ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 189

หลิวเซิ่งเฟิงก้มหน้ามองเซียวอวี่ กล่าวด้วยความเฉยเมยว่า “เจ้าแกร่งกว่าข้า เจ้าพูด ข้าฟัง เจ้าอ่อนแอเช่นนั้น แต่วันๆ เอาแต่พูดจาซี้ซั้วเหลวไหล ใครกันจะอดทนฟังเจ้าพูดไร้สาระได้?”

เซียวอวี่อดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรง สายตาทอดมองไปอีกทิศทางหนึ่ง “ศิษย์น้องจ้าว เจ้าโน้มน้าวศิษย์น้องหลิวเถิด!”

ไกลออกไป ด้านหลังเจดีย์สูงสีทองนั่น เงาร่างของคนคนหนึ่งเดินอ้อมออกมา ในแววตามีแต่ความเย็นชาอีกทั้งแข็งกร้าว ซึ่งก็คือจ้าวฮ่าวนั่นเอง

สีหน้าท่าทางของจ้าวฮ่าวเหมือนเช่นปกติ ดวงตาทั้งสองใสกระจ่าง ภายในม่านตาดำขลับสงบเงียบ “ความตั้งใจของพวกเจ้าแน่วแน่เพียงพอ ไม่มีผู้ใดสามารถบังคับพวกเจ้าให้ตกเป็นมารได้”

“อย่างมากก็สิ้นชีพไปด้วยกันก็เท่านั้น ถ้าหากเจ้าคิดอยากจะดิ้นรนเอาตัวรอดไปวันๆ เหตุใดเจ้าต้องสนใจด้วยว่าจะเป็นมนุษย์หรือมาร?”

“แต่ว่าหากข้าเป็นพวกเจ้า ถ้าจะฆ่าแกงผู้อื่นเหมือนเช่นเนื้อปลาบนเขียง ไม่สู้กลายเป็นมารให้รู้แล้วรู้รอดไปเสีย รับเอาพลัง แล้วต่อสู้สุดชีวิต”

กลุ่มคนของเยี่ยฉงโจวต่างก็มองเขาด้วยความตกตะลึง เซียวอวี่อ้าปากกว้าง “แม้แต่เจ้า ศิษย์น้องจ้าวก็ยินยอมเป็นมาร? แต่เห็นๆ อยู่ว่าไม่ได้ตกเป็นฝ่ายมาร…”

จ้าวฮ่าวพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “สำหรับพวกเจ้าแล้ว กลายเป็นมารก็เป็นเพียงการปล่อยความคิดบางอย่างในหัวของตนให้เป็นใหญ่ เรื่องที่แต่ก่อนไม่กล้าทำ บัดนี้มีความกล้าจะทำ”

“ส่วนเรื่องที่แต่ไหนแต่ไรไม่กล้าทำ เรื่องที่ข้าอยากทำ ข้าก็ไปทำ ชีวิตตามแต่ใจปรารถนา กระทำอย่างสบายใจ”

“ในความคิดข้า ผู้ใหญ่กลายเป็นมาร ไม่ได้มีความแตกต่างแต่อย่างใด ข้าเองก็ไม่สนใจว่าผู้อื่นเป็นมนุษย์หรือเป็นมารเช่นกัน”

“สำหรับข้าแล้วต่างก็เหมือนกัน ผู้ที่ขัดขวางทางเดินข้า ข้าก็สังหารเสีย คนหรือมารไม่มีสิ่งใดไม่เหมือน”

จ้าวฮ่าวหัวเราะเย้ยหยัน สีหน้าท่าทางเต็มเป็นด้วยความว่างเปล่า “อันตรายที่สุด และชั่วร้ายที่สุดก็คือจิตใจคน มารชั่วร้ายเกิดขึ้นในใจ มีสิ่งมีชีวิตทั้งมวลอยู่ มารก็ไม่สูญสิ้นไป พวกเจ้าหวาดกลัวมารร้าย แต่จริงๆ แล้วพวกเจ้าเพียงหวาดกลัวความคิดที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจก็เท่านั้น”

“แต่สำหรับข้าแล้ว แต่ไรข้าไม่ถือสาที่จะปฏิบัติตามความคิดในใจตนอย่างแท้จริง แต่ก็จะไม่สูญเสียการควบคุมเช่นกัน”

“สิ่งที่ข้าต้องการก็คืออิสระเสรี ไร้ข้อจำกัดใดๆ ไม่มีสิ่งใดบังคับไร้อุปสรรคขัดขวาง สำหรับข้าแล้ว ในโลกใบนี้มีเพียงพลังเท่านั้นที่เป็นสัจธรรม สิ่งอื่นใดล้วนลวงหลอกทั้งสิ้น”

“ท่านผู้เฒ่าโม่ดีกับข้า ข้าก็รับน้ำใจของเขาเอาไว้ แม้ว่าข้าไม่มีความสนใจจะเปลี่ยนเป็นเหมือนเขา หรือช่วยเขาทำให้นพยมโลกเยื้องกรายมาสู่โลกมนุษย์ แต่ข้าเองก็จะไม่ทำลายเรื่องของเขาด้วยเช่นกัน”

จ้าวฮ่าวมองไปยังเยี่ยฉงโจว เซียวอวี่และคนอื่นๆ อย่างเหยียดหยาม “ดังนั้นข้าไม่สนใจมารร้ายแต่อย่างใด เพราะว่าข้าสามารถควบคุมสภาพจิตใจของข้าได้ ไม่เหมือนเศษสวะเหล่านี้เช่นพวกเจ้า กล้าคิดกลับไม่กล้ายอมรับ ยังจะกลัวหัวหด ปิดบังซ่อนเร้นอีก”

เยี่ยฉงโจวเองก็ไม่มีเวลาจะสนใจกลุ่มคนของหลิวเซิ่งเฟิงที่อยู่ข้างๆ จึงอดไม่ได้เอ่ยปากด่า “พูดจาซี้ซั้วข้างๆ คูๆ เจ้าก็เป็นเพียงแค่คนเห็นแก่ตัวเลือดเย็นเท่านั้น”

จ้าวฮ่าวยิ้มน้อยๆ “เศษสวะเหมือนเจ้าเช่นนี้ มีคุณสมบัติอันใดมากล่าวหาข้า?”

ครั้นวาจานี้เปล่งออกไป กลุ่มคนของเยี่ยฉงโจวพลันตะลึงงันอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่หลิวเซิ่งเฟิงเองก็ชำเลืองตามองเล็กน้อย

สายตาจ้าวฮ่าวกวาดผ่านเยี่ยฉงโจวและหร่วนผิง ส่งเสียงฮึดฮัดในจมูก “อายุอานามก็ชราไม่เยาว์นักแล้ว แต่ยังไม่ผ่านระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลาง อายุแก่ชราไปเสียเปล่า”

ชั่ววูบเดียวเยี่ยฉงโจวถูกทำให้โกรธจนน่าขัน “เจ้าอยู่แค่ขั้นจิตราชั้นในระยะท้าย กล่าวว่าข้าเพียงแค่ระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะกลางหรือ?”

จ้าวฮ่าวยิ้มอย่างเหยียดหยาม “เจ้าจำตอนที่อายุเท่าข้าได้หรือไม่ ว่าเจ้ามีพลังฝึกปรือในระดับ? สูงกว่าข้างอย่างนั้นรึ? ไม่ได้สูงกว่าข้า แต่เจ้ามีหน้ามากล่าวกับข้า?”

เยี่ยฉงโจวเบิกตาโพลง จ้องเขาเขม็งราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “สวะเช่นเจ้า หากตอนนี้ข้าไม่ได้บาดเจ็บหนัก ข้าจะต้องสั่งสอนเจ้า!”

หร่วนผิงที่อยู่ข้างๆ เวลานี้ก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน จ้องมองจ้าวฮ่าวด้วยความโกรธแค้น

หลิวเซิ่งเฟิงเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม สายตามองสลับไปมาระหว่างจ้าวฮ่าว เยี่ยฉงโจว หร่วนผิงและคนอื่นๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี