‘ใต้เท้ากษัตริย์บูรพาไปช่วยเหลือพระศรีอาริย์ ถ้าหากราบรื่น สถานการณ์ด้านนั้นเปลี่ยนเป็นสองต่อสอง ไม่มีใครทำอะไรกันได้ อามิตาภพุทธเจ้ากับเทวกษัตริย์ไร้ประมาณมีแต่ต้องละทิ้งโอกาสครั้งนี้ สองฝ่ายได้แต่สงบศึกชั่วคราว’ เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว
ถึงตอนนั้น เจ้ามรรคาสี่คนเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะกลับนพยมโลก ไม่ทำลายค่ายกลวิถีมาร ก็รับมือสำนักเต๋า
นี่ไม่ส่งผลดีต่อสำนักเต๋า และไม่ส่งผลดีต่อนพยมโลกเช่นกัน
ตั้งแต่กษัตริย์บูรพาไท่อี้ออกไป จนสี่เจ้ามรรคากลับมา อาจจะมีเวลาที่สั้นยิ่ง
ถ้านพยมโลกคิดทำอะไร โอกาสมาถึงเพียงแวบเดียวแล้วหายไปทันที
โอกาสครั้งนี้ พวกมันต้องตั้งใจคว้าไว้ถึงจะทำได้ พยายามกำจัดเรื่องเหนือความคาดหมายแต่ละอย่างที่อาจดำรงอยู่ เพื่อโจมตีครั้งเดียวโดนเป้า
ดังนั้นเมื่อครู่พวกเยี่ยนจ้าวเกอจึงชิงตัวเนี่ยจิงเสิน มารสวรรค์ไร้พันธนาไม่มีการเคลื่อนไหว
กำจัดการรบกวนจากสำนักเต๋า ขณะเดียวกันก็ทำให้กษัตริย์บูรพาไท่อี้จากไปอย่างวางใจ
ก่อนหน้านี้มันกวาดสายตาผ่านร่างพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงไม่เอ่ยสักคำเดียว แต่เหมือนบอกความหมายอย่างหนึ่ง
พวกเจ้าอย่างมากสุดเข้ามาได้แค่ครั้งเดียว
แต่นพยมโลกมีการเตรียมตัวอีกหนึ่งอย่าง!
ตอนนี้การเตรียมตัวนี้จึงเป็นเวลาตัดสินผลแพ้ชนะอย่างแท้จริง
เนี่ยจิงเสินสุดท้ายไม่อาจนั่งบนเสาอันเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์บุพกาลได้
แต่ว่าตอนนี้บนยอดเสาถึงกับเพิ่มเงาร่างสายหนึ่ง
ถึงจะกั้นด้วยทะเลเลือดเทียมฟ้า ทว่าทุกคนที่อยู่รอบๆ รู้สึกอย่างเลือนรางได้ว่า ในร่างนั้นไม่มีพลังชีวิตอยู่นานแล้ว
นั่นความจริงเป็นศพ หรือสังขารของคนคนหนึ่ง
เพียงแต่ว่าถึงแม้จะตายไปแล้ว แต่ศพไม่เน่าเปื่อย ใบหน้าเหมือนตอนมีชีวิต มีเพียงหลับสองตา ไม่พูดไม่ขยับ คล้ายกับหลับไหล
คนที่สำหรับทุกคนที่อยู่รอบๆ อยู่แสนไกลเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แปลกหน้า
เยี่ยนจ้าวเกอมองร่างที่สวมเสื้อคลุมสีดำอาภรณ์จักรพรรดิ ศีรษะสวมมงกุฎ เค้าหน้าน่าเกรงขาม สูดหายใจลึกๆ คำหนึ่ง
จักรพรรดิอายุวัฒนาหนานจี๋กับจักรพรรดิโกวเฉินขมวดคิ้ว
พระอาจารย์เสวียนตูถอนใจยาวๆ คำหนึ่ง
“จักรพรรดิจื่อเวย…” หยางเจี่ยนถอนใจเช่นกัน
ผู้เข้มแข็งสำนักเต๋าที่อยู่รอบๆ สีหน้าในตอนนี้ล้วนดูไม่ดีอยู่บ้าง
วินาทีนี้ในค่ายกลทะเลเลือด เจ้าของร่างกายบนเสาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์บุพกาล ก็คือจักรพรรดิจื่อเวย ผู้นำสี่เทวราชวังเทพในอดีต!
จักรพรรดิจื่อเวย ชื่อเต็มคือจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว
ในสถานการณ์ที่หยางเจี่ยนกับเทวกษัตริย์ไท่อี้ผู้ช่วยให้รอดมักอยู่ด้านนอก จักรพรรดิจื่อเวยไม่ว่าพลังหรือตำแหน่ง ล้วนเป็นบุคคลหมายเลขสองในความเป็นจริงของวังเทพ
หลังเกิดมหาภัยพิบัติ วังเทพพังพินาศ จักรพรรดิจื่อเวยก็ไม่ทราบไปอยู่ที่ไหน ไร้ข่าวคราวอีก
ในข่าวลือระหว่างยอดฝีมือระดับสูงของสำนักเต๋า มีการคาดเดาว่าจักรพรรดิจื่อเวยได้ตายไปแล้ว
ทว่าขณะเดียวกันเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นตัวจริงของเทวกษัตริย์ไร้ประมาณเช่นกัน
คิดไม่ถึงว่า ทุกคนจะได้พบกับจักรพรรดิจื่อเวยในสถานที่นี้ ในเวลาแบบนี้
การพบกันอีกครั้งนี้ ที่เจอเป็นศพสังขารของจักรพรรดิจื่อเวยแล้ว
ถึงใบหน้าสมจริงราวมีชีวิตเหมือนกับตอนยังมีชีวิตอยู่ ทว่าบนร่างแผ่ซ่านกลิ่นอายโบราณที่มองไม่เห็น บ่งบอกว่าจักรพรรดิจื่อเวยเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว
ความเป็นไปได้ที่มากที่สุด คือได้ประสบความลำบากตอนเกิดมหาภัยพิบัติ
“เมื่อเป็นแบบนี้ ก็พิสูจน์แล้วว่าจักรพรรดิจื่อเวยไม่ใช่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ” เยี่ยนจ้าวเกอพ่นลมหายใจยาวๆ “แต่วิธีการพิสูจน์แบบนี้ทำให้คนยากมีความสุขจริงๆ”
ไท่อี้จินหยินมองเนี่ยจิงเสินที่อยู่เยื้องไปทางขวาของเยี่ยนจ้าวเกอ จากนั้นก็มองซากสังขารจื่อเวยบนเสาในทะเลเลือด กล่าวว่า “บรรพครรภ์ก่อนกำเนิด…”
คนที่ครอบครองบรรพครรภ์ก่อนกำเนิดก่อนเนี่ยจิงเสิน ผู้ที่มีพลังฝึกปรือสูงสุดและมีชื่อเสียงที่สุด ก็คือจักรพรรดิดาวเหนือจื่อเวยผู้อยู่กลางหาว!
ตอนนี้บนเสาศิลาที่เป็นสัญลักษณ์ของมารสวรรค์บุพกาล ซากสังขารของจักรพรรดิจื่อเวยเริ่มเปล่งแสงจางๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี