เมื่อเห็นเสาหินมหึมาต้นนั้นที่เยี่ยนจ้าวเกอเอามือรองยกปรากฏอยู่เบื้องหน้า กลุ่มคนของจวินลั่วล้วนอดที่จะมีใบหน้าตะลึงงันไม่ได้ เนิ่นนานไม่คืนสติ
จวินลั่วมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ สาวน้อยที่แต่เดิมฝีปากปราดเปรียว บัดนี้คาดไม่ถึงว่าตะกุกตะกักอยู่บ้าง “ศะ… ศิษย์พี่เยี่ยน นะ… นี่มันของอะไรรึ?”
ใบหน้าเยี่ยนจ้าวเกอแสดงสีหน้าอารมณ์ไม่รู้ไม่ชี้ “ข้าเข้าไปมหาทะเลทรายแดนตะวันตกครั้งนี้ เดิมทีก็มีงานที่ได้รับคำสั่งมาต้องจัดการ สำรวจซากโบราณสถานแห่งหนึ่ง”
“ส่วนของสิ่งนี้น่ะหรือ…เป็นวัตถุในซากโบราณสถานชิ้นหนึ่ง ค่อนข้างมีมูลค่า จึงต้องคิดหาวิธีนำกลับสำนัก”
จวินลั่วมองดูวัตถุมหึมาที่เยี่ยนจ้าวเกอรองไว้บนฝ่ามือ อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายดังเอื๊อก “หากต้องนำกลับเขากว่างเฉิงไปตลอดทางเช่นนี้ ก็อาจจะเกิน…เอิ่ม อาจจะโออ่าอลังการเกินไปหน่อย…”
เยี่ยนจ้าวเกอเลิกหางคิ้วขึ้นเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงค่อยๆ โน้มน้าว “ลั่วลั่วเจ้าไม่ใช่ล้วนใฝ่หาอาภรณ์งามแฉล้มม้าสง่า ชีวิตระหกระเหินตามอำเภอใจมาโดยตลอดหรอกหรือ? นี่ไงเล่า ชีวิตคนอันโดดเด่นไม่จำเป็นต้องอธิบาย”
ดวงหน้าน้อยๆ ของจวินลั่วย่นกลายเป็นซาลาเปา กระซิบกระซาบเสียงเบาว่า “ที่อยู่คิดเสมอ ไม่ใช่อย่างเช่นตรงหน้านี้นี่”
ชายหนุ่มหัวร่อ ไม่ได้กล่าวตอบ
ในใจเขาก็ถอนใจตลอดเวลาเช่นกัน กลุ่มจวินลั่วหลายๆ คนที่นี่ ยังเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นหนึ่งเท่านั้นเอง คาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่า ภายในช่วงเวลาที่ยาวนานมากช่วงหนึ่งหลังจากนี้ ตนเองล้วนต้องเผชิญปัญหาคล้ายๆ กันกับของคนอื่น
ซึ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอหน่ายใจอยู่บ้างก็คือ นี่ไม่ใช่ความตั้งใจแต่เดิมของเขาแต่อย่างใด
เพียงแต่แม้ว่าหลอมกลายสภาพเสาหินขั้นต้นแล้ว แต่ตอนนี้ ยังคงจำกัดอยู่แค่การดึงมันขึ้นจากสถานที่เดิมเท่านั้น
เยี่ยนจ้าวเกอรู้กระจ่างชัดถึงความเป็นมาของเสาหินนี้ ซึ่งคือเสาระเบียงทางเดินของวังเทพในอดีตต้นหนึ่งที่แตกหัก ตกลงมาบนโลกหล้านี้นั่นเอง
ทว่าหลังจากเสาระเบียงทางเดินวังเทพต้นนี้แตกหัก ในนั้นเกิดความเป็นเปลี่ยนแปลงอื่นใดอีกหรือไม่ เปลี่ยนแปลงอย่างไร เยี่ยนจ้าวเกอยังคงจำต้องศึกษาคิดทบทวนอย่างละเอียด
ผลที่บังเกิดก็คือ ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอยังสิ้นหนทางควบคุมเสาหินมหึมาต้นนี้อย่างคล่องแคล่ว ทำได้เพียงปล่อยมันให้ใหญ่มหึมาเลยตามเลยเช่นนี้
แสงสว่างไสวที่ขับไล่มังกรทมิฬพิฆาตกระจายหายไปก่อนหน้านี้ หลังจากฉายวาบขึ้นฉับพลัน บัดนี้หายไปไม่ปรากฏอีก
ถึงขั้นกระทั่งริ้วแสงพื้นผิวเสาหินล้วนค่อยๆ สลัวดับไป ไม่ส่องประกายอีก
นอกจากการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักอันแปลกประหลาดผิดปกติแล้ว ดูๆ ไปทั้งมวลคล้ายกับล้วนปกติอย่างยิ่ง ทำให้ผู้คนยากจะปักใจเชื่อว่า เมื่อสักครู่เป็นเสาหินต้นนี้ที่สั่นคลอนฟ้าดินโดยรอบ
เยี่ยนจ้าวเกอเคยจินตนาการ ยามเมื่อมีศัตรูยั่วยุ เพียงนำเสาหินทุบคู่ต่อสู้สิ้นชีพ สำหรับตอนนี้นั้น เว้นเสียแต่คู่ต่อสู้จะอยู่ด้านใต้ฝ่ามือตนพอดี ไม่เช่นนั้นก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น
จะยกเสาหินขึ้นกวัดแกว่งกวาดล้าง ไม่ต้องพิจารณาเป็นการชั่วคราวแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอเคยทดลองมาก่อน ตอนนี้เสาหินทำได้เพียงคงสภาพตั้งตรงไว้เท่านั้น
หากเสาหินลาดเอียง เยี่ยนจ้าวเกอก็จะเร่งสั่นไหวอย่างรุนแรงภายในฝ่ามือทันที ขณะสั่นไหว เสาหินก็จะเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งขึ้นมาฉับพลัน
ถึงยามนั้นทุกครั้ง ตนเองก็จะรู้สึกถึงความรู้สึกอาหู่ตอนแรกเช่นกัน เสาหินเหมือนกับหนักอย่างไร้ที่สิ้นสุด ตนเองรองไว้บนมือ ชั่วเสี้ยวขณะข้อมือราวกับจะเคลื่อนหลุดกระทั่งถึงขั้นแตกหักอย่างไรอย่างนั้น
เพียงแต่เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้อย่างเลือนราง ว่าการเชื่อมต่อระหว่างตนกับเสาหินนั่นแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆ ตามเคลื่อนผ่านของกาลเวลา
ภาพปรากฏการณ์ที่ปรากฏวาบเบื้องหน้า ยิ่งแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ น้ำหนักของเสาหินนั่นก็เบาลงเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าน้ำหนักจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เยี่ยนจ้าวเกอเริ่มค่อยๆ ยึดกุมเคล็ดวิธีในนั้น คล่องแคล่วผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ
ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือขนาดเสาหินไม่อาจเปลี่ยนเป็นเล็ก ถึงขั้นที่เยี่ยนจ้าวเกอต้องใช้มือรองสิ่งของใหญ่ยักษ์เช่นนี้โอ้อวดเรียกความสนใจตลอดเวลา
ในป่าเขาลึกก็แล้วไป อย่างน้อยมีที่กำบัง ในทะเลทรายกว้างใหญ่ แม้จะมีเนินทรายเป็นลอนคลื่น ไม่ได้มองปราดเดียวก็แลเห็นหมดสิ้นอย่างแท้จริง ทว่าหากตนเองยกเสาหินมหึมายาวกว่ายี่สิบหมี่ตลอดเวลา ก็ยังคงสะดุดตาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี