ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 199

ในตอนที่มู่กวงจวินและหวงเจี๋ยสังเกตเยี่ยนจ้าวเกออย่างละเอียด จริงๆ แล้วเส้นสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็กำลังกวาดผ่านมาจากทางสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อยู่พอดีเช่นกัน

สายตาเยี่ยนจ้าวเกอกวาดมองผ่านหวงเจี๋ย จากนั้นตกลงไปบนร่างของศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนอื่นที่อยู่ข้างกายอีกฝ่าย

ผู้ที่มาเข้าร่วมการประชุมฝ่านภาไม่น้อยเลย

ถึงแม้ว่าจะยังไม่อาจยืนยันว่าอีกฝ่ายจากไปแล้วหรือไม่ ทว่าถังหย่งฮ่าวที่เคยประมือกับมหาปรมาจารย์อำพรางใบหน้าเช่นเดียวกัน แม้จะเชื่อใจหวงเจี๋ย แต่ก็ต้องค้นหาหลักฐานอย่างน้อยที่สุดแน่นอนด้วยเช่นกัน

หวงเจี๋ยไม่สะทกสะท้านเช่นนี้ มีบางคนตรึงการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้ สามารถตัดผู้ต้องสงสัยได้เกินครึ่งแล้ว

สายตาเยี่ยนจ้าวเกอมองไปรอบๆ ทั้งสี่ทิศ ดูเหมือนว่าไม่สนใจไยดี แต่ความจริงคือกำลังสังเกตจอมยุทธ์มหาปรมาจารย์กลุ่มนั้น ที่มีพลังฝึกปรือใกล้เคียงกับระดับพลังฝึกปรือของผู้อำพรางใบหน้าอย่างละเอียด

แท้จริงแล้วในบรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ยังมีหนอนบ่อนไส้ของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตหรือไม่ ล้วนเป็นเรื่องที่บอกได้ยากเรื่องหนึ่ง

อย่างไรเสียไม่ใช่จอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตทุกคน ล้วนเลือกตกเป็นมาร

ตัวอยู่ที่ฟ้าดินแดนมาร ง่ายต่อการก่อเกิดความคิดมารในใจผู้คนอย่างแท้จริง แสวงหาความสุขชั่วคราว กลายเป็นมารโดยสิ้นเชิง

กระนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่อย่างใด

ผู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ ประโยคนี้สะท้อนที่นี่ได้อย่างเหมาะสม มิตกเป็นมาร ต่อให้ในใจคนคนหนึ่งเปี่ยมไปด้วยเจตนาอันโหดเหี้ยม ขอเพียงแค่ปกปิดให้ได้ดีพอ ผู้คนรอบข้างก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะมองทะลุปรุโปร่งความจริงของเขา

ขอเพียงแค่ไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์ ต่อให้คนผู้นี้สังหารอีกคนหนึ่งเงียบๆ จากนั้นจัดการศพในทันที หลังจากจบเรื่องยังคงเดินวางท่าออกมาพบปะกับฝูงชนได้

ตรงกันข้ามกับผู้กลายเป็นมาร หลังจากกลายเป็นมารวันใดวันหนึ่งโดยสิ้นเชิงแล้ว ก็จะผิดแผกไปจากปกติราวกับฟ้าดิน ทั้งยังยากจะปกปิดอีกด้วย โดยภาพรวมหมดสิ้นซึ่งความเป็นไปได้ที่จะซ่อนต่อไป

เยี่ยนจ้าวเกอไม่กล้ายืนยัน ว่าบนโลกนี้ไม่มีวิธีที่หลังจากกลายเป็นมารแล้วกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ใหม่อีกครั้ง กระนั้นความเป็นไปได้นี้ก็น้อยอย่างยิ่งยวด

เปรียบเทียบกันแล้ว ควบคุมตนเองไม่ให้กลายเป็นมารโดยสิ้นเชิง ถึงจะเป็นตัวเลือกที่ผู้แอบซ่อนเป็นไปได้มากกว่า

เหมือนเช่นก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงของทะเลสาบปิดนภา กลุ่มของผู้อาวุโสโม่เช่นนั้น

‘เป็นไปได้หรือไม่ว่าก่อนหน้าข้าขี่ช้างจับตั๊กแตนไปแล้ว?’ เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดในใจ ‘มหาปรมาจารย์ผู้นั้นที่จู่โจมลอบสังหารข้า ไม่ใช่หนอนบ่อนไส้ที่ดักซุ่มแต่อย่างใด? อย่างไรเสียดูจากรูปร่างลักษณะของเขา น่าจะกลายเป็นมารได้หลายวันแล้ว ไม่ใช่เร็วๆ นี้เป็นแน่’

‘คิดๆ ดูแล้วยามปกติเขาน่าจะเป็นสมาชิกภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตที่แอบซ่อนดักซุ่มอยู่ที่ปฐพีพิภพ’

เยี่ยนจ้าวลูบคางตนเองครู่หนึ่ง ‘ปกปิดตนเองอย่างแน่นหนา อีกทั้งไม่แสดงวิชาวรยุทธ์ที่ตนเชี่ยวชาญจริงๆ ออกมา ไม่จับเขาให้ได้คาหนังคาเขา ก็มองฐานะเขาไม่ออกเลยสักนิด ใครจะรู้ว่าเขาเป็นใครกันแน่? กลายเป็นมารแล้ว จุดประสงค์ออกจะชัดแจ้งเสียด้วยซ้ำไป’

‘หากไม่ใช่เพื่อที่จะปกปิดฐานะ เช่นนั้นไฉนเขาถึงไม่แสดงวิชาวรยุทธ์ที่ตนเชี่ยวชาญจริงๆ ออกมาเล่า?’

ชายหนุ่มหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นอย่างละเอียด ‘วิชากระบี่ไปจนถึงวิชาฝ่ามือในตอนที่ประมือกับข้าและพวกศิษย์พี่สวี จริงๆ แล้วก็มีความชำนาญที่ลึกซึ้งยิ่งเช่นกัน เปรียบเทียบระดับพลังฝึกปรือของเขา แม้ว่าจะสามารถยืนยันได้ว่าไม่ใช่วิชาวรยุทธ์แต่เดิมที่เขาเชี่ยวชาญ แต่ก็น่าจะทุ่มความเพียรมามากเช่นกัน’

เขาใคร่ครวญ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยครู่หนึ่ง ‘ไยรู้สึกว่า ระยะเวลาที่เขากลายเป็นมารกลับใกล้เคียงอยู่บ้างกับ…’

“ครานี้จ้าวเกอสร้างความดีความชอบอย่างยิ่งอีกแล้ว พิเศษเป็นอย่างยิ่ง” เสียงอันใสสะอาดแลเพราะพริ้งของฟางจุ่นดังขึ้นข้างหู เยี่ยนจ้าวเกอจึงเก็บความคิด ยิ้มพลางตอบว่า “สวรรค์ประทานโชค ท่านอาจารย์ลุงสองชมเกินไปแล้ว”

ฟางจุ่นส่ายศีรษะช้าๆ “ไม่ เจ้าทำได้ดียิ่งนัก หากไม่ใช่เจ้าพลันระเบิดพลังขึ้นมา ครั้งนี้ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตมีโอกาสประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก”

“ประตูแห่งนพยมโลกเปิดกว้างออก คิดจะทำให้มันปิดอีกครั้ง เช่นนั้นก็ยากลำบากยิ่งแล้ว”

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยถาม “เหตุใดท่านประมุขหออันแห่งหอคลื่นโหมยังไม่มาถึงหรือขอรับ หรือว่าทางนั้นมีปีศาจอัคคีก่อกวน?”

“ไม่ผิดหรอก น่าจะเป็นคนของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต สมคบกับมหาโลกาปีศาจอัคคีก่อการพร้อมกัน ทำให้พวกเราถูกศัตรูขนาบทั้งหน้าและหลัง” ฟางจุ่นกล่าว

“ไม่ใช่เพียงแค่ประมุขหออันแห่งหอคลื่นโหม เจ้าเมืองซ่งแห่งเมืองทะเลมรกต ยังมีเจ้าตำหนักอัสนีสวรรค์ ล้วนเร่งไปทะเลตะวันออกด้วยกัน”

“อีกทั้งทางด้านปฐพีพิภพเกิดคลื่นไม่สงบขึ้นมาอีกครั้งเช่นกัน สำนักเราและเขาไร้พรมแดนจึงร่วมมือกันปราบปรามทางด้านนั้น”

กระนั้นจอมมารหยวนเทียนกลับแตกต่างออกไป อุปนิสัยบุ่มบ่ามไร้ทำนองคลองธรรม ทว่าพลังฝึกปรือกลับสูงเสียอย่างนั้น ทั้งยังพลังทำลายล้างแก่กล้ายิ่ง

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งหกล้วนเลวร้ายอย่างยิ่งยวด มักจะเอาตนเป็นที่ตั้งอีกด้วย ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย ยากที่จะคาดเดา ทำให้ทุกคนล้วนรู้สึกปวดเศียร

หลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอเคยศึกษาการประมือระหว่างจอมมารกับผู้อื่นอย่างลับๆ การบรรยายของผู้ที่เกี่ยวข้องหรือไม่ก็ผู้ที่ชมอยู่ข้างๆ พบว่าจอมมารหยวนเทียนผู้นี้ เกินกว่าครึ่งได้รับร่องรอยบางอย่างที่หลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ค่อยๆ ก่อตัวจนเป็นวิถีทางวิชาวรยุทธ์ในปัจจุบัน

สืบสาวเรื่องราวย้อนจนถึงต้นกำเนิด คล้ายกับว่ามีเงาวิถีมารของพรรคมารก่อนวิกฤตการณ์อยู่

‘จอมมารหยวนเทียนมีส่วนเกี่ยวข้องกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตหรือไม่? หรือว่าความจริงแล้วภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตเป็นการก่อตั้งขึ้นด้วยน้ำมือของหยวนเทียน?’ เยี่ยนจ้าวเกอเคาะลิ้นอยู่ครู่หนึ่ง ‘ในภาพความทรงจำ…หยวนเทียนยังคงชอบกระทำการด้วยตนเองอย่างอิสระ ตรงไปตรงมา’

ฟางจุ่นเอ่ย “เพราะเหตุอันใดหยวนเทียนถึงช่วยเหลือภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต โจมตีสกัดกั้นเหยียนซวี่และมาตรสุริยันวัดสวรรค์ ตอนนี้ยังไม่อาจตัดสินชี้ขาดเรื่องนี้ได้ แต่เพื่อให้รอบคอบ ยังคงไม่อาจถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญ จำเป็นต้องป้องกันการลงมือครั้งถัดไปของหยวนเทียนไว้ล่วงหน้า”

เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะ “ที่ท่านอาจารย์ลุงสองกล่าวคือ?”

“ที่นี่ดำเนินมาถึงจุดจบโดยชั่วคราวแล้ว การจัดการปัญหาที่ตามมาของทะเลสาบปิดนภาแห่งนี้ ยังคงส่งต่อให้หอคลื่นโหมจัดการเองเถิด จะว่าไปแล้วครานี้พวกเขาเสียหายหนักหนาที่สุด ผู้อาวุโสใหญ่หนึ่งในสองเป็นหนอนบ่อนไส้ ท้ายที่สุดถูกประหารชีวิต อีกคนหนึ่งก็รบจนสิ้นชีพ” ฟางจุ่นกล่าว

จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะ พลางกล่าวต่อไปว่า “ส่วนภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตและนพยมโลก ยังมีสิ่งที่ตามมากมายอย่างยิ่ง ล้วนจำต้องค่อยๆ ปรึกษาหารือ บัดนี้เรากลับสำนักกันก่อนเถิด”

ชายหนุ่มพยักหน้าตอบตกลง “ข้าเข้าใจขอรับ”

ฟางจุ่นยิ้มฉับพลัน “กลับไปคราวนี้ สำนักต้องบำเหน็จแก่เจ้าอย่างงามอีกคราเป็นแน่”

“แต่เดิมข้ายังเอ่ย เจ้าไม่ต้องใช้เวลาสิบกว่าปี ขอเพียงเวลาสองสามปี ผู้คนใต้หล้าก็จะมองว่าจ้าวเกอไม่ได้เป็นแค่บุตรของศิษย์น้องเยี่ยนตี๋อีกต่อไป แต่ล้วนให้ความสำคัญที่ตัวของเจ้าเอง”

“กระนั้นกลับไม่เคยคิดมาก่อน ซ้ำยังดูถูกเจ้า นับแต่วันนี้เป็นต้นไป นามของเจ้าทั่วหล้าล้วนรู้จัก ไม่มีผู้ใดไม่รู้เสียแล้ว”

………

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี