ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 225

เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งมองพายุนิมิตทมิฬ ภายในดวงตาขวาพลันทอประกายแสงสายฟ้าสีม่วง

ฟ้าดินที่เดิมทีเป็นเพราะพายุหมุนสีดำและขมุกขมัวทั้งผืน ยามนี้พลันเปลี่ยนเป็นสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง เพราะแสงส่องสว่างจากอสนีบาต

ชายหนุ่มเปล่งเสียงแผ่วเบา ก่อนจะปลอ่อยสายฟ้าสีม่วงอมน้ำเงินออกจากนัยน์ตาขวาของตน ก่อนที่มันจะตกลงบนเสาหินมหึมาที่อยู่ข้างๆ

พื้นผิวเสาหินมีริ้วแสงหลากสายสาดแสงขึ้นใหม่อีกครั้ง จากนั้นส่องแสงจ้าตาแผ่ขยายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดทาง

แสงสุกใสทุกสายพันเกี่ยวเข้ากับพายุหมุนสีดำพร้อมกัน หยุดนิ่งพายุหมุนไว้อีกครา

อีกด้านหนึ่ง มืออาหู่ถือเตากลืนดินไว้ พลางนั่งยองๆ ลงบนพื้น ให้เตากลืนดินสัมผัสทรายดูดสีขาวหิมะที่ลุกลามเหล่านั้น

ถึงแม้ว่าไม่อาจกระตุ้นประสิทธิผลของเตากลืนดินได้เอง ทว่าเพียงแค่ทั้งสองสิ่งสัมผัสกัน ภายในเตากลืนดินก็บังเกิดแรงดูดอันพิศวงออกมาฉับพลัน ทว่าไม่ได้ดูดกลืนทรายดูดสีขาวแต่อย่างใด เพียงแต่หลอมเหลวเม็ดทรายเปลี่ยนจากขาวดุจหิมะกลับเป็นรูปลักษณะเดิมอย่างรวดเร็วเท่านั้น

เหลียนอิ๋งเบิกตาโพลงมองดูภาพฉากนี้ รอยยิ้มบนใบหน้ามลายหาย ทว่าสีหน้ายิ่งเหยเก

เขาออกแรงคว้ากระบี่สั้นสีดำที่ยังเสียบอยู่บนแขนของตนไว้ ออกแรงกรีด ขยายปากแผลให้ใหญ่ขึ้น โลหิตสดหยดลงสู่ผืนทรายมากขึ้น

ถึงกระนั้นเทียบกับการกลืนกินของเตากลืนดิน การกระทำของเหลียนอิ๋ง ปรากฏชัดว่าเป็นเพียงน้ำน้อยแพ้ไฟเท่านั้น

เขายืนทึ่มทื่ออยู่ตรงนั้น ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ ภาพเบื้องหน้ารางเลือนลงเรื่อยๆ เช่นกัน

ระทึกอย่างถึงที่สุด ความรู้สึกที่ระงับความอ่อนเพลียและเย็นเยือกไว้ไม่อยู่บัดนี้เด่นชัดมากขึ้น จนในที่สุดเหลียนอิ๋งก็รู้สึกได้ว่าชะตาชีวิตกำลังไหลจากภายในร่างของตนผ่านไป ราวกับสายน้ำอย่างไม่หยุดยั้ง

ร่างกายของเขาค่อยๆ ล้มลงที่พื้น บนแขนยังมีกระบี่สั้นสีดำเสียบอยู่ แสงสีดำไหวเวียน ก่อเกิดความรู้สึกงามวิจิตรอย่างคาดไม่ถึง

ส่วนผิวของเหลียนอิ๋งค่อยๆ ซีดขาวลง และยังเริ่มแห้งเหี่ยวอย่างต่อเนื่อง

ตราประทับยันต์ที่ประทับอยู่บนพื้นยังคงคิดจะต่อต้านเตากลืนดิน ทว่าแต่ไรก็ไม่อาจสู้ได้อยู่แล้ว ยิ่งเวลานี้ไม่ได้รับการบำรุงจากโลหิตและปราณบริสุทธิ์จากเหลียนอิ๋ง จึงยิ่งทวีความอ่อนแรง

ริ้วแสงตราประทับยันต์ก็เริ่มถูกเตากลืนดินดูดกลืนด้วยเช่นกัน

อาหู่ยืนอยู่ตรงนั้น ยื่นมือแคะหูตนเอง เหลียวมองเหลียนอิ๋งที่ชะตาชีวิตค่อยๆ หายไปด้วยหางตา ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ จากนั้นก็ไม่สนใจต่อไปอีก เขาเดินไปทางกลุ่มจวินลั่วที่จมอยู่ในทรายดูด ช่วยเหลือพวกนางให้หลุดพ้นจากอันตราย

เบื้องหน้าเหลียนอิ๋งค่อยๆ เป็นความพร่าเลือนผืนหนึ่ง เขาพยายามมองไปยังยังจวินลั่ว ก่อนจะเห็นความความรู้สึกเหลือเชื่อบนใบหน้าของนางยังไม่หายไป

หากตนเองต้องวอดวายแล้ว นี่ไม่น่าหวาดกลัวเท่าไร ที่น่าหวั่นใจคือเส้นทางสู่ความตายไม่มีเด็กสาวผู้นั้นร่วมเดินทางไปกับตน

สุดท้ายก็ต้องสูญเสียแสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวสายนั้นไปตลอดกาลหรือ? กลับสู่โลกที่เปี่ยมด้วยความมืดมิดและสิ้นหวังอีกครา

“ข้าไม่ต้องการ!” เหลียนอิ๋งรำพึงรำพันเสียงเบากับตนเอง เอี้ยวคออย่างไร้เรี่ยวแรงอีกทั้งยังแสนเข็ญ ปรารถนาจะหาคนที่มอบกระบี่สั้นสีดำแก่ตนในตอนแรก “นี่ไม่เหมือนกับที่พวกเขากล่าวไว้…ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้…ไม่ควร…”

ดวงตาทั้งสองของเหลียนอิ๋งยังคงเบิกกว้าง ไม่ยินยอมปิดเปลือกตา หากกลับสูญสิ้นแสงโชติช่วงไปแล้ว

เหยาซานที่ปลอมกายเป็นผู้อาวุโสหลี่ ไม่ได้มองเหลียนอิ๋งสักวูบเช่นเดียวกัน

สำหรับเขาแล้ว หมากตัวนี้ได้ก่อประโยชน์ถึงขั้นที่พึงมีแล้ว ขณะเดียวกันคุณค่าก็ได้ใช้ไปจนหมดสิ้น ไม่จำเป็นต้องเปลืองความคิดไปมากกว่านี้อีก

บัดนี้เขาจดจ้องเยี่ยนจ้าวเกอไม่วางตา เพ่งมองแสงสายฟ้าที่ออกมาจากในดวงตาข้างขวาของชายหนุ่ม!

พลังที่น่าพรั่นพรึงทำให้จจิตใจของเขากระบกระส่าย ร้อนรุ่มอยูในใจ ด้วยต้องการจะครอบครอง

‘ผู้อาวุโสหลี่’ ระงับความละโมบโลภมากที่เกิดขึ้นในใจลงไปทันควัน ฟื้นคืนความสุขุมขึ้นใหม่อีกครั้ง “ดียิ่ง มังกรทมิฬพิฆาตใช้พลังเศษชิ้นส่วนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเขาให้ค่อยๆ หมดไปได้สำเร็จ ยิ่งกว่านั้นตรึงความสนใจของเขาไว้ได้ด้วย”

เขาเคลื่อนสายตาไปยังอาหู่ที่กำลังใช้เตากลืนดินควบคุมมังกรขาวพิฆาต เวลาเดียวกันนั้นก็ช่วยผู้คนจากภายในทรายดูด ลำแสงในดวงเนตรทั้งสองของ ‘ผู้อาวุโสหลี่’ ยิ่งเป็นประกาย “บ่าวรับใช้ที่พลังฝึกปรือขั้นปรมาจารย์ระดับสุดยอดผู้นี้ ก็ถูกแยกออกไปสำเร็จแล้วเช่นกัน..”

‘ผู้อาวุโสหลี่’ สูดหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง ใช้ปราณจิตราส่งทอดกระแสจิตให้แก่สหายข้างกาย ‘ตอนนี้แหละ ลงมือ!’

‘เจ้าตรึงเจ้าปี่เซียะภูเขาตัวนั้นไว้ ข้าจะเอาชีวิตเยี่ยนจ้าวเกอ!’

หากลงมือปล่อยพลัง ก็เปิดโปงความจริงของตนในทันที

ถึงกระนั้นสถานการณ์ในตอนนี้นี้ ไม่ว่าพ่านพ่านจะคลั่งขึ้นมากด้วยเหตุผลอะไร ถ้าหากเป็นผู้อาวุโสหลี่ที่แท้จริง ไหนเลยจะมีเหตุผลให้ต้องยื่นทึ่มทื่อราวท่อนไม้อยู่ตรงนั้น รอให้ถูกพ่านพ่านเหยียบตายเล่า?

เหยาซานที่ปลอมแปลงเป็นผู้อาวุโสหลี่เงยหน้าขึ้นฟ้า พลางส่งเสียงร้องยาว เรือนกายถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว!

เจตจำนงหมัดและปราณจิตราของเขาเขาระเบิดปะทุ ถอยร่นก้าวนี้ คาดไม่ถึงว่ามีท่วงทำนองพลังคล้ายคลึงกับพายุนิมิตทมิฬอันน่าประหวั่นในอากาศที่ยังคงไม่สงบลง

ภาพฉากฟ้าดินลวงตาอันกลายสภาพมาจากปราณจิตรา เกิดเป็นลมงวงสีดำหาที่สิ้นสุดไม่ได้ไปทั้งสี่ทิศ

วิชาสืบทอดสำนักเขานิมิตทมิฬ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งวายุพิภพในอดีต เคล็ดวิชาเทพวายุนิมิตทมิฬ!

ความเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดขึ้นฉับพลันในที่เกิดเหตุ ทำให้ผู้คนจำนวนมากในที่นี้ต่างก็รับมือไม่ทัน เพียงแค่มองดูปี่เซียะภูเขา สัตว์พาหนะของเยี่ยนจ้าวเกอคลุ้มคลั่งพุ่งพรวดไปยังผู้อาวุโสหลี่ ก็ทำให้ทุกคนตอบสนองไม่ทันอยู่บ้างแล้ว

ทว่าความเปลี่ยนแปลงในภายหลัง ยิ่งทำให้ผู้คนตกตะลึงแข็งทื่อเป็นไก่ไม้เสียยิ่งกว่าเดิม

เพราะผู้อาวุโสหลี่ที่เป็นจอมยุทธ์สายสำนักเขากว่างเฉิง มีฐานะเป็นผู้อาวุโสปฏิบัติกิจ นึกไม่ถึงว่าจะแสดงวิชาลับสืบทอดของสำนักเขานิมิตทมิฬ!

แม้ว่าผู้สืบทอดสำนักเขานิมิตทมิฬในปัจจุบันจะพบเห็นได้น้อยอย่างยิ่งแล้วก็ตาม กระนั้นอย่างไรเสียที่แห่งนี้ก็คือวายุพิภพ คนที่เคลื่อนไหวอยู่ที่นี่ ไหนเลยจะแยกวิชาสืบทอดสำนักเขานิมิตทมิฬอันเลื่องชื่อไปทั้งแปดมหาอำนาจแต่กาลก่อนไม่ออก?

ใบหน้าเหยาซานไร้อารมณ์ความรู้สึก หลังจากถอยก้าวหนึ่งก็รับรู้ว่าเรื่องวันนี้ยากประสบผลสำเร็จ เขาเหลียวมองสหายด้วยหางตา เห็นอีกฝ่ายที่เดิมควรจะทำหน้าที่ตรึงพ่านพ่านไว้ ขณะนี้ถูกเฟิงอวิ๋นเซิงโผล่พรวดขัดขวางหนทางไปเช่นกัน

เวลานี้เยี่ยนจ้าวเกอเบือนหน้ามา มองดูเหยาซานที่รูปลักษณ์ภายนอกเป็น ‘ผู้อาวุโสหลี่’ อย่างสงบเงียบ “ข้าถึงกล่าวว่า สองปีนี้ข้าอ่อนโยนเกินไปใช่หรือไม่ ถึงทำให้ผู้คนรู้สึกว่าข้าข่มเหงได้ง่ายดาย?”

“เจ้านึกว่าเมื่อครู่ข้าเพียงแค่ถามเด็กหนุ่มแซ่เหลียนผู้นั้นเท่านั้นรึ? ที่ข้าถามคือเจ้าต่างหาก”

——————————

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี