ไม่เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงสี่คนที่เข้าใกล้แสง ศักดิ์สิทธิ์ห้าสีเท่านั้น แม้แต่นาจาที่อยู่ไกลออกไปยามอยู่ใต้การสาด ส่องของแสงเพลิงที่ลุกไหม้จากศิลาฟ้ากําเนิด ต่างรู้สึกกินแรงถึงขีดสุด
ขณะนี้คนที่เผชิญกับผู้ยิ่งใหญ่ระดับมรรคาหากฝืนต้านได้อยู่บ้าง กลับรู้สึกรับภาระสาหัส
ทุกคนแตกตื่น หยางเจี่ยนถอยหลัง ออกห่างจากแสงเพลิงนั่นก่อน
หลังออกห่างได้ระยะหนึ่ง ความหนักบนร่างพลันลดน้อยลง
นี่ทําให้หยางเจี่ยนโล่งอก ถ้าหากว่าระหว่างศิลาฟ้ากําเนิดลุกไหม้ พวกเขาได้รับผลกระทบตลอดเวลา เช่นนั้นภายใต้ร่างกายที่ได้รับภาระ หนัก ความสามารถส่วนใหญ่ยากใช้ออก เกรงว่ามิใช่ต้องถูกอามิตาภ พุทธเจ้าพลิกฝ่ามือไว้ข้างใต้กํามือหมด
ถอยหลังออกห่าง ประสิทธิผลลดลง เช่นนั้นทุกคนยังมีพื้นที่ให้ เคลื่อนไหว
แต่ว่าเมื่อเป็นแบบนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงแสงเพลิง กลับยากเข้าใกล้มหา วิทยราชมยุรีที่กําลังก้าวสู่ระดับมรรคา
ในเมื่อเทวกษัตริย์ไร้ประมาณกล้าใช้วิชานี้เป็นไพ่ตาย เช่นนั้น หมายความว่างเขามีความมั่นใจว่า ช่วงเวลาที่ศิลาฟ้ากําเนิดลุกไหม้ มากพอที่จะทําให้มหาวิทยราชมยุรีจะขึ้นสู่ระดับมรรคา!
‘ถึงกับยอมทิ้งศิลาฟ้ากําเนิด…’ หยางเจี่ยนจิตใจสั่นไหว พบว่า จอมปีศาจเช่นลู่ยาเต้าจวินเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากศิลาฟ้ากําเนิด
“ฟ้ากําเนิดปกครอง ดินกําเนิดรองรับ มนุษย์กําเนิดรวมตัว” เยี่ยน จ้าวเกอมองประตูใหญ่หยกขาวด้านบนความว่างเปล่า “เขาถือกําเนิด จากสํานักเต๋า เดินสู่เส้นทางพลังศรัทธา ใช้ศิลาฟ้ากําเนิดชําระล้างคน ในสํานักเต๋า ปัจจุบันเผาศิลาฟ้ากําเนิด ก็เพื่อสะกดคนในสํานักเต๋า เช่นกัน”
“รากฐานของศิลาฟ้ากําเนิดนี้มาจากเจ้าแม่หนี่ว์วาเหมือนศิลาดิน กําเนิด และศิลามนุษย์กําเนิด” เยี่ยนจ้าวเกอกวาดมองรอบๆ “บัญเอิญ มาก พวกเราต่างเป็นสิ่งมีชีวิตหลังกําเนิดที่กษัตริย์วาสร้างขึ้นหลังการ เปิดผ่าฟ้า”
เฟิงอวิ๋นเซิง หยางเจี่ยน สั่วหมิงจาง ไปจนถึงนาจาต่างอดหัวเราะ ไม่ได้
หลายปีมานี้สํานักเต๋ามีผู้เข้มแข็งถือกําเนิดขึ้น กอปรด้วยพลังน่า เกรงขาม
หากแต่หยางเจี่ยนกับนาจาที่บําเพ็ญเต๋ามานานสุด ก็เป็นคนที่อยู่ ในยุคโบราณตอนต้น
ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ระดับสุดยอดที่สุดของสํานักเต๋าที่เกิดขึ้นก่อน ฟ้า แทบจะกลายเป็นประวัติศาสตร์หมดแล้ว
แต่ว่าเสาหลักสํานักเต๋าในปัจจุบันเช่นพวกเขาเหล่านี้ ต่างก็ถูก ศิลาฟ้ากําเนิดสะกดพอดี
จอมปีศาจเช่นลู่ยาเต้าจวินเห็นดังนั้น ต่างรู้สึกตึงมือ
การลุกไหม้ของศิลาฟ้ากําเนิดแม้ส่งผลไม่ถึงพวกเขา แต่ว่าพวก เขาเผชิญกับอามิตาภพุทธเจ้า มีอันตรายมากกว่าพวกเยี่ยนจ้าวเก อและหยางเจี่ยนเกินไป
ไม่อย่างนั้นเมื่อครู่คงไม่ต้องมองคนในสํานักเต๋าทะลวงทัพด้วย ความอิจฉาแล้ว
ตอนนี้ศิลาฟ้ากําเนิดขวางทาง อามิตาภพุทธเจ้าเฝ้าอยู่ด้านข้าง ทุกคนขึ้นหน้าไม่ได้ ได้แต่มองดูแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีนั้นไหลเวียนไม่หยุด
มหาวิทยราชมยุรียิ่งใกล้ระดับมรรคาเท่าไหร่ ผลกระทบที่ท่านมี ต่อธรรมชาติฟ้าดินก็ยิ่งมากเท่านั้น
แสงสว่างไร้สิ้นสุดได้ประมาณกวนคนในความว่างเปล่า แยกวัตถุ เรื่องราวที่ยิ่งมายิ่งมากกลายเป็นสภาพปัญจธาตุแรกเริ่ม
เยี่ยนจ้าวเกอมองประตูใหญ่หยกขาว จากนั้นมองศิลาฟ้ากําเนิดที่ ลุกไหม้อยู่ด้านในความว่างเปล่า
สายตาเขาเปลี่ยนไปอยู่บนแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีที่โชติช่วงกลุ่มนั้น ใบหน้าฉายแววล�าลึก
“สหายร่วมเส้นทางเนี่ยตอนนี้อยู่ที่ใด?” หยางเจี่ยนส่งกระแสเสียง ถามเยี่ยนจ้าวเกอ
“ข้าให้ศิษย์พี่เนี่ยช่วยดําเนินการจัดการบางส่วน ตอนนี้ถอนตัวมา ไม่ได้” เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “พี่ร่วมเส้นทางวางใจ ทหารมาเอาแม่ทัพกัน น�ามาขุดดินกลบ แต่อาจจะมีข้าผ่านได้คนเดียว”
“ศิลาดินกําเนิด?” หยางเจี่ยนเงยหน้ามองกระบองสีทองบนความ ว่างเปล่าแวบหนึ่ง “เทวกษัตริย์มหาเทวะเจ้าขึ้นสู่ระดับมรรคาแล้ว เจ้า ควบคุมศิลาดินกําเนิดได้หรือ?”
“ไม่ลําบากข้าหรอก” หลังหายใจลึกๆ คําหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็ก้าว เท้าไปด้านหน้าใหม่
สายตาของทุกคนต่างคมกริบ
จากนั้นเห็นปราณพิสุทธิ์พรั่งพรูบนศีรษะเยี่ยนจ้าวเกอ ผนึก กลายเป็นฉัตรคันหนึ่ง
บนยอดฉัตรปรากฏศิลาวิญญาณก้อนหนึ่ง เป็นรากฐานในอดีต ของวานร ศิลาดินกําเนิด
หลังวานรขึ้นสู่ระดับมรรคา กายทองมหาเทวะสามร่างหายไป สูญเสียผู้รองรับ ศิลาดินกําเนิดนี้กลับคืนสู่ความสงบนิ่ง
วันนี้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอจัดวางไว้บนยอดฉัตร ถึงแม้ยากจะแสดง ความลี้ลับกายปีศาจอมตะหมื่นภัยไม่กล�ากรายของวานร แต่ว่าภายใต้ แสงเพลิงที่เกิดจากการลุกไหม้ของศิลาฟ้ากําเนิด กลับยากส่ง ผลกระทบต่อเยี่ยนจ้าวเกออีก
ในศิลาดินกําเนิดบนยอดฉัตร เหมือนมีแสงสว่างไร้รูปร่างกระจาย ออก ทําให้แสงเพลิงไม่อาจส่องตัวเยี่ยนจ้าวเกอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี