ความรู้สึกภายในใจเยี่ยนจ้าวเกอเงียบสงบ ไม่พบความอลหม่านแม้แต่น้อย
การรุดหน้าในความมืดมนแบบนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการชำระจิตใจอันแน่วแน่ของตนอีกครั้งหนึ่ง
หากมีความเหนื่อยหน่ายอ่อนแรง ความเกียจคร้านไม่หนักแน่นใดๆ ล้วนจะทำให้ความมืดมนฉวยโอกาสรุกล้ำเข้ามา เมื่อผ่านการต่อต้านแรงดึงดูดจิตใจจากความมืดมนแล้ว จิตตานุภาพของเยี่ยนจ้าวเกอยิ่งได้รับการยกระดับสูงขึ้นอีกครั้ง ขจัดสิ่งเจือปนภายในจิตใจออกไป
ในท้ายที่สุด เยี่ยนจ้าวเกอเดินเตร่เอ้อระเหยลอยชายอยู่ในความมืดมนอันไร้ขอบเขต แต่เขากลับไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด แม้จะมีความมืดมนที่สามารถลากผู้คนให้ลงสู่ห้วงลึกได้ กระนั้นก็ไม่ส่งผลต่อเขาอีกแม้แต่น้อย
ชั่วขณะนี้เอง ชายหนุ่มเกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นในใจ เขาเงยหน้ายิ้มเล็กน้อย เหนือศีรษะที่มืดมนพลันปรากฎนัยน์ตาดำขลับคู่หนึ่งออกมาให้เห็น เพ่งมองเขาเงียบๆ
ท่ามกลางความมืดมิดอันเงียบสงัด เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดจา นัยน์ตาสีดำทั้งสองก็ไม่ได้เผยความรู้สึกใดออกมาเช่นกัน ทว่าระหว่างทั้งสองกลับบังเกิดการเชื่อมประสานอันแปลกประหลาดขึ้น
ดวงตาสีดำทั้งสองไร้ความเศร้าโศกและไร้ความปีติ แต่กลับเหมือนว่ายอมรับการมีอยู่ของเยี่ยนจ้าวเกอแล้วอย่างไรอย่างนั้น จึงค่อยๆ รวมเข้าด้วยกัน ไม่ปรากฏเห็นอีก เสมือนแต่ไรไม่เคยมีอยู่มาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มน้อยๆ เขาในขณะนี้ถอยออกจากในโลกมืดมนอย่างตระหนักรู้และคล่องแคล่ว
เมื่อเห็นแสงสว่างเบื้องหน้าอีกครั้ง ชายหนุ่มก็พลิกมือหยิบเตาเครื่องหอมเล็กสีดำขึ้นมาชมด้วยความสนอกสนใจ
เขาจับมันพลิกกลับหัว ก่อนจะว่าก้นเตาเครื่องหอมสลักอักษรโบราณไว้สองคำ
‘กลืนดิน’
เยี่ยนจ้าวเกอนึกถึงตอนที่ประมือกับจ้าวฮ่าวเมื่อครู่ จ้าวฮ่าวก็เคยตะโกนสองคำนี้ออกมาเช่นกัน
‘เตากลืนดินหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอใคร่ครวญในใจ
นี่ไม่ใช่ของวิเศษทั่วไป และไม่ใช่อาวุธวิญญาณแต่อย่างใด กระนั้นกลับคล้ายว่ามีสติปัญญาและปณิธานในตัวเอง
ดวงตาสีดำคู่นั้นไม่ใช่รอยตราจิตวิญญาณที่ผู้อื่นทิ้งไว้แต่อย่างใด แต่เป็นหลังจากตัวเตากลืนปฐพีเองก่อเกิดสติปัญญาแล้วแปลงกายให้ประจักษ์เห็น
“น่าสนใจ อยากจะศึกษาของวิเศษชิ้นนี้เสียจริง แต่ไม่ใช่ใช้งานอย่างโง่เขลาเหมือนจ้าวฮ่าวเช่นนั้น คงจำต้องสิ้นเปลืองแรงขับเคลื่อนสักหน่อย” เยี่ยนจ้าวเกอพึมพำกับตนเอง
ชายหนุ่มเก็บเตาเครื่องหอมขึ้น ยืนอยู่ที่เดิม ปรับลมปราณต่อไปเงียบๆ
ก่อนหน้านี้ ความสูญเสียของเขามากมายมหาศาลเช่นเดียวกัน ไม่กล่าวว่าน้ำมันตะเกียงสิ้นเพลิงดับมอด เป็นการต่อสู้หนึ่งที่ใช้ปราณดั้งเดิมหมดไปมากที่สุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
การประมือกับกลุ่มหลิวเซิ่งเฟิงและจ้าวฮ่าวนั้นช่างเถิด หัวใจสำคัญคือความสอดคล้องกันระหว่างจิตวิญญาณของเขาและเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้า ขับเคลื่อนสายฟ้าชั่วพริบตา ฉับพลันนั้นเผาไหม้พลังเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์จนระเบิดออกมาในครั้งเดียว
แม้ว่าตัวเยี่ยนจ้าวเกอจะไม่ถึงขั้นเหมือนเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้า ที่อยู่บัดนี้ในระหว่างการเรียกคืนจิตใจ จิตวิญญาณแห้งเหือดทั้งหมด ทว่าก็มีความรู้สึกเหมือนหัวขโมยขึ้นบ้านที่ว่างเปล่าด้วยเช่นกัน
ถึงกระนั้นเยี่ยนจ้าวเกออยากจะฟื้นฟู ก็ไม่ได้ยากลำบากแต่อย่างใด
ภายในจุดตันเถียนชี่ไห่ กลุ่มธาตุปราณบริสุทธิ์สั่นสะเทือน แตกสาขาเป็นกระแสปราณเพลิงและน้ำแข็งหลายสาย หยินหยางส่งเสริมกันและกัน ชโลมปราณดั้งเดิมที่จวนจะแห้งขอดให้ชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว
เปรียบเทียบกันแล้ว เศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าสร้างความยุ่งยากให้กว่ามากนัก
ไข่มุกวิเศษสีม่วงที่เปลี่ยนรูปมาจากเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้แสงวับวาบของมันมืดสลัว ประหนึ่งไข่มุกหินที่เต็มไปด้วยฝุ่นขี้เถ้า ไม่เห็นแสงระยิบระยับแม้แต่น้อย
การเชื่อมประสานจิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอกับมัน ก็รู้สึกได้เพียงสติปัญญาอันน้อยนิดเท่านั้น อีกฝ่ายคล้ายกับตกอยู่ในสภาวะหลับลึก เหมือนกับแกล้งตายอย่างไรอย่างนั้น
คิดอยากจะทำให้มันแปรสภาพเป็นแสงสายฟ้าใหม่อีกครั้ง รวมเข้ากับนัยน์ตาขวาของตนเอง ล้วนทำไม่ได้ชั่วคราว
เยี่ยนจ้าวเกอปรับลมปราณตนเองไปพลาง ครุ่นคิดไปพลาง ‘ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่เศษชิ้นส่วน ไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ดวงตาราชันสายฟ้าจริงๆ ในตอนแรก’
‘ในตำนาน ดวงตาราชันสายฟ้ายามรุ่งเรืองเต็มที่ อัสนีเพียงชั่วเสี้ยววินาทีเดียว ก็สร้างประวัติการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ได้ อีกทั้งในชั่วเสี้ยววินาทีถัดมา พลังก็จะฟื้นคืนสภาพเดิมทั้งหมดเช่นแรกเริ่ม’
‘เปรียบเหมือนเช่นพวกเราหายใจ เมื่อหายใจออกก็เป็นสายฟ้าเทพที่บดขยี้ความว่างเปล่าเป็นจุณหนหนึ่ง เมื่อหายใจเข้าก็เป็นส่วนที่ยอดเยี่ยมของฟ้าดินโดยรอบเติมเต็มตนเองทั้งหมด’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี