ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 265

หลังจากมองส่งหยวนเจิ้งเฟิงเข้าฌานแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ปลีกตัวออกจากยอดเขามหาคุณ กลับที่พำนักของตนทันที

ระหว่างทาง เขาเห็นเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับกำลังตั้งใจรอเขาโดยเฉพาะ

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวทักทาย “ศิษย์พี่สวี ในที่สุดท่านก็กลับสำนักแล้วหรือ? ทางเมืองซู่โจวรับช่วงต่อได้ดีแล้วกระมัง?”

เรือนร่างสูงใหญ่แข็งแรง รูปลักษณ์ตัวตรงสง่าผ่าเผยผู้นั้น ก็คือสวีเฟยนั่นเอง

“ท่านพี่เฟย!” อาหู่พบหน้าก็เอ่ยทักทายเช่นกัน

สวีเฟยพยักหน้า “จ้าวเกอ หู่ถิง”

เยี่ยนจ้าวเกอพาสวีเฟยมายังที่พำนักของตน หลังแต่ละฝ่ายนั่งลงแล้ว สวีเฟยก็เอ่ยถามตรงไปตรงมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง “จ้าวเกอ แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะยังอยู่ในระดับปรมาจารย์ แต่ทำลายสองค่ายกลมารต่อเนื่อง ทั้งยังเคยพูดคุยกับผู้ที่กลายเป็นมารมากมาย”

“ทั่วทั้งสำนักตอนนี้ ข้ารู้สึกว่าเจ้าน่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เข้าใจต่อมารนพยมโลก แดนมาร ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต และผู้กลายเป็นมารมากที่สุดแล้ว”

“ข้ามาเยือนคราวนี้ มีเรื่องหนึ่งจะขอคำชี้แนะ”

ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้น เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยเอ่ย “ศิษย์พี่สวีต้องการจะถามว่า ผู้กลายเป็นมารมีความเป็นได้ที่จะกลับกลายเป็นร่างมนุษย์ได้หรือไม่กระมัง?”

สวีเฟยผงกศีรษะเชื่องช้า “บางทีอาจจะหวังเกินตัวไป แต่ถ้ามีความหวังจริง และคนผู้นั้นคือศิษย์พี่สือจริงแท้ ข้าก็อยากลองดูสักหน่อย”

เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่ได้แกล้งโง่กับสวีเฟย “ศิษย์พี่สวี พูดตามตรง ข้าเองก็หวังว่าศิษย์พี่สือซงเทาจะสามารถกลับตัวกลับใจได้ หากแต่น่าเสียดาย เท่าที่ข้ารู้ตอนนี้ ผู้คนที่สัมผัสกับไอมารทั้งภายในและภายนอกโดยสมบูรณ์ หลังความคิดในใจปรากฏกลายเป็นจริง ตกเป็นมารโดยสมบูรณ์แล้ว ไม่มีหนทางฟื้นคืนกลับมาเป็นคนอีกครั้ง”

“ข้าก็หาได้รอบรู้ไปเสียทุกสิ่งไม่ ไม่กล้าพูดว่าไม่มีวิธีทางแน่ ทว่าแค่เท่าที่ข้ารู้ล่ะก็ ข้าไม่มีหนทางแล้ว”

ความสัมพันธ์ทั้งสองสนิทชิดเชื้อ สวีเฟยเป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง จิตใจแน่วแน่ศรัทธาอีกทั้งยังเด็ดเดี่ยวพอ ดังนั้นเยี่ยนจ้าวเกอจึงไม่กลัวที่พูดกับเขาตรงไปตรงมากระจ่างชัด

ดังคาด สวีเฟยได้ฟังแล้วก็ทอดถอนใจเบาๆ ครั้งหนึ่ง “ข้าเพียงแค่คว้าความหวังอันริบหรี่ไว้ เพียงแต่หากจ้าวเกอก็ไร้วิธีเช่นกัน กระนั้นเกรงว่าพูดยากจริงๆ แล้ว”

“ผู้กลายเป็นมารทั่วไป ผู้ที่ตัดสินใจท้ายที่สุด ก็คือตนเองเสมอ” เยี่ยนจ้าวเกอเอื้อนเอ่ยเสียงเบา

“หลังจากกลายเป็นมาร คนไม่ใช่คนอีกต่อไป หากแต่เป็นมารร้ายนพยมโลก เป็นการดำรงอยู่อีกจำพวกหนึ่งในโลกหล้านี้ หรืออาจกล่าวได้เช่นกันว่าเป็นชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง”

“ถึงแม้ว่าผู้กลายเป็นมารล้วนมีความทรงจำครั้นยังเป็นมนุษย์ไว้ แต่พวกมารร้ายฆ่าคน เหมือนเช่นพวกเราฆ่าวัวแกะเป็ดไก่อย่างไรอย่างนั้น พวกเขา แท้จริงแล้วรู้สึกว่าความทรงจำครั้นเป็นมนุษย์โดยส่วนมาก ก็เหมือนความทรงจำชาติที่แล้วที่เหลือไว้หลังจากกลับชาติมาเกิด”

ชายหนุ่มส่ายศีรษะ “ถ้าหากสามารถทำได้ พวกเราต่างวาดหวังว่าศิษย์พี่สือจะสามารถกลับใจได้ แต่ตัวเขาเองจะยินยอมหรือไม่เล่า?”

“แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการสมมติ ล้วนเริ่มเกิดขึ้นจากที่ข้าเคยพูดไว้ว่าผู้ปกปิดใบหน้าที่จู่โจมแทงสังหารข้าผู้นั้นเป็นศิษย์พี่สือ”

หลังจากได้ฟังปัญหาของเยี่ยนจ้าวเกอ สวีเฟยก็ปลดถุงสุราบริเวณเอวเงียบๆ หลังจากเปิดจุกออกแล้ว เขากลับไม่ได้ดื่มเต็มที่เหมือนเช่นก่อนหน้า ทว่าดื่มอึกเชื่องช้า

เขากล่าวอย่างช้าๆ “ที่เจ้ากล่าวมา ข้าเข้าใจดี”

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอนิ่งเงียบไม่พูดจาครู่หนึ่ง จึงปริปากกล่าวถาม “พวกเราไม่รู้ว่า ในมือศิษย์พี่สือตอนนี้มีชีวิตคนอยู่หรือไม่”

“ต่อให้คนที่เขาสังหารจะไม่ใช่ศิษย์ร่วมสำนักของพวกเรา แต่ท่านและข้าต่างก็รู้ สังหารผู้คนในฐานะมนุษย์ กับสังหารคนในฐานะมารนพยมโลก เป็นสองเรื่องที่ลักษณะต่างกันโดยสิ้นเชิง”

ชายหนุ่มมองทางสวีเฟย “ประมือกันหลายครั้งมานี้ พวกเรารู้สึกได้ว่า นักฆ่าผู้นั้น แม้จะไม่ใช้วิชายุทธ์ที่ตนเองเชี่ยวชาญจริงๆ แต่เจตจำนงสังหารล้วนเยือกเย็นถึงที่สุด เขาต้องการส่งพวกเราไปตายอย่างแท้จริง”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี