แสงอันโชติช่วงที่พันรอบเสาหิน สั่นพะเยิบพะยาบอยู่ในอากาศ กลายสภาพเป็นแถบแสงจำนวนมาก ถูกพายุนิมิตทมิฬดึงรั้ง ฉุดลากจนตรงแหน่ว
พลังดึงรั้งรัดแน่น ลากเสาหินขึ้นมาพรวดพราดจากทะเลทราย
ชั่วเสี้ยววินาทีที่เสาหินถูกดึงออกมาจากทะเลทรายโดยสมบูรณ์นั้น มีพลังอันไพศาลแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศอย่างฉับพลัน
ด้วยพลังทำลายล้างซัดสาดโหมกระหน่ำ พายุนิมิตทมิฬที่กวาดทำลายโดยรอบตามอำเภอใจ จึงถูกกำจัดจนสูญสิ้นทันที!
ผงทรายในอากาศ ถูกบดละเอียดเป็นละอองฝุ่น พัดกระจายออกไปไกลทั้งสิ้น
ถ้าหากมองจากสวรรค์ชั้นเก้าลงมา จะเห็นได้ว่าในทะเลทรายใหญ่ที่ถูกพายุนิมิตทมิฬปกคลุมอำพรางอยู่ พลันปรากฏพื้นที่ว่างแปลงหนึ่งออกมา
ทะเลทรายสุดลูกหูลูกตาบริเวณที่เสาหินแต่เดิมตั้งอยู่ ถูกกวาดล้างแทบจะหลุบเรียบลงไปข้างล่างจนเกิดพื้นที่ว่างออกมาแปลงหนึ่ง กลายเป็นหลุมทรายขนาดใหญ่ที่ยุบลงไป
เสาหินต้นนั้นลอยแคว้งอยู่กลางอากาศ เวลานี้แสงสว่างโชติช่วงทุกสายที่ยื่นขยายออกไป ได้หวนกลับคืนทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงแค่เสาหินที่ซ่อนเร้นลำแสงเอาไว้เท่านั้น
แสงสว่างบนพื้นผิวเสาหินค่อยๆ สลายไป ในสายตาฝูงชนเห็นบริเวณด้านที่แตกแต่เดิม ถูกเติมเต็มอย่างฉับพลัน
เสาหินทั้งต้นหล่อรวมเป็นหนึ่ง เปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่
หลังจากมองดูเสาหินมหึมาตรงหน้าแล้ว ก็บิดลำคอที่แข็งทื่ออยู่บ้างอีกครั้ง หันมองท้องฟ้าโดยรอบซึ่งเปลี่ยนเป็นแจ่มใสฉับพลัน ในที่สุดฝูงชนก็ฟื้นคืนสติกลับมา ส่งเสียงโห่ร้องดีใจออกมาพร้อมเพรียง
การเคลื่อนไหวของ ‘ผู้อาวุโสหลี่’ และ ‘เหยาซาน’ ช้าลงกึ่งหนึ่ง ทว่าก็เผยเห็นสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกระคนดีใจทันที ร่วมกับขบวนฝูงชนด้วยเช่นกัน
เพียงแต่ยามพวกเขาสองคนประสานสายตากัน ในแววตาล้วนเป็นพยับเมฆและความกลัดกลุ้มอันเฉื่อยชา
เหยาซานตัวจริงสูดหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง สงบอารมณ์ภายในใจตน เคลื่อนไหวปราณจิตราส่งกระแสจิตกล่าวกับสหาย ‘อย่าได้บุ่มบ่ามไป ตอนนี้ยังไม่อาจยืนยันว่าเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้นของเขาสามารถใช้การได้หรือไม่’
เหยาซานตัวปลอมที่อยู่ข้างๆ ตอบ ‘ข้าเข้าใจ’
คำพูดแม้จะเอื้อนเอ่ยเช่นนี้ แต่ในน้ำเสียงเจือกัดฟันแค่นเสียงอย่างปิดไม่มิดอยู่หลายส่วน
เสาหินร่วงลงมาช้าๆ อาหู่เห็นเช่นนั้น เร่งรีบขึ้นมาข้างหน้าเตรียมรับไว้
เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะเอ่ยประโยคหนึ่ง “ข้าเอง” ทว่ามือของอาหู่ยื่นออกไปแล้วพอดี
ใครจะรู้ฝ่ามือเพิ่งจะรองส่วนปลายเสาหินไว้ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวงฉับพลัน รู้สึกเพียงว่ามีพลังไร้ที่สิ้นสุดกดอยู่บนฝ่ามือ จนข้อมือแทบหลุด!
มองเพียงแค่รูปลักษณ์ของเสาหินนั่น แม้ว่าขนาดจะใหญ่มหึมา กระนั้นอาหู่ก็เป็นจอมยุทธ์ปรมาจารย์ขั้นฝ่านภา ซึ่งเป็นขั้นสูงสุดแล้ว แขนทั้งสองข้างของเขาสั่นเทิ้ม ปราณจิตราระเบิดพลังทั้งปวง กำลังกายมีแค่เพียงหมื่นจวินเสียเมื่อไร
ทว่าบัดนี้ครั้นเอามือรองเสาหินต้นนั้น กลับรู้สึกว่ารับน้ำหนักไม่ไหวโดยสิ้นเชิง ทำได้เพียงรีบปล่อยมือถอยออกไป
เยี่ยนจ้าวเกออยู่ข้างๆ ยื่นมือออกมา รองไว้ใต้เสาหินด้วยเช่นกัน
ภาพฉากที่ทำให้ลูกตาอาหู่แทบจะถลนออกจากเบ้าปรากฏขึ้น เสาหินที่พลังทั่วร่างตนปะทุล้วนหมดทางพยุง นึกไม่ถึงว่าเยี่ยนจ้าวเกอใช้เพียงมือเดียวรองเอาไว้โดยไม่รู้สึกหนัก
หนำซ้ำท่าทางของเยี่ยนจ้าวเกอ ยังเห็นได้ชัดว่าผ่อนคลายอย่างยิ่งยวด
คนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างเห็นแล้ว ก็ตกอกตกใจเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าอาหู่มักจะถูกผู้คนสบประมาททั้งโดยเจตนาและไม่เจตนา เนื่องจากฐานะและการแสดงออกยามปกติ
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอให้ความสนใจโลกภายนอกมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงทุกอย่างข้างกายเขา ชายหนุ่มเข้าไปอยู่ในสายตาของบุคคลที่มีความตั้งใจ ดังนั้นโลกภายนอกจึงรู้จักอาหู่มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน
ร่างสูงใหญ่ที่มักจะแสดงตนเป็นบ่าวติดตามรับใช้อยู่ข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอเสมอ ก็ยังคงเป็นยอดฝีมือสุดยอดท่ามกลางจอมยุทธ์ปรมาจารย์คนหนึ่ง
ถึงขั้นที่ผู้คนมากมายทึกทักเอาเอง ว่าเขากับเยี่ยนจ้าวเกอ ผู้หนึ่งนายผู้หนึ่งบ่าวนี้ แท้จริงแล้วผู้ใดแข็งแกร่งผู้ใดอ่อนด้อย
ตอนที่อาหู่เอามือรองยกเสาหินเมื่อครู่ ปราณจิตราทั่วร่างของเขาระเบิดปะทุ พละกำลังอันทรงพลังนั่น ทำให้ทุกผู้ทุกคนต่างตกตะลึงต่อสิ่งนั้น
ยามปกติอาหู่ไม่ปรากฏรัศมีแสงเหนือศีรษะให้เห็น ทว่าตอนปลดปล่อยพลังเมื่อครู่นี้ รัศมีแสงพรั่งพรูเฉิดฉาย มุ่งตรงทะลุฟ้า คาดไม่ถึงว่าเป็นลำแสงแท้จริงทั้งสิ้น ประกาศให้ทราบถ้วนทั่วถึงพลังฝึกปรือขั้นฝ่านภาของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี