เยี่ยนจ้าวเกอ เนี่ยจิงเสิน อวี่เย่ยังคงนั่งขัดสมาธิเรียงกัน เชื่อมกันเป็นเส้นเดียว
กระบี่สีทองหม่นกับสภาพโกลาหลปรากฏสลับกันบนร่างเนี่ยจิงเสิน เปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมา
ด้านข้าง เฟิงอวิ๋นเซิงสีหน้าซีดขาว ทรุดนั่งขัดสมาธิเหมือนกัน
ก่อนหน้านี้รับกระบวนท่าจากมารสวรรค์ไร้พันธนา ถึงจะรอดตัวมาได้ แต่ก็ส่งผลต่อนางค่อนข้างมาก
ตอนนี้ค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ถูกสะกด ประกายโลหิตปราณมารกำลังอ่อนแอ สำหรับคนอื่นๆ แล้วผ่อนคลายลงมาก แต่สำหรับเฟิงอวิ๋นเซิง กลับรู้สึกว่าจิต ปราณ สารจำเป็นของตัวเองตกต่ำลงพร้อมกับค่ายกล
ไม่ทำลายไม่ตระหง่าน ภัยมารรอบนี้ถ้าหากสลายไป สำหรับนางอาจเป็นการเริ่มต้นใหม่
พระอาจารย์เสวียนตูไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น รีบปล่อยปราณพิสุทธิ์กับควันม่งงออกมา เสกรูปไท่จี๋ใหม่ รูปไท่จี๋หมุนวนพร้อมกลืนกินควันมารนพยมโลก หลอมเปลี่ยนมัน
เขตมารนพยมโลกที่ตอนแรกกำลังเสื่อมโทรมหุบตัวพลันอ่อนแอกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์เพิ่มอีกขั้น
หมู่มารนพยมโลกเผชิญแรงกดดันจากไท่ซ่างเหล่าจวิน อามิตาภพุทธเจ้ากับกษัตริย์บูรพาไท่อี้เจ้ามรรคาสามคน สถานการณ์นี้ถึงแม้จะคับขัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ทีปังกรพุทธะกับลู่ยาเต้าจวินต่างก็เห็น รีบเร่งวุ่นวาย
นพยมโลกถูกพระอาจารย์เสวียนตูหลอมเปลี่ยน ปรับฟ้าแปลงดิน ส่งผลต่อค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์ ขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อการหลอมเปลี่ยนทะเลเลือดทำลายภัยมารของพวกเขา
พวกเขาจำเป็นต้องใช้ทะเลเลือดที่อ่อนแอมากพอ หากแต่สมบูรณ์แบบ จำเป็นต้องทำลายภัยนี้ สำเร็จวาสนานี้ด้วยตัวเอง จึงจะก้าวเท้าก้าวสุดท้ายนั้นออกไป ขึ้นสู่ระดับมรรคาได้
เพื่อเหตุนี้ พวกเขาต้องตัดสินสูงต่ำกับสำนักเต๋า
เหล่าพุทธแดนสุขาวดีตะวันตกกับพวกปีศาจจากเขาดาราทะเลดวงดาว พากันโจมตีใส่พระอาจารย์เสวียนตู
“ขอให้สหายร่วมเส้นทางรับผิดชอบช่วยให้ข้าทำสำเร็จในวันนี้” ลู่ยาเต้าจวินพูดกับมหาวิทยราชมยุรี “พระศรีอริยเมตไตรยไม่มีทางคืนคำ สารีริกธาตุศากยมุณีชิ้นสุดท้ายต้องเป็นของท่าน วันนี้ข้าทำสำเร็จ วันหน้าจะช่วยให้สหายร่วมเส้นทางทำสำเร็จ”
มหาวิทยราชมยุรีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง พยักหน้าเงียบๆ สาวเท้าขึ้นหน้า เดินเข้าหาคนในสำนักเต๋าใหม่
คนที่ทำให้เขากริ่งเกรงที่สุดตรงนั้น ไม่อยู่อีกแล้ว
ศึกใหญ่มาถึงตอนนี้ เวลาที่ตรึงกันไม่สั้น
ถึงมหาเทวะเสมอฟ้าจะแสดงบารมีทั่วแปดทิศ ถึงขั้นทำร้ายข่งซวน แต่มาถึงวินาทีนี้ กลับถึงขีดจำกัดเวลา หนึ่งแยกเป็นสาม กลับเป็นกายทองมหาเทวะสามร่าง
เมื่อไม่มีมหาเทวะเสมอฟ้า พลังคุกคามจากมหาวิทยราชมยุรีก็เพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรงในทันใด
ต่อให้ก่อนหน้านี้เขาถูกมหาเทวะเสมอฟ้าทำร้าย แต่ว่าแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่ไหลเวียนไม่หยุดนั้นขณะหมุนวน ยังคงสั่นสะท้านสี่ทิศ
ถึงสำนักเต๋าจะมีค่ายกลลงทัณฑ์เซียน แต่เทวกษัตริย์ไร้ประมาณกับพระศรีอาริย์อยู่ด้านนอก ในเวลาไม่ที่ไม่ถึงที่สุดจริงๆ ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนจะไม่ขยับง่ายๆ เป็นการเฝ้าระวังสุดท้ายให้แก่สำนักเต๋า
ดังนั้นมหาวิทยราชมยุรีจึงลดความกริ่งเกรงไปได้หนึ่งชั้น
ท่านกวาดมองคนในสำนักเต๋าที่อยู่รอบๆ
เฟิงอวิ๋นเซิงนั่งเงียบๆ พักรักษาตัว มหาวิทยราชมยุรีเคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหยุดบนร่างหยางเจี่ยนกับสั่วหมิงจาง
หยางเจี่ยนหว่างคิ้วแยกออก ดวงตาแนวตั้งข้างที่สามเป็นประกายกระจ่าง เผชิญกับสายตาของมหาวิทยราชมยุรีโดยตรง
กระนั้นสั่วหมิงจางก้าวเท้าออกไปด้านหน้าก่อน
“เผิงยักษ์รับบาดเจ็บสาหัส พี่ร่วมเส้นทางหยางไม่มีคนคอยสะกด เคลื่อนย้ายทั่วฟ้า ดูแลทุกแห่งหนได้” สั่วหมิงจางมองพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ก่อนจะเอ่ยว่า “นอกจากพระอาจารย์เสวียนตู ที่นี่จำเป็นต้องมีคนคุ้มครอง พี่ร่วมเส้นทางรอบคอบกว่าข้า”
เขาหมุนตัว เดินทีละก้าวๆ เข้าหามหาวิทยราชมยุรีอย่างไม่รีบร้อน “วิทยราชอยู่ตรงหน้า สั่วหมิงจางขอคำชี้แนะ”
มังกรเพลิงขนาดมหึมาที่เติมเต็มจักรวาลตัวหนึ่งบัดเดี๋ยวปรากกบัดเดี๋ยวสูญหาย พลิ้วร่างขึ้นในเขตมารนพยมโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล บนศีรษะบุรุษผมสั้น
มังกรอัคคีร่างใหญ่โต หัวหางไม่รู้ยาวเท่าไหร่ เหมือนธารสวรรค์ทอดขวางจักรวาล
ในร่างกายที่เกิดจากไฟโหมนั้น ประกายดาวเป็นจุดๆ ส่องระยิบระยับ
คล้ายกับธารเงินบนฟากฟ้าที่ประกอบจากเปลวไฟสายหนึ่ง
“แต่อาตมาบอกแล้วว่า ตอนนี้ยังเร็วไป” มหาวิทยราชมยุรียืนอย่างทะนง สาดแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีไม่หยุด
แสงตัดนภาของสั่วหมิงจางกระจายทั่ว ราวกับประตูกั้นน้ำที่มองไม่เห็นตกลงบนพื้น ตัดแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่กระแทกฟ้าดิน ยามปกติไม่มีสิ่งใดต้านได้นั้น
เพียงแต่ว่าแสงศักดิ์สิทธิ์ที่สีทั้งห้าหมุนวน เหมือนกับคลื่นพิโรธที่หนุนเนื่องไม่ขาดสาย ติดต่อไม่ขาดตอน ไม่อาจตัดให้ขาดได้
การปะทะกันของสองฝ่ายเหมือนกับทำนบขวางกั้นวารี
คลื่นยักษ์ยอดน้ำยิ่งมายิ่งสูง เริ่มปรากฏสภาพข้าทำนำอย่างเลือนราง
มหาวิทยราชมยุรีมองสั่วหมิงจาง กลับเห็นบุรุษผมสั้นผู้นั้น ตอนนี้ใบหน้าปรากฏรอยยิ้ม
ต่อให้เป็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอ ก็น้อยครั้งที่จะเห็นท่าทางแบบนี้ของสั่วหมิงจาง
นั่นเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีถึงขีดสุด เหมือนกับดำดิ่งในภาพที่งามตระการ
ในสองตาของบุรุษผมสั้นแผ่ซ่านความกระตือรือร้นที่ไม่เคยมีมาก่อน
เผชิญกับมหาวิทยราชมยุรีกับแสงศักดิสิทธิ์ห้าสี่ที่สะท้านสะเทือนสามยุคสมัย แทบไร้คู่ต่อกรรองจากระดับมรรคาในปัจจุบัน สั่วหมิงจางในวินาทีนี้เหมือนกับสนเขียวตั้งเดี่ยวบนยอดเขาท่ามกลางลมเย็นยะเยือก
พันบดขยี้หมื่นกระหน่ำยังกล้าแข็ง ไม่กลัวลมจากทุกทิศทาง
สิ่งที่ทำน่าตกใจเกิดขึ้นเพราะกับเวลาที่ผ่านไป แสงตัดนภาที่เดิมเหมือนกำลังจะถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีทำลาย ถึงกับค่อยๆ ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง
กระแสคลื่นห้าสียิ่งมายิ่งรุนแรง ตอนนี้กำลังจะถล่มทำนบที่โปร่งใส
แต่ว่าพร้อมกับเวลาที่ผ่านไป ทำนบที่เผชิญอันตรายนั้นกลับไม่ยอมถล่ม!
มาถึงภายหลัง ถึงกับเริ่มมีสภาพมั่นคงบังเกิด
………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี