ชายชราผู้นี้ก็คือหัวหน้าค่ายชื่อหลิง เขาจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอราวจะขย้ำ มุมปากเผยรอยยิ้มเหี้ยมโหด
หัวหน้าค่ายชื่อหลิงเหยียบย่างอากาศ ยืนอยู่ด้านหน้าประตูลอยฟ้า ขวางหนทางกลับสู่โลกแปดพิภพของเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่ไว้
ขณะนี้มิติต่างแดนสั่นไหวไม่หยุด ถึงขนาดที่เส้นแบ่งเขตฟ้าดินเริ่มบิดเบี้ยวเปลี่ยนรูป กลายเป็นทัศนียภาพวันสิ้นโลกที่แผ่นฟ้าพังผืนดินทลายฉากหนึ่ง
ฟ้าดินพังทลายอย่างแท้จริง ท้องฟ้าครอบปฐพีถล่มทลายลง เผยรอยรอยแตกของมิติสีดำหลายสาย แผ่นดินกว้างก็เป็นลักษณะเช่นเดียวกัน แตกกระจายไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ร่างเยี่ยนจ้าวเกอลอยตัวขึ้นสูง หลบหลีกแสงเพลิงสายหนึ่งที่พลิกม้วนมาทางตน มาทางประตูมิติ
ครั้นก้มศีรษะมองไป ประตูมิติถูกทะเลเพลิงผืนหนึ่งโอบล้อมไว้
หัวหน้าค่ายชื่อหลิงยิ้มเย็นพลางมองเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงแม้ว่าตำแหน่งชัยภูมิของชายหนุ่มจะอยู่ด้านบน ทว่าประกายตาของอีกฝ่ายที่มองยังเขาบัดนี้ เปี่ยมไปด้วยแววของการเย้ยหยัน
ตอนนี้เขาไม่เร่งลงมือแล้วเช่นกัน เพียงครองบริเวณที่ประตูลอยฟ้าตั้งอยู่
เพราะหลินโจว มิติต่างแดนแห่งนี้จึงมีทางเข้าออกมากกว่าหนึ่ง และหัวหน้าค่ายชื่อหลิงก็เข้ามาจากทางเข้าที่หลินโจวเปิดไว้
ทว่าตอนนี้มิติต่างแดนกำลังจะถล่มทลายสูญสิ้น ไม่มีเวลาพอให้เยี่ยนจ้าวเกอได้เปลี่ยนความคิดแล้ว เขาหันกลับผ่านทั้งมิติต่างแดนอีกครั้ง ไปทางประตูอีกบานหนึ่งเพื่อออกจากมิติต่างแดน
หลักการเหมาะจะใช้กับหัวหน้าค่ายชื่อหลิงเช่นเดียวกัน
สำหรับทั้งสองฝ่ายแล้ว หากไม่ออกจากประตูบานตรงหน้านี้ ก็ต้องถูกฝังไปพร้อมกับมิติต่างแดนแห่งนี้ สูญสิ้นไปในความว่างเปล่าไปพร้อมกับมัน
หัวหน้าค่ายชื่อหลิงยิ้มเย็นพลางมองเยี่ยนจ้าวเกอ “ไอ้เด็กนอกคอก เจ้าตัดสินใจเสียว่าจะจบเห่ไปพร้อมกับมิติต่างแดนแห่งนี้ หรือจะตายด้วยหมัดข้า?”
เขาชูมือข้างหนึ่งขึ้น กำมือเป็นหมัดเหยียดออกไปข้างหน้า
ฉับพลันนั้นเพลิงคุโชนหาที่สิ้นสุดไม่ได้โหมซัดสาด แผ่กระจายออกไปโดยรอบทั้งสี่ทิศ ตามการขยับของกำปั้นนี้
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูหัวหน้าค่ายชื่อหลิงที่ขวางประตูอยู่เบื้องล่าง บนดวงหน้าพลันเผยรอยยิ้มออกมา “เดรัจฉานเฒ่า เจ้าผิดแล้ว ตำแหน่งของเจ้าถือมั่นคงนัก”
มือข้างหนึ่งเยี่ยนจ้าวเกอคว้าอาหู่เอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งพลันควักหยิบกระบองสั้นยาวราวหนึ่งฉื่อออกมาท่อนหนึ่ง
หัวหน้าค่ายชื่อหลิงเพ่งมองกระบองหินสั้นท่อนนั้น ในใจไหววูบฉับพลัน ผุดลางสังหรณ์ขึ้นมา
ชายหนุ่มยิ้ม จากนั้นก็กระพือปีกเซียนกระเรียน พุ่งพรวดไปทางหัวหน้าค่ายชื่อหลิง
กระบองสั้นในมือ ยามปะทะลมพลันขยายยาว กลายเป็นเสาหินขนาดมหึมาหนาหนักท่อนหนึ่งในชั่วพริบตา ตามความคิดสั่งของเยี่ยนจ้าวเกอ!
ขณะหัวหน้าค่ายชื่อหลิงตื่นตกใจ เยี่ยนจ้าวเกอย่างเหยียบไปบนเสาหิน จากนั้นเผ่นโผนทุบลงไป!
“เจ้าเด็กชั่วช้า!” หัวหน้าค่ายชื่อหลิงร้องตะโกนด้วยความเดือดดาลครั้งหนึ่ง ไม่ได้หลบหลีก ครั้นเขาหลีกถอย ก็เท่ากับเปิดทางสู่ประตูลอยฟ้าให้กับเยี่ยนจ้าวเกอ
ชายชรายืนอยู่กับที่ เรือนผมสีแดงปลิวไหวประหนึ่งเพลิงลุกโชน ฝ่ามือหนึ่งพุ่งออกไปเหนือศีรษะ ยันรองเสาหินใหญ่ยักษ์ที่ร่วงลงมาจากฟากฟ้าไว้
ทว่าเมื่อฝ่ามือเพิ่งจะสัมผัสถูกเสาหิน เขาก็รู้สึกถึงความหนักอึ้งในมือ แทบจะยันเอาไว้ไม่ได้
ร่างกายของเขาที่แต่เดิมยืนมั่นอยู่ในอากาศ ก็พลันยืนไม่อยู่ จมลงไปอย่างไม่อาจควบคุมเช่นกัน
“หนักขนาดนี้เชียวรึ?” หัวหน้าค่ายชื่อหลิงเบิกตาโพลง
พลังฝึกปรือของเขาสูงกว่าอาหู่ที่อยู่ในขั้นฝ่านภาระยะต้นมากนัก พลังก็แกร่งกว่ายิ่งเช่นกัน หากแต่ยังคงรู้สึกว่ามีแรงกดดันมหาศาล
ไม่ว่าจะน้ำหนัก หรือระดับความแข็งแรงของเสาหิน ล้วนเหนือความคาดหมายของเขาทั้งสิ้น
เดิมนึกว่าจะสามารถโจมตีเสาหินให้แหลกได้ด้วยฝ่ามือเดียว พร้อมอัดเยี่ยนจ้าวเกอกระเด็นออกไปด้วย ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นเขาถูกเสาหินทับกดอยู่เบื้องล่าง
อีกทั้งเสาหินนั่นยังแฝงไว้ด้วยพลังปรามปราบอันพิเศษจำเพาะอีกด้วย ทำให้แม้เวลานี้หัวหน้าค่ายชื่อหลิงอยากจะหลีกออกไปด้านข้าง ก็ไม่อาจกระทำได้ดั่งใจอยากเช่นกัน
พื้นที่ว่างเปล่าเบื้องล่างเสาหิน ทั้งมิติและเวลาล้วนราวกับถูกพันธนาการไว้ทั้งสิ้น ควบแน่นกลายเป็นกลุ่มก้อนหนึ่ง ผนึกหัวหน้าค่ายชื่อหลิงไว้ก้นบึ้งอย่างแน่นหนา ทำได้เพียงดิ้นรนต้านทานเท่านั้น
‘ได้ยินว่าเจ้าเด็กนี่ขุดซากโบราณสถานขึ้นมาจากมหาทะเลทรายแดนตะวันตกบางส่วน หรือจะเป็นเสาหินต้นนี้?’ หัวหน้าค่ายชื่อหลิงนึกถึงคำเล่าลือน้อยนิดที่ได้ยินมาก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ฉับพลัน ยิ่งรู้สึกเกลียดชังในใจอย่างอดไม่ได้ ‘ไอ้เด็กนอกคอกเจ้าเล่ห์!’
เขาเบิกตาโพลงพลางร้องตะโกนเสียงดัง ปราณดั้งเดิมในร่างขับเคลื่อน พลังอันแก่กล้าปะทุออกมา!
ร่างของหัวหน้าค่ายชื่อหลิงร่วงลงอยู่ในอากาศเพียงไม่ถึงหนึ่งหมี่ก็ตั้งหลักไว้ได้อีกครั้ง เท้าเหยียบย่างอากาศเปล่า ไม่ต่างไปจากการย่ำเหยียบบนพื้นดินที่แข็งแกร่งหนาแน่นที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี