วิชาวรยุทธ์ที่อาหู่ฝึกฝนในปัจจุบัน ได้ข้ามผ่านระดับหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ชั้นหนึ่ง หรือแม้กระทั่งชั้นสองไปนานแล้ว
ทว่าตามกฎระเบียบแล้ว ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ บิดาบุตรทั้งสองจะใกล้ชิดกันถึงเพียงใด หากไม่ใช่ศิษย์สำนักเขากว่างเฉิง เขาก็ไม่อาจเข้าไปในหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ได้เช่นกัน
กับเรื่องนี้อาหู่เคยชินจนเห็นเป็นเรื่องธรรมดาไปนานแล้ว เขาเอ่ยถามเยี่ยนจ้าวเกอว่า “คุณชาย ท่านจะอยู่ในคลังวรยุทธ์นานแค่ไหนหรือ?”
เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง “สถานการณ์ครั้งนี้พิเศษ จะนานกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย จนก่อนตะวันตกดินก็น่าจะยังออกมาไม่ได้”
อาหู่พยักหน้า โบกไม้โบกมือหาเยี่ยนจ้าวเกอ “คุณชาย เช่นนั้นท่านจัดการเรื่องของท่านเถอะ ข้าจะไปเที่ยวเล่นรอ ตอนตะวันตกดินจะมารอท่าท่านที่นี่อีกที”
ชายหนุ่มก็โบกมือด้วยความเคยชินเช่นกัน “อืม เจ้าไปหาถ้ำเย็นๆ อยู่เฉยๆ เถอะ”
ถึงแม้ว่าจะเป็นการหยอกล้ออาหู่ แต่เยี่ยนจ้าวเกอรู้ดี ว่าชายร่างใหญ่ผู้นี้ที่ดูเหมือนจะเรื่อยเฉื่อย เกินกว่าครึ่งต้องไปหาที่ฝึกฝนเป็นแน่
ฐานะของอาหู่ และพฤติกรรมหน้าไม่อายของเขา ตามติดปรนนิบัติอยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอเสมอ ทำให้คนอื่นดูถูกเขาได้ง่ายอย่างยิ่งนัก
ทว่าแท้จริงแล้วอายุของอาหู่ยังไม่ถึงสามสิบปี น้อยกว่าพวกสวีเฟย ใกล้ๆ กับหลิวเซิงเฟิงและเซี่ยโยวฉาน
อายุเท่านี้สามารถบรรลุได้ถึงระดับพลังฝึกปรือขั้นนี้ นอกจากพรสวรรค์จะน่าทึ่งแล้ว ในด้านการฝึกยุทธ์ รูปร่างสูงใหญ่เทอะทะ ล้วนต้องมุมานะบากบั่นกว่าผู้คนส่วนใหญ่
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าไปยังชั้นหนึ่งของหอคัมภีร์ยุทธศาสตร์ ประจวบเหมาะกับขณะนี้ผู้คนไม่น้อย ล้วนเป็นศิษย์สำนักเขากว่างเฉิงที่อายุค่อนข้างน้อย เข้าเป็นศิษย์สำนักค่อนข้างช้า
หลังที่พวกเขาเห็นเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ต่างก็เหม่อลอยอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นถึงการคารวะต่อชายหนุ่มพร้อมกัน “ศิษย์พี่เยี่ยน”
สำหรับคนรุ่นเยาว์เหล่านี้ แม้เยี่ยนจ้าวเกอจะอยู่ในลำดับอาวุโสเดียวกับพวกเขา แต่กลับเป็นบุคคลในตำนานไปเสียแล้ว
ครั้นเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ พวกเขาถึงขั้นประหม่าเสียยิ่งกว่าตอนพบผู้อาวุโสสำนักมากมายยิ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอผงกศีรษะพลางอมยิ้มไปทางพวกเขา สายตากวาดมองผ่านเป็นวงกลม พลันเห็นคนคุ้นเคย
เฟิงอวิ๋นเซิงสวมชุดคลุมยาวสีขาวทั้งกาย คลุมทับด้วยเสื้อนอกสีฟ้า ขลิบแถบสีดำ อันเป็นเครื่องแต่งกายศิษย์สืบทอดหลักสำนักเขากว่างเฉิง
ข้างกายนาง เด็กชายตัวค่อนข้างใหญ่คนหนึ่งตามติดอยู่ เขากำลังมองทางเยี่ยนจ้าวเกออย่างทึ่มๆ ซึ่งก็คืออิงหลงถู ฮานหลงเอ๋อร์ นั่นเอง
ดูไปแล้วอิงหลงถูยังคงมีลักษณะท่าทีเซ่อซ่า แต่คล้ายกับว่าจำเยี่ยนจ้าวเกอได้
เฟิงอวิ๋นเซิงยิ้มกล่าว “อิงถู เจ้าถามข้าอยู่ตลอดว่าศิษย์พี่เยี่ยนไปไหนไม่ใช่หรือ ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว”
อิงหลงถูยิ้มด้วยความเงอะงะ “ศะ…ศิษย์พี่เยี่ยน”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวร่อพลางผงกศีรษะ เดินเข้าไปใกล้ “ไม่พบกันครึ่งปีกว่าแล้ว อิงถูสูงขึ้นไม่น้อย”
เขาหันศีรษะกลับไปมองเฟิงอวิ๋นเซิง ยิ้มเอ่ย “กลายเป็นว่าพวกเจ้าเข้ากันได้จนคุ้นเคยกัไปเสียแล้ว”
หญิงสาวมองอิงหลงถูด้วยสีหน้าท่าทางที่แปลกประหลาดไปบ้างแวบหนึ่ง แล้วจึงเอ่ย “เป็นเพราะมีความชอบเหมือนๆ กัน”
มุมปากเยี่ยนจ้าวเกอกระตุกเล็กน้อยเช่นกัน “…ชอบกิน?”
“ซ้ำยังกินเก่งมากอีกต่างหาก” เฟิงอวิ๋นเซิงพยักหน้า พลางตบไหล่ของอิงหลงเบาๆ “หลายคราข้าล้วนไม่กล้าก่อไฟที่เขากว่างเฉิง ต้องออกไปล่าสัตว์ข้างนอก ไม่เช่นนั้นพวกข้าสองคนร่วมกัน เกรงว่าของบางอย่างบนเขาคงต้องถูกกินจนหายสาบสูญเป็นแน่”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะออกเสียงพลางกล่าว “คราวนี้ข้ากลับสำนัก ก็ต้องนับส่วนของข้าด้วยเหมือนกัน”
เฟิงอวิ๋นเซิงเบิกตาโพลง “คุณชายกว่างเฉิงผู้น่าเกรงขาม บุตรสวรรค์โปรดปรานรุ่นใหม่ชื่อเสียงลือเลื่องไปทั่วหล้าเช่นท่าน กลับมาแย่งเสบียงอาหารกับสตรีและเด็กผู้อ่อนแอ ทำได้ลงคอรึ? ไม่กลัวว่าชื่อเสียงของท่านจะเสื่อมลงหรือ?”
“พวกเจ้าทั้งสองก็นับว่าเป็นสตรีและเด็กผู้อ่อนแอด้วยรึ?” เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตนางและอิงหลงถูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนส่ายศีรษะด้วยใบหน้าเมินเฉย
ทว่าหลังจากมองอยู่พักหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอพลันหัวเราะพรวด “ภาระหน้าที่ดูแลหลงถู กลับตกอยู่บนบ่าของเจ้ามากมายนัก มีความรู้สึกเป็นแม่คนบ้างหรือไม่?”
“หลงถู เจ้าเรียกนางว่าอย่างไร?” ไม่รอให้เฟิงอวิ๋นเซิงโต้แย้ง เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มตาหยี พร้อมทั้งเอ่ยถามอิงหลงถู
อิงหลงถูมองเฟิงอวิ๋นเซิงวูบหนึ่งด้วยความงุนงงอยู่บ้าง จากนั้นจึงกล่าวตอบอย่างซื่อตรงว่า “เรียกว่าศิษย์พี่เฟิง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี