เยี่ยนจ้าวเกอถึงกับชะงักงัน
เขามองเฟิงอวิ๋นเซิง มุมปากกระตุก “ศิษย์น้องเฟิง ข้าคิดอย่างแน่วแน่ยิ่ง ทั้งยังเอาจริงเอาจังอย่างมาก ข้าต้องยกระดับความรู้ซึ้งเรื่องค่ายกลจริงๆ และจะต้องทุ่มความเพียรในด้านนี้อย่างถึงที่สุด”
บนใบหน้าเฟิงอวิ๋นเซิงเผยสีหน้าประหลาดใจ นางสังเกตเยี่ยนจ้าวเกออย่างละเอียด หลังจากครู่ใหญ่จึงกล่าวด้วยความจนใจอยู่บ้าง “ศิษย์พี่เยี่ยนทำเช่นนี้ จะไม่ทำให้คนอื่นยิ่งอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนีได้อย่างไร?”
“อย่างน้อยข้าในตอนนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นคนโง่เขลาคนหนึ่ง”
หลังจากที่เยี่ยนจ้าวเกอนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พลันหัวเราะขึ้นมา “ช่างเถิด ถึงอย่างไรหลายๆ ครั้งที่เจ้าคิดเช่นนี้ ความจริงแล้วก็ไม่ผิด เจ้ากล่าวหาข้าโดยบังเอิญ ก็เป็นเพราะภาพจำที่ข้าสร้างไว้ให้เจ้าเช่นกัน หากจะพูดจริงๆ ละก็ ไม่ถือว่ากล่าวหาข้าเช่นกัน”
เฟิงอวิ๋นเซิงได้ยินเช่นนั้นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเพ่งมองเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง แววตาอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ
เส้นสายตาเยี่ยนจ้าวเกอย้ายไปทางอิงหลงถูที่อยู่ข้างๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปวางบนจุดจับชีพจรตรงข้อมือของเด็กชาย หลังจากตรวจดูครั้งหนึ่งแล้วจึงยิ้มกล่าว “พัฒนาการของหลงถูช่างไวยิ่งนัก”
ถึงแม้ว่าจะดูทึ่มทืออยู่บ้าง แต่เมื่อได้รับคำชมของเยี่ยนจ้าวเกอ อิงหลงถูก็ยิ้มด้วยความเบิกบานขึ้นมา
“ร่างจิตนภาช่างร้ายกาจเสียจริง ความเร็วในพัฒนาของหลงถู ท่านอาจารย์ลุงใหญ่กับท่านอาจารย์ต่างก็ประหลาดใจเช่นกัน” เฟิงอวิ๋นเซิงก็ยิ้มเช่นกัน
สำหรับการพูดคุยถึงเรื่องอิงหลงถู เยี่ยนจ้าวเกอและเฟิงอวิ๋นเซิงไม่ได้ส่งกระแสจิตหากันต่อไปอีก แต่พูดคุยกันอย่างปกติ
ศิษย์อ่อนอาวุโสคนอื่นได้ยินแล้ว ล้วนมองมาด้วยความใคร่สงสัยเช่นกัน
ประเดี๋ยวเดียวอิงหลงถูก็กลายเป็นจุดรวมสายตาของฝูงชนแล้ว
ช่วยไม่ได้ ถึงแม้ว่าเพิ่งจะกลับมาเขากว่างเฉิงได้ครึ่งปีกว่า ทว่าพลังแฝงและพรสวรรค์ที่อิงหลงถูแสดงออกมา ล้วนน่ากลัวอย่างมากจริงๆ
สำนักเขากว่างเฉิง ในฐานะหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ทั้งหกของปัจจุบัน ศิษย์ทั้งหมดที่สามารถกราบเข้าเป็นศิษย์เท่าที่มี ล้วนเลือกสรรจากผู้คนนับหมื่น
ภายในสำนักเขากว่างเฉิงเอง ทุกผู้ทุกคนล้วนโดดเด่นยิ่ง บางทีอาจจะยังไม่สะท้อนให้เห็น ต้องอัจฉริยะเหนือบรรดาอัจฉริยะเช่นสวีเฟย ลู่เวิ่น เยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง และซือคงฉิงเหล่านี้ ถึงจะสามารถปรากฏให้เห็นความล้ำเลิศเหนือผู้ใด เป็นหงส์ในฝูงกา
กระนั้นแท้จริงแล้วคนอื่นๆ ที่อยู่เบื้องหน้ากลุ่มคนของเยี่ยนจ้าวเกอ แม้ว่าจะดูเหมือนพื้นๆ ธรรมดา ทว่าหากออกนอกสำนักเขากว่างเฉิง ไปยังขุมกำลังชั้นหนึ่งและชั้นสองอื่นแล้ว ทุกๆ คนล้วนเป็นอัจฉริยบุคคล
กระนั้นภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ อิงหลงถูกลับแสดงความเร็วในการพัฒนาที่ทำให้บรรดาศิษย์อ่อนอาวุโสทั้งหมดต้องตกตะลึงพรึงเพริด
เด็กที่ใช้ชีวิตธรรมดา ถึงขั้นที่ดูแล้วเหมือนว่าสมองไม่ปราดเปรียว ทว่าในด้านการฝึกฝนวรยุทธ์ คำว่า ‘หนึ่งวันพันลี้’ ล้วนไม่พอที่จะบรรยายพัฒนาการของเขาได้ บางที ‘หนึ่งวันหมื่นลี้’ ถึงจะประจวบเหมาะ
แม้แต่หยวนเจิ้งเฟิงยังตื่นตะลึง ความเร็วในการยกระดับพลังฝึกปรือในระดับหลอมกายของเด็กชายผู้นี้ ถึงขนาดว่าเร็วกว่าเยี่ยนตี๋ในตอนนั้นเสียอีก
ศิษย์ร่วมสำนักคนหนึ่งที่ตกชั้นฉับพลัน มาทีหลังแซงนำหน้าไปก่อนเช่นนี้ ทำให้ศิษย์รุ่นเยาว์คนอื่นต่างก็มีแรงกดดันมหาศาล
ด้วยเหตุนี้เฟิงอวิ๋นเซิงจึงพาอิงหลงถูไปดูแลอยู่เสมอ นอกจากเอาใจใส่เรื่องในชีวิตประจำวันของเด็กชายแล้ว ก็ป้องกันคนรังแกเขาอีกด้วย ทั้งยังป้องกันคนใช้ประโยชน์จากเหตุที่ปกติสมองเขาก็ไม่ค่อยปราดเปรียวด้วย
ถึงแม้ว่าอิงหลงถูจะว่านอนสอนง่าย ทว่าปกติก็ไม่ปราดเปรียวอยู่บ้างจริงๆ บางเวลาหากถูกคนลอบชี้นำผิดๆ ทำผิดไปแล้วตัวเขาเองก็อาจจะไม่รู้สึกตัวก็เป็นได้
สายตาเยี่ยนจ้าวเกอมองไปรอบๆ ทั้งสี่ทิศ ก่อนจะเอ่ยอย่างสงบว่า “ร่างจิตนภา เรียกว่าร่างมังกรแท้สามสิบหกจุดลมปราณ หรือว่าร่างมังกรจิตนภาได้ด้วยเช่นกัน”
“เลือดลมขั้นเคียงนภาทรงอานุภาพดุจมังกรดุจหัตถี ความคิดใสสะอาดดุจน้ำดุจกระจก”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “การฝึกฝนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเลือดลมเนื้อหนังมังสาเท่าที่มี หลงถูเกือบจะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายทั้งหมด ไม่ต่างอะไรกับอยู่ในท้องมารดาก็ฝึกสำเร็จแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี