเปลี่ยนร่าง จะใมีประโยชน์อันใด? แม้แต่ตอนนี้ ความน่าอัศจรรย์มากมายแห่งกายเซียนบัววิเศษของมหาเทพสมุทรตรีภพ ข้าก็เปลี่ยนได้ไม่สมบูรณ์”
นาจาตัวจริงได้ยินก็แค่นเสียง กายเซียนบัววิเศษของเขานอกจากพลังป้องกันน่าตกตะลึงแล้ว ยังไม่เกรงกลัววิชาชั่วร้ายทั้งปวง เป็นความได้เปรียบใหญ่ของเขา
มารไม้อิกเปลี่ยนเงาเป็นจริงกลายเป็นตัวเขา อย่างอื่นเลียนแบบได้ แต่ว่าความพิเศษมากมายของกายเซียนบัววิเศษเลียนแบบไม่หมด
แต่ว่าใช้สู้กับศัตรูคนอื่นก็มากพอแล้ว กลับกันตัวนาจาก็ไม่เชี่ยวชาญวิชาชั่วร้ายนอกรีตเช่นกัน
อีกด้านหนึ่ง แม้กายเซียนบัววิเศษของเขาจะป้องกันวิชาชั่วร้ายมากมาย แต่ป้องกันความสามารถเปลี่ยนเงาเป็นจริงของมารเงาไม่ได้ ไร้ประโยชน์สำหรับมารเงาเช่นกัน
ดังนั้นพอนาจาได้ยิน วาจาของมารเงา ก็รู้สึกเสียดแทงหูเป็นพิเศษ
เขาที่เดือดดาลไม่อาจสะกดอยู่แล้ว สภาวะโจมตีเร่งร้อนขึ้นทันที
แต่นอกจากกายเซียนบัววิเศษ เขามีความสามารถอะไร ตอนนี้มารเงาก็ไม่ขาดพร่อง ทหารมาใช้แม่ทัพกัน น้ำมาขุดดินกลบ เห็นกระบวนท่าหักล้างกระบวนท่า แก้ไขการโจมตีระลอกแล้วระลอกเล่าของนาจา
“จะว่าไปกลับเป็นเทวกษัตริย์น้อยท่านจึงเป็นผู้ที่ทุกคนคาดหวังยิ่ง” นาจาปลอมทางหนึ่งต้านทาน ทางหนึ่งกล่าวกับเยี่ยนจ้าวเกอด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากบอกว่าคนที่อยู่รอบๆ ผู้ใดปะทะกับสหายร่วมเส้นทางข่งซวนได้อย่างแท้จริง มิใช่มีแต่เทวกษัตริย์น้อยท่านหรือ?”
คำพูดของเขาย่อมหมายถึงว่าพวกเยี่ยนจ้าวเกอทำให้ร่างจริงของมหาเทวะเสมอฟ้าปรากฏตัวขึ้น
วาจาของมารเงาครึ่งจริงครึ่งปลอม เป็นคำพูดจริงใจ แต่ก็ไม่ขาดความคิดหยั่งเชิง
“พวกเราต้านทานมหาวิทยราชมยุรี สู้จนเหนื่อยอ่อน จากนั้นให้พวกท่านฉวยโอกาสเอาธงเหลืองโบ่วกี้ไปหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอขำพรืด “ท่านคิดคำนวณละเอียดไปแล้วกระมัง?”
มารเงากล่าว “ตอนนี้วีรบุรุษรวมตัว ใช่ว่าจะเป็นพวกเราสำเร็จ แต่ถ้าหากเทวกษัตริย์น้อยยังเก็บงำต่อ เกรงว่าสุดท้ายจะทำให้สหายร่วมเส้นทางข่งซวนทำสำเร็จแล้ว”
“หาเป็นไรไม่ อย่างไรพวกเรามีธงวิเศษบัวเขียว พวกท่านมีธงแดนเมฆสีม่วง พวกเราสองฝ่ายไม่ต้องเป็นห่วงเกินไป” เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่
มารเงาหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ นพยมโลกมีธงแดนเมฆสีม่วงจริงๆ มิใช่ว่าต้องเอาธงเหลืองโบ่วกี้มาให้ได้
แต่ว่าที่เข้าร่วมการช่วงชิงในครั้งนี้ ก็เพื่อแลกเปลี่ยนกับแดนสุขาวดีตะวันตก แลกกับสิ่งที่นพยมโลกต้องการอย่างแท้จริง
ถึงทีปังกรพุทธะจะวางแผนเดินหมากในนพยมโลก สุดท้ายถึงเวลายังต้องทำให้นพยมโลกสมความปรารถนา แต่ไม่ให้ตัวเองรีดเค้นผลประโยชน์ที่มากพอ นั่นก็มิใช่ทีปังกรพุทธะแล้ว
ไม่มีธงเหลืองโบ่วกี้ นพยมโลกอาจต้องจ่ายค่าตอบแทนที่สูงกว่า
“จะว่าไปธงเหลืองโบ่วกี้เดิมเป็นของผู้สืบทอดหยกพิสุทธิ์ เทวกษัตริย์น้อยกล่าวเช่นนี้ ไม่เหมาะสมกระมัง?” มารเงาพูดด้วยความไม่พอใจและขบขัน
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “หากจะนับแบบนี้ สำนักเต๋าข้าได้ธงเหลืองโบ่วกี้ ถือเป็นวัตถุกลับคืนสู่เจ้าของ พวกท่านมาก่อกวน ยิ่งไม่เหมาะสมกระมัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี