นึกถึงตลอดทางที่ผ่านมามีอันตรายรอบด้าน หลายสิ่งไม่ง่าย คน
ในสํานักเต๋าก็สะท้อนใจยิ่ง “จะโจมตีโถงเซียน ตอนนี้เป็นเวลาเหมาะ” เวลานี้เสียงหนึ่งแว่ว
เข้าหูทุกคน บนความว่างเปล่า บัวเขียว ประตูหยก มุกโกลาหล คันฉ่องดํา
หายไปนานแล้ว รูปไท่จี๋ก็หายไปด้วยเช่นกัน ระฆังสําริดกับบัวขาวแยก
ไปทางใครทางมัน มีแค่กระบองสีทองเข้ามาในธรรมชาติขมุกขมัวที่สร้างใหม่ แสงสว่างกะพริบ วานรสวมชุดนักพรตโผล่ขึ้นด้านหน้าทุกคน รูปร่างถึงแม้เหมือนแต่ก่อน แต่ว่าวานรในตอนนี้มองไปกลับ
เหมือนให้ความรู้สึกสูงใหญ่สุดขีด เอื้อมมือไม่ถึงโดยกําเนิด “ยินดีกับมหาเทวะเสมอฟ้าที่กางธงได้ชัยทันที” พวกเยี่ยนจ้าว
เกอพากันแสดงความยินดีวานร
วานรยกมือข้างหนึ่งโบกไปมา “ที่สุดก็ยังปล่อยให้มารสวรรค์ไร้ พันธนาหนีไปได้ ไม่นับเป็นชัยนะ”
“แต่ก็ทําให้มารเฒ่านั้นเสียท่าครั้งใหญ่ จําเป้นต้องซ่อนตัวเลีย แผลเช่นกัน” วานรกล่าว “นอกจากนี้กลับเป็นอามิตาภพุทธเจ้าครั้งนี้ สูญเสียพลังชีวิตหลายส่วน ลงมือไม่ได้ชั่วคราว ไม่อย่างนั้นเขาจะถูก กษัตริย์บูรพาทิ้งห่างเรื่อยๆ ถึงเวลาไม่มีเมตตไตรย ก็เป็นกษัตริย์บูรพา เร็วกว่าก้าวหนึ่ง”
พวกเยี่ยนจ้าวเกอได้ยิน ต่างตาเป็นประกาย
“ถึงตอนนั้นขอให้เทวกษัตริยมหาเทวะเจ้าลงมือ” ไท่อี้จินหยิน ประสานมือพูด
“พวกท่านลงมือเต็มที่ ข้าจะเข้าร่วมด้วย” วานรกล่าวด้วยรอยยิ้ม
รากฐานเขาอยู่ที่แดนลี่กว่าง อยู่ที่เผ่าปีศาจ แม้วันนี้จะทิ้งศิลาดิน กําเนิด แต่ยังมีอยู่น�าใจเก่าก่อน
หากแต่เขาขึ้นสู่ระดับมรรคา ความจริงเดินบนเส้นทางสํานักเต๋า
“เทวกษัตริย์ไร้ประมาณ เหอะๆ ข้าเหล่าซุนอยากจะสู้กับเขาพอดี ทางที่ดีที่สุดให้อามิตาภพุทธเจ้ากับมารสวรรค์บรรพกําเนิดอย่ามา รบกวน” วานรช้อนตา สายตาเหมือนอยู่ที่วังเทพ
“ของพวกนี้วันนี้นับว่าวัตถุกลับคืนนายเดิม” ร่างแยกสมุทรสุด ขอบโลกประคองศิลาดินกําเนิดและกระบองสารพัดนึกเดินมา
วานรกลับโบกมือ “สหายน้อยเก็บไว้เถอะ ไม่ต้องคืนข้า”
เขามองไปยังหยางเจี่ยนกับนาจาอีกรอบ พูดด้วยรอยยิ้ม “ก่อน หน้านี้เรื่องราวคับขัน ไม่ได้ทักทายคนรู้จักเก่าทั้งสอง”
“ในอดีตต่างประสบภัยพิบัติ วันนี้ได้พบกันอีกครั้งเป็นเรื่องโชคดี แล้ว” หยางเจี่ยนยิ้ม
นาจาไม่พูดอะไรอย่างหาได้ยาก มองวานร ดวงตาเป็นความ สะท้อนใจ จนไท่อี้จินหยินอาจารย์ของเขากระแอมขึ้นด้านข้าง
วานรกลับไม่ถือสาสายตาที่ไร้มารยาทอยู่บ้างของนาจา หัวเราะ พลางชี้หยางเจี่ยน “หยางเอ้อร์หลาง ท่านห่างจากระดับมรรคาไม่ไกล แล้ว ข้าเหล่าซุนรอท่านอยู่”
จากนั้นก็กล่าวกับเยี่ยนจ้าวเกอด้วยรอยยิ้ม “สหายน้อยก็อย่าช้า”
“ย่อมมีวาสนา รีบไม่ได้ ช้าไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอกับหยางเจี่ยนได้ ยินต่างก็หัวเราะ
จะขึ้นสู่ระดับมรรคาได้หรือไม่ นอกจากตัวเองแล้ว ขึ้นอยู่กับ วาสนาด้วย
เหมือนทีปังกรพุทธะ ลู่ยาเต้าจวิน พระอาจารย์เสวียนตู จักรพรรดิ อายุวัฒนาหนานจี๋พลาดการวางหมากในวันนี้ ก็อาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ในนี้ทีปังกรพุทธะยิ่งเตรียมตัวมาตั้งแต่ยุคโบราณตอนกลาง รอ คอยวางแผนเงียบๆ มาโดยตลอด แต่ว่าวันนี้พลาดท่า ความเป็นไปได้ ทุกอย่างในอดีตอาจกลายเป็นฟองเงา
เยี่ยนจ้าวเกอกับหยางเจี่ยนย่อมเข้าใจหลักการในนี้
แต่ว่าด้วยจิตใจของพวกเขา ความมั่นใจย่อมมีอยู่
“สหายน้อยผู้นี้จําเป็นต้องสั่งสม กลับเป็นวาสนาขึ้นสู่ระดับมรรคา ของพวกเจ้าหายากไปบ้าง” ต่อจากนั้นวานรก็พูดกับสั่วหมิงจาง และเฟิงอวิ๋นเซิง “สหายน้อยเฟิงต้องอดทนไปก่อน รอคอยยุคอนาคต มาถึง”
สั่วหมิงจางกับเฟิงอวิ๋นเซิงได้ยิน ต่างประสานมือขอบคุณวานร
หลังจากคุยกันหลายประโยค ทุกคนก็ออกจากธรรมชาติแห่งใหม่นี้
หันไปมอง เห็นกระบองสีทองท่อนหนึ่งข้ามจักรวาล พาดขวางอยู่ ในความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดอันไพศาล
การเปลี่ยนแปลงพัฒนาในธรรมชาติแห่งนั้นพลันเร็วขึ้นมาก มิติ เวลาที่สับสนค่อยๆ สงบมั่นคง ดินน�าลมไฟเสถียร มีโลกหลายใบเดี๋ยว สูญหายเดี๋ยวปรากฏด้านใน
“ที่นี่เป็นฟ้าดินอันกว้างใหญ่แห่งใหม่” พวกเยี่ยนจ้าวเกอสบตากัน และกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี