“ดูจากสภาวะนี้ เทวกษัตริย์มหาเทวะเจ้าต่อสู้กับเทวกษัตริย์ไร้ ประมาณแล้ว” ทีปังกรพุทธะใบหน้าฉายแววอับจน “ขึ้นสู่มหาชาลแล้ว นิสัยยังเหมือนเดิม”
พระโพธิสัตว์กวนอิมมองโถงเซียนที่ล่มสลาย ใบหน้าปรากฏความ เมตตา แต่ว่าอารมณ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นพิเศษ
ในอดีต วังเทพพังทลาย มหาจักรวาลถล่มราบ ผู้สืบทอดสาม พิสุทธิ์ประสบภัย การเคลื่อนไหวยังใหญ่กว่านี้ ปัจจุบันเป็นวัฏจักรใหม่
“พระพุทธองค์มีคําสั่งลงมือไหม?” พระโพธิสัตว์กวนอิมถาม
ทีปังกรพุทธะส่ายหน้าเบาๆ “เทวกษัตริย์ไร้ประมาณยังอยู่ เมตไตรยไม่ได้เปรียบมาก ต่อจากนี้สองฝ่ายยังต้องสู้กัน เพียงแต่ต่อ จากนี้ไม่ส่งผลดีต่อพวกเราจริงๆ”
“แม้เมตไตรยจะนําหน้าเทวกษัตริย์ไร้ประมาณมาก แต่เขาสุดท้าย ยังมีรากฐานเบาบาง พลาดการวางหมากบนนพนยมโลกตานี้ไป พระ พุทธองค์คิดถอนทําลายความสับสน จําเป็นต้องหาวาสนาใหม่”
ทีปังกรพุทธะถอนใจ “ดูจากสถานการณ์ในการวางหมากบนนพ ยมโลก ถ้าขอให้มารสวรรค์บรรพกําเนิดลงมือ จะกระตุ้นเหล่าจวินออก มาได้ง่ายที่สุด แต่ว่าความคิดของเหล่าจวินเปลี่ยนแปลงง่ายมาก หลัง การวางหมากบนนพยโลกก็เปลี่ยนแปลงความคิดใหม่ ก็ยังไม่ทราบ”
“รอพระพุทธองค์กับมารสวรรค์ไร้พันธนาฟื้ นตัวใหม่ พวกเราค่อย มีเปรียบ เหล่าจวินอย่างไรเอาแน่เอานอนไม่ได้”
วาจาแม้กล่าวเช่นนี้ แต่พลาดการวางหมากบนนพยมโลก ทําให้ที ปังกรพุทธะสูญเสียถึงขีดสุด
ถ้าอามิตาภพุทธเจ้าหลุดพ้นจริงๆ ต่อจากนี้แดนสุขาวดีตะวันตก จะทําอย่างไร ถึงขั้นทําให้คนเป็นกังวล
“พระพุทธเจ้าย่อมมีการจัดการ” สมันตภัทรโพธิสัตว์ปลอบขึ้น ด้านข้าง
ทีปังกรพุทธะพยักหน้าน้อยๆ “อาตมาไม่เป็นไร พระโพธิสัตว์ไม่ ต้องห่วง”
ท่านมองทิศทางของโถงเซียน ‘ยิ่งไปกว่านั้นระหว่างแดนสุขาวดี บัวขาวกับสํานักเต๋าใช่ว่าจะไม่เกิดความขัดแย้ง ฝนนั่น…’
“สหายร่วมเส้นทางเยี่ยนมีความสามารถน่าทึ่ง พวกเราละอายที่สู้ ไม่ได้” พระโพธิสัตว์กวนอิมเอ่ย
“สําหรับเจ้ามรรคาทั้งหลาย เยี่ยนจ้าวเกอมิใช่ระดับมรรคา แต่ สําหรับคนในโถงเซียน…” สมันตภัทรโพธิสัตว์เว้นเล็กน้อย แล้วพูดต่อ “…ความจริงก็รวมพวกเราด้วย เยี่ยนจ้าวเกออยู่ตรงหน้า เกรงว่าไม่ต่าง จากเจ้ามรรคาคนหนึ่งมาถึงนัก”
“สหายร่วมเส้นทางข่งซวนกับธงวิเศษบัวเขียวยังอยู่ จะขวางเขา ได้หรือไม่ ยังไม่แน่นัก” พระโพธิสัตว์กวนอิมยิ้มฝืน “เหมือนค่ายกลลง ทัณฑ์เซียนร่างมนุษย์”
สมันตภัทรโพธิสัตว์ว่า “เมื่อครู่พูดถึงเหล่าจวิน ดูจากตอนนี้ เขา เป็นเหล่าจวินสร้างขึ้น เพียงไม่ทราบว่าบนตัวเขามีเบาะแสที่เหล่าจวิ นทิ้งไว้หรือไม่…”
เหล่าพุทธะที่อยู่รอบๆ เงียบงันลงเล็กน้อย
“ตอนนี้พวกเรายังไม่ต้องสนใจ” ทีปังกรพุทธะมองไปบนความว่าง เปล่า ประตูใหญ่หยกขาวกับกระบองสีทองหายไปไร้ร่องรอย “รอดู หลังจากนี้ว่าเทวกษัตริย์ไร้ประมาณวางแผนอย่างไรเถอะ”
พวกพุทธะสีหน้าสั่นไหว สายตามองทีปังกรพุทธะ
ทีปังกรพุทธะใบหน้าสงบนิ่ง ไม่พูดอะไรอีก
…
ขณะเดียกวัน พวกลู่ยาเต้าจวินก็กําลังมองดูภัยพิบัติโถงเซียนอยู่
“สํานักเต๋า ในระดับมหาชาล แทบปรากฏสภาพสูงสุดในอดีต แล้ว” ลู่ยาเต้าจวินเลิกคิ้วน้อยๆ
เขาย้ายสายตาจากทิศทางโถงเซียนไปยังความว่างเปล่า
ธรรมชาติขมุกขมัวที่วานรสร้างขึ้นใหม่แทนที่นพยมโลก ใกล้ชิด กับมหาจักรวาลอย่างแนบแน่น เหมือนกับสองด้านของกระจก
ณ ที่แห่งนั้น เกิดข้อพิพาทขึ้นเช่นกัน
สํานักเต๋าทําลายโถงเซียน เผ่าปีศาจไม่ได้ช่วยเหลือ ฉวยโอกาส ขยับขยายธรรมชาติขมุกขมัวแห่งใหม่นั้นอย่างเต็มที่ หมายยึดครอง โอกาสก่อน
แดนสุขาวดีบัวขาวมีคนส่วนหนึ่งมุ่งหน้าไปโถงเซียน ดูว่าจะเก็บ เกี่ยวประโยชน์ส่วนหนึ่งได้หรือไม่ แต่ว่ากําลังหลักส่วนใหญ่ไปยัง ธรรมชาติขมุกขมัวแห่งนั้น ต้องการสร้างโลกใบใหม่ จะได้มีอาณาเขต มากกว่าเดิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี