ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 241

“จอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์…” ภายในกระท่อม เยี่ยนจ้าวเกอหวนนึกย้อนถึงศัตรูที่เมื่อสักครู่สัมผัสได้ว่าจ้องตาเป็นมันอยู่ข้างๆ รวมถึงรูปแบบการหายใจขับพิษของอีกฝ่าย มุมปากของเขาพลันคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้ม “คนรู้จักเก่ากระมัง?”

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะเล็กน้อย เก็บความคิดลง แล้วตั้งสมาธิจมอยู่ในภวังค์การหลอมกลายสภาพปีกเซียนกระเรียนอีกครั้ง

ขนบนปีกเซียนกระเรียนทุกๆ เส้นยามนี้กำลังสั่นไหวเล็กน้อย ขนนกทุกเส้นล้วนราวกับสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่มีชีวิตอยู่โดยจริงแท้

ระหว่างขนนกกระเรียนแต่ละเส้น ต่างส่งเสียงนกกระเรียนร้องดังใสกังวานออกมา เสียงยิ่งดังสนั่นก้องขึ้นเรื่อยๆ ตามการหลอมกลายสภาพของเยี่ยนจ้าวเกอ

ในที่สุด เสียงนกกระเรียนร้องก็ทุ้มต่ำลงไป แววตาเยี่ยนจ้าวเกอทอประกายแวบ ปีกเซียนกระเรียนเปลี่ยนเป็นเงียบสงบโดยสิ้นเชิง กลายเป็นเสื้อคลุมขนกระเรียนตัวหนึ่งที่พาดคลุมอยู่บนร่างของเขา

ครานี้ไม่มีผู้ได้ขัดขวางเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เขาจึงกวาดมือ ของหลากชิ้นบนโต๊ะเตี้ยรวมถึงศิลาเซียนส่องชะตา ต่างก็ตกมาอยู่ในมือกำมือของเขาทั้งสิ้น

ชายหนุ่มยืนอยู่ในกระท่อม ค้อมคำนับทางกระท่อมครั้งหรึ่ง “ท่านผู้อาวุโสชาวกระเรียนล่องลอย เยี่ยนจ้าวเกอขอขอบคุณ ณ ที่นี้”

เขาสวมคลุมอยู่ด้วยเสื้อคลุมขนกระเรียนออกจากกระท่อม ก่อนจะเห็นสนามต่อสู้ที่อยู่ด้านนอกกระท่อมแหลกเป็นเสี่ยงๆ ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว

ในยามที่มหาปรมาจารย์ปิดใบหน้าที่กลายเป็นมารผู้นั้นหลีกหนี คู่ต่อสู้ทั้งสามของอาหู่ ต่างก็รู้สึกเยียบเย็นลึกๆ ในใจเช่นกัน

การหลีกหนีของมหาปรมาจารย์ผู้นั้น อธิบายได้ว่าเขาไม่มีความสามารถจะล้มเยี่ยนจ้าวเกอได้

ส่วนชายร่างสูงใหญ่ที่เสมือนกับเสือหิวโซจริงๆ ก็ไม่ปานตรงหน้า ผู้ต่อสู้ต้านศัตรูสามเพียงลำพังก็ยังคงครองความได้เปรียบ โจมตีจนพวกเขาจนยากรับมือขึ้นเรื่อยๆ

ถึงแม้ว่าจะใจเต้นกับของวิเศษที่อยู่ในกระท่อม ทว่าเรื่องราวผกผันเป็นเช่นนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีหวังแล้ว

หากฝืนสู้ต่อไป อาจจะต้องพลีชีพตนเองอยู่ที่นี่เสียด้วยซ้ำ

คู่ต่อสู้ทั้งสามของอาหู่ล้วนเกิดความคิดถอยฉับพลัน ต่างเริ่มหาทางหนีทีไล่ เสาะหาแผนการปลีกตัว

ตอนที่มีศัตรูร่วมกัน ทั้งสามคนสามารถประสานงานได้อย่างเป็นที่รู้กัน ดำเนินการร่วมมือ จู่โจมศัตรูพร้อมกัน

ทว่ายามเมื่อพวกเขาเกิดความคิดถอยในใจ เตรียมถอยทัพออกไป แนวโน้มในการร่วมมือก็กลายเป็นแพ้ภัยตนเองเช่นกัน สิ่งที่ทุกคนคิดอยู่ในใจตอนนี้ล้วนคือการผละหนีปลีกตัวของตนเอง

แต่ไรระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้มีมิตรภาพอะไร อีกฝ่ายบาดเจ็บล้มตาย ย่อมไม่สนใจแม้แต่น้อย

ถ้าหากการตายของอีกฝ่ายสามารถเปลี่ยนให้ตนเองรอดพ้นอันตรายได้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามล้วนไม่รู้สึกผิดทั้งสิ้น

ด้วยเหตุฉะนี้ จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์ทั้งสาม จึงร่วมกันออกแสดงละครน้ำดีฉากหนึ่ง

ไม่จำเป็นต้องวิ่งให้เร็วกว่าอาหู่ ขอเพียงวิ่งให้เร็วกว่าอีกสองคน ก็เพียงพอแล้ว

แต่ไหนแต่ไรมหาปรมาจารย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นมีรากฐานเพียบพร้อมที่สุด พลังความสามารถก็แกร่งที่สุดเช่นกัน ทั้งยังเชี่ยวชาญสุดยอดวิชาสุดอย่างสุริยันทะยานบูรพา เดิมทีควรจะมีความหวังตีฝ่าวงล้อมมากที่สุด

กระนั้นเขาก็ต้านอาหู่ที่จ้องเขาอยู่โดยเฉพาะไม่ไหว อีกทั้งชายร่างใหญ่นั้นยังฟาดดาบแสงคลื่นครามลงบัดดล ใช้อานุภาพดาบบินขว้างออกไป เสียดแทงเขาด้วยความเย็นเยียบหนึ่ง

ท้ายที่สุดมีเพียงมหาปรมาจารย์คนหนึ่งเท่านั้นที่เหินฟ้าหนีออกไปได้สำเร็จ และเหลือไว้อีกคนหนึ่ง กลายเป็นวิญญาณใต้กรงเล็บเสือที่หิวโซ ถูกอาหู่โจมตีสังหารสิ้นใจคาสนามรบ

เยี่ยนจ้าวเกอมาถึงยังเบื้องหน้าอาหู่ ยิ้มเอ่ย “เจ้ารูปร่างลักษณะเช่นนี้ หยุดเด็กน้อยร้องไห้ยามค่ำคืนได้แล้ว”

บนร่างอาหู่ทิ้งรอยเลือดโชกไว้ ไอสังหารพุ่งทะยานทั้งกาย คล้ายเทพสังหารก็ไม่ปาน

เขายกโค้งมุมปากระบายยิ้ม “น่าเสียดายที่ไม่สามารถหยุดไว้ได้ทั้งหมด”

เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้น ก็รำพันกับตัวเอง “ใช่สิ น่าเสียดายไม่อาจหยุดไว้ได้ทั้งหมด…”

อาหู่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “คุณชาย มีอะไรหรือขอรับ?”

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะ ผุดภาพหน้ากากแตกออกเป็นชิ้นๆ บนดวงหน้าจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตผู้นั้น จนเผยให้เห็นใบหน้าครึ่งซีก แล่นปราดผ่านขึ้นมาในสมองอีกครั้ง

ชายร่างใหญ่ช่วยเยี่ยนจ้าวเกอเก็บสมุนไพรไปพลาง พูดโพล่งไปพลาง “เคราะห์ดีเช่นกันที่มหาปรมาจารย์ทั้งสี่คนที่เข้ามาครานี้ ล้วนมีระดับพลังฝึกปรือไม่เกินขั้นซ่อนจิตระยะแรก หากพลังฝึกปรือสูงกว่านี้อีกหน่อย กระนั้นเกรงว่าคราวนี้พวกเราจบไม่สวยเช่นกัน”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณล่ะก็ เช่นนั้นคงจบไม่สวยแล้วจริงๆ”

ขณะเอ่ยอยู่นั้น นัยน์ตาข้างขวาของเยี่ยนจ้าวเกอพลันเจ็บแปลบพักหนึ่ง สีหน้าอาหู่ก็เปลี่ยนสีฉับพลันนั้นเช่นกัน

ชั่วขณะถัดมา ท้องฟ้าไกลออกไปมีแสงเพลิงส่องสว่างขึ้นมา สะท้อนฉาบท้องนภากลายเป็นสีแดงก่ำ

แสงเพลิงเข้ามาใกล้ทางกระท่อมนี้อย่างรวดเร็ว แรงอัดบ้าคลั่งพลิกม้วนไปทั้งสี่ทิศ

แสงระเบิดสนั่นเสียงหนึ่งดังขึ้น “ไอ้เด็กนอกคอกแซ่เยี่ยน ดูสิว่าครานี้ผู้ใดมาช่วยสงเคราะห์เจ้า!”

เสียงอันคุ้นเคย น้ำเสียงที่คุ้นชิน กลับทำให้เยี่ยนจ้าวเกอชะงักงันเล็กน้อยชั่วครู่ “…หัวหน้าค่ายชื่อหลิง?”

ผู้มาเยือนเป็นผู้เหลือรอดที่มีพลังฝึกปรือสูงที่สุดในสายค่ายห้าวิญญาณที่ดับสูบไปแล้ว หัวค่ายชื่อหลิง!

ค่ายห้าวิญญาณในอดีตสูญสิ้นด้วยน้ำมือของเยี่ยนตี๋ บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ หัวหน้าค่ายชื่อหลิงคับแค้นมาแรมปี ตอนแรกประสงค์จู่โจมสังหารชายหนุ่มที่ถังตะวันออก ผลคือถูกคนขัดขวาง หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาหนีไปที่ใด

ใครเล่าจะคาดคิดว่าวันนี้เขาจะปรากฏตัวอยู่ในมิติต่างแดนแห่งนี้

ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่มีเวลาคิดหาคำตอบว่าเหตุใดอีกฝ่ายปรากฏตัวที่นี่ บัดนี้เขาให้ความสนใจเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น

หัวหน้าค่ายชื่อหลิงผู้นี้ เป็นยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นสี่ ขั้นกำเนิดญาณระยะต้นท่านหนึ่ง!

อาหู่อ้าปากตาค้าง อยากจะขยับปากแทบตาย “…ต้องปราดเปรียวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”

———————————–

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี