ใบหน้าของเสียจื่ออี้บิดเบี้ยวไปเล็กน้อย มุมปากปรากฎรอยยิ้มที่ทั้งพิลึกทั้งชั่วร้ายออกมา
ในระหว่างที่ร่างกายเขาวับวาบ ก็ได้หายไปจากที่เดิมเรียบร้อยแล้ว ความเร็วคล้ายกับรวดเร็วยิ่งกว่าก่อนหน้านี้อยู่หลายส่วน
เพียงแต่ร่างของเสียจื่ออี้ในขณะนี้ไม่เหมือนเช่นเมื่อก่อน บัดนี้เขาใช้วิชาสืบทอดของตำหนักอัสนีสวรรค์ ทำให้ว่องไวดุจสายฟ้า อีกทั้งยังแข็งแกร่งร้อนแรง ราวกับอัสนีบาตแห่งสวรรค์ทั้งเก้า
เสียจื่ออี้ในยามนี้แม้จะฉับไวยิ่ง แต่กลับปรากฎความรู้สึกมืดครึ้มของมารร้ายมากขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอมุ่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะยกมือหนึ่งขึ้น แสงมรกตสายหนึ่งร้องคำรามเหินบินออกมาจากแขนเสื้อทันใด ประหนึ่งมังกรสะท้านเหนือเวหา
แสงมรกตชะงักอยู่ในอากาศ สกัดประกายกระบี่สีม่วงที่น่าหวาดกลัวทั้งยังชั่วร้ายสายนั้นได้อย่างแม่นยำ
ร่างกายเสียจื่ออี้ปรากฎขึ้นใหม่อีกครั้ง ในมือถือกระบี่ผนึกทะเลหมอก แววตาอึมครึมเยียบเย็น ลูกตาดำย้อมเป็นสีเหลืองเล็กน้อย ภายในนั้นสาดแสงสีแดงแปลกประหลาดออกมารางๆ
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอ มุมปากยกโค้งเป็นรอยยิ้มหนึ่งที่ทั้งแปลกพิลึก ทั้งบิดเบี้ยวออกมา
เยี่ยนจ้าวเกอหรี่ดวงตาเล็กน้อย “กลายเป็นมารเสียแล้ว…”
เสียจื่ออี้หัวเราะแล้วพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “เยี่ยนจ้าวเกอ ตอนนี้เรามาสู้กันอีกสักครั้ง!”
ร่างกายเขาพลิกตัวหมุนกลับอย่างรวดเร็ว แล้วหายตัวไปอีกครั้ง ประกายกระบี่สีม่วงก็ค่อยๆ หายไปตามเขาเช่นกัน
ตอนที่ปรากฎตัวอีกครั้ง ก็มาถึงด้านหลังของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ทั้งยังแทงกระบี่หนึ่งออกไป
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับยืนอยู่ที่เดิม ฝีเท้าไม่ขยับ ร่างกายไม่หันกลับเช่นกัน เขาเพียงพลิกมือกลับหลังเพื่อปล่อยกระบี่หนึ่ง สกัดการโจมตีของเสียจื่ออี้ไว้ได้อย่างแม่นยำ
“มาอีก! มาอีก!” เสียจื่ออี้หัวเราะเสียงดัง “ตอนนี้ไม่เหมือนเช่นก่อนหน้าแล้ว! เยี่ยนจ้าวเกอ ข้าจะควักตับและหัวใจของเจ้าออกมาให้หมด!”
ร่างกายเขาว่องไวดุจมารร้าย เดี๋ยวปรากฎเดี๋ยวหายไป แสงสายฟ้าสีม่วงสายหนึ่งเปลี่ยนแปลงร้อยแปดพันเก้าไร้อย่างกฎเกณฑ์ในความมืดมน แปลกประหลาดไม่อาจคาดเดาได้เช่นกัน
“พ่านพ่านไม่ต้องยุ่ง สงบจิตสงบใจคอยก็พอ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว ขณะเดียวกันเท้าทั้งสองก็ยึดอยู่บนพื้นแน่นไม่เขยื้อน ราวกับถูกตอกตะปูติดไว้อย่างไรอย่างนั้น กระบี่วิญญาณมังกรมรกตในมือเหินบินขึ้นลง สะกัดประกายกระบี่ที่เสียจื่ออี้รุกโจมตีมาอย่างต่อเนื่อง
‘หลังจากกลายเป็นมารแล้ว พลังความสามารถพัฒนาขึ้นอยู่บ้างจริง เพียงแต่ขอบเขตไม่กว้างนัก’ สีหน้าท่าทางของเยี่ยนจ้าวเกอสงบนิ่ง เขาครุ่นคิดแยกแยะทางกระบี่ของเสียจื่ออี้ ‘แม้ว่าสภาพจิตใจจะว้าวุ่นไม่มั่นคง แต่ยามถึงคราวต่อสู้ กลับรักษาความเยือกเย็นไว้ได้ ทำให้ไม่เสียระดับฝีมือไป’
หลังจากเปรียบเทียบความแตกต่างของเสียจื่ออี้ก่อนและหลังตกเป็นมาร เยี่ยนจ้าวเกอก็มีแผนอยู่ในใจคร่าวๆ แล้ว “โดยปกติแล้ว พลังความสามารถหลังมารเข้าแทรกล้วนมีการพัฒนาขึ้นอยู่บ้าง แต่ขอบเขตบ้างก็น้อยบ้างก็มาก”
เขามองเสียจื่ออี้ แล้วหลุดหัวเราะออกมา “เอ่ยเช่นนี้อาจจะกระทบเจ้าอยู่บ้าง”
“หลังจากเจ้าตกเป็นมาร ขอบเขตการพัฒนาพลังความสามารถของเจ้า จัดว่าค่อนข้างน้อยกระมัง”
เสียจื่ออี้ที่เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ การเคลื่อนไหวพลันหยุดชะงักทันที
ในลูกตาดำที่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง ประกายสีแดงเลือดยิ่งทวีความแสบตา เสียจื่ออี้จดจ้องเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่ละสายตา พลางหัวเราะอย่างประหลาด
ประกายกระบี่สีม่วงบ้าคลั่งปรากฎขึ้นในทันใด ชั่วพริบตาเดียวทอดขวางในอากาศ ราวกับบานประตู คล้ายกับสามารถสับฟ้าดินแยกออกเป็นสองส่วนได้ ฟันมาทางเยี่ยนจ้าวเกอ!
หลังจากกระบี่หนึ่ง ก็เป็นอีกกระบี่หนึ่ง!
อัสนีวัฏจักรนั่นเอง!
“ข้าเคยพูดแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอ ตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้านี้!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะพิลึกของเสียจื่ออี้ กระบี่ที่สามก็ฟันออกไป!
ทั่วร่างเขาศีรษะจรดปลายเท้า มีเส้นโลหิตมากมายปูดโปนขึ้น ปรากฎให้เห็นความดุร้ายน่าหวาดกลัวหาที่เปรียบไม่ได้ ใบหน้ายิ่งเผยให้เห็นสีหน้าเจ็บปวดทรมาน
ทว่าหมอกดำโหมซัดสาดในเขตไอมารโดยรอบ สัมผัสแนบอยู่บนกายเขา ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถยับยั้งการฉีกขาดของเส้นลมปราณภายในร่างกายของเขาได้ แต่กลับคลายความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของเขาได้
เสียจื่ออี้หัวเราะเสียงดังด้วยความเจ็บปวดทว่าก็ชื่นมื่น ด้วยการผลักดันของอัสนีวัฏจักร ประกายกระบี่ที่กว้างใหญ่ทั้งสามสายสับไปทางเยี่ยนจ้าวเกอโดยตรง!
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเสียจื่ออี้ด้วยความสงบเงียบ กระบี่วิญญาณมังกรมรกตในมือแกว่งไปมา ประกายกระบี่สีเขียวพุ่งถลาขึ้นสู่ท้องฟ้า
หลังจากกระบี่หนึ่งแล้ว เขาก็ฟันอีกกระบี่หนึ่งออกไปอย่างไม่รอช้า
หลังจากกระบี่ที่สอง ก็ตามด้วยอีกกระบี่ หลังจากกระบี่ที่สามแล้ว ก็ตามด้วยอีกกระบี่…
เสียจื่ออี้เบิกตาโพลง มองดูกระบี่ทั้งห้าที่เยี่ยนจ้าวเกอปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะมีกระบี่ที่หกฟันออกมาอีก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี