“วันนี้ไม่เร็วไป” สั่วหมิงจางจ้องมองมหาวิทยราชมยุรี “รอหลังจากนี้ อาจจะช้าไปแล้ว”
คนทุกคนที่อยู่รอบๆ ผู้ที่รู้จักการเปลี่ยนแปลงแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีมากที่สุดนอกจากตัวสั่วหมิงจาง ไม่มีใครเกินข่งซวน
พุทธะจีวรขาวที่นั่งบนหลังยูงทอง ตอนนี้ดวงตาเคร่งขรึมกว่าเดิม
“อาตมาว่ายังเร็วไป” มหาวิทยราชมยุรีพูดทีละคำ
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีครอบฟ้าคลุมดินสาดลงไม่หยุด
สั่วหมิงจางครึ่งก้าวไม่ถอย เผชิญความน่าเกรงขามเทียมฟ้าโดยตรง
จุดที่ความลี้ลับจากพลังในคัมภีร์ตัดนภาไปถึง ขจัดควันมารใกล้ๆ จนว่างเปล่า
ในนพยมโลกปรากฏที่ว่าง ไม่ว่าปราณมารหรือสรรพวัตถุในธรรมชาติ ทุกสิ่งไม่คงอยู่
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีของมหาวิทยราชมยุรีกระจายไปทั่ว กวาดล้างสี่ทิศ ม้วนพัดชำระล้างทุกอย่างรอบๆ สิ่งที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ว่าคนหรือสิ่งของ ล้วนมลายไปหมด
มีแต่สั่วหมิงจางกับแดนบริสุทธิ์รอบๆ ตัวเขา ที่กั้นแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีซึ่งเชี่ยวกรากยิ่งใหญ่ไว้ด้านนอก
เหมือนคลื่นน้ำเทียมฟ้าห้าสี ขอแค่สูงอีกหน่อย ก็ถล่มทำนบไร้รูปร่างสายนั้นได้
แต่ว่าความแตกต่างเล็กน้อยนี้ กลับไม่อาจข้ามได้
ยอดน้ำยิ่งสูง ทำนบก็ยิ่งสูง
ทำนบที่ก่อนหน้านี้ทำให้คนรู้สึกว่าอันตรายคับขัน กำลังจะถล่มลง เวลายิ่งผ่านไป ก็ทำให้คนเริ่มรู้สึกว่า ไม่เพียงไม่อันตราย ยังมั่นคงดุจภูเขาไท่ซาน ไม่อาจก้าวข้ามได้
ถึงเวลา แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่เคยกวาดล้างสี่ทิศนั้น กลับขัดเกลาคัมภีร์ตัดนภาของสั่วหมิงจางอย่างต่อเนื่อง ช่วยเขาปรับปรุงสิ่งที่ตนได้ร่ำเรียนไม่หยุด ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง
มหาวิทยราชมยุรีสีหน้าเคร่งขรึม แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสียังคงเจิดจ้า สาดลงอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย หมายจะทำลายแสงตัดนภาของสั่วหมิงจาง
สั่วหมิงจางไม่ถอยแม้แต่น้อย ปะทะตรงๆ กับมหาวิทยราชมยุรีถึงที่สุด
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีสายแล้วสายเล่าถูกทำลาย จากนั้นก็มีชุดใหม่พุ่งมา
แสงตัดนภาสายแล้วสายเล่าถูกดูดไว้ แต่ก็มีชุดใหม่แทนที่
พุทธะจีวรขาวที่นั่งบนยูงทององค์หนึ่ง บุุรุษผมสั้นที่บนศีรษะมีเงาแสงมังกรอัคคีคนหนึ่ง
สองคนยืนประจัญหน้า ระยะห่างของสองฝ่ายเหมือนไม่ไกล แต่ก็ห่างราวฟ้าและเหว
ขอบเขตที่ตาเนื้อเห็นได้ชัดเส้นหนึ่ง เหมือนกำแพงขั้นกลางระหว่างทั้งสอง
กำแพงทางหนึ่งมีห้าสีไหลเวียน ทางหนึ่งแสงส่องระยิบระยับ
แสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีกับแสงตัดนภาประกอบเป็นโลกสองชั้น ต่างก็สะกดปะทะกับอีกฝ่าย ไม่ยอมหลีกให้แก่กัน
ศึกใหญ่ศึกนี้ย่อมดึงดูดสายตาของคนมากมาย
‘อารมณ์ของสหายร่วมเส้นทางสั่วผู้นั้นยิ่งมายิ่งผ่อนคลาย’ ไท่อี้จินหยินพูดในใจ ‘ตอนนี้ถึงฝ่ายหนึ่งจะโจมตีบ้าคลั่ง ฝ่ายหนึ่งป้องกัน แต่ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป สหายร่วมเส้นทางสั่วจะมีพลังเหลือโต้กลับเป็นโจมตีแล้ว’
วัชรอภิณฑ์พุทธะกับทีปังกรพุทธะนึกถึงภาพตอนที่สั่วหมิงจางต่อสู้กับพวกท่านเมื่อก่อนหน้า ‘ทุกครั้งที่พบกัน ล้วนพุ่งทยาน เวลาล่วงเลยถึงวันนี้ ห่างจากตอนที่เขาขึ้นสู่ระดับมหาชาลแต่พันกว่าปีเอง…’
ทีปังกรพุทธะส่ายหน้า ไม่มีเวลานึกย้อนถึงตอนนั้น
สั่วหมิงจางขัดขวางมหาวิทยราชมยุรี คนอื่นในสำนักเต๋าก็ไม่ได้อยู่ว่าง
นาจาท้าสู้ทีปังกรพุทธะอีกครั้ง โจมตีอย่างบ้าคลั่งทันที
พระโพธิสัตว์กวนอิมหมายจะหยุดนาจา แต่ตรงหน้าพร่ามัว ถูกหยางเจี่ยนขวางไว้ “พระโพธิสัตว์กวนอิมไม่มอบโอกาสให้พวกเขาตัดเหตุผลแล้ว?”
เป็นไปตามคำพูดก่อนหน้าของสั่วหมิงจาง ไม่มีการคุกคามจากมหาวิทยราชมยุรี ไม่มีการสะกดจากเผิงท่องเมฆหมื่นลี้ ความได้เปรียบด้านความเร็วของหยางเจี่ยนเด่นชัดขึ้นมาท่ามกลางคนที่อยู่รอบๆ แทบคงอยู่ทุกที่ คนคนเดียวดูแลได้ทั่วทั้งสมรภูมิ
เขาทั้งคุ้มครองพระอาจารย์เสวียนตูที่หลอมเปลี่ยนนพยมโลก ขณะเดียวกันก็คุ้มครองพวกเยี่ยนจ้าวเกอซึ่งนั่งเข้าฌานกับเฟิงอวิ๋นเซิงที่รักษาตัว
ลู่ยาเต้าจวินขมวดคิ้ว วูบไหวร่าง พุ่งลงด้านบนทะเลเลือด ปล่อยไฟมารสีเขียวหมึกออกมา เชื่อมกับลวดลายค่ายกลของค่ายกลสิบสองเทพมารสวรรค์
ตอนนี้เขาไม่โจมตีพระอาจารย์เสวียนตู เพ่งความสนใจที่พิธีกรรมของตัวเอง ต้องการเปรียบความเร็วกับพระอาจารย์เสวียนตู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี