ได้ยินคำตอบของลู่เวิ่นแล้ว สวีเฟยสูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง “คนผู้นั้นเป็นใคร?”
เขารู้สึกไม่ปลอดภัยลึกๆ ในใจ
ลู่เวิ่นกลับส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นผู้ใด เสียงของเขาคล้ายกับผ่านการปลอมเสียง ข้าไม่อาจแยกแยะ หากแต่พลังฝึกปรือของเขาสูงอย่างยิ่ง”
หลังจากได้ยินคำตอบของลู่เวิ่น ในใจสวีเฟยหาได้ผ่อนคลายลงไม่
ถึงแม้ว่าลู่เวิ่นจะไม่ได้เอ่ยนามกรที่ทำให้คนตื่นตกใจ ทว่าคนที่สามารถเข้าออกสถานที่เข้าฌานของลู่เวิ่นได้อย่างอิสระ ภาระหน้าที่ล้วนไม่เบา
อาจารย์ของเขาฟางจุ่น สามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระ เพียงแต่โดยปกติแล้วสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรพิเศษ ฟางจุ่นจะไม่ทำเช่นนั้น
นอกจากฟางจุ่นแล้ว ยอดฝีมือมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณคนอื่นๆ ก็มีความสามารถเข้ามาที่นี่โดยไร้ทิ้งร่องรอย ไร้สุ้มเสียงได้เช่นกัน
ต่อให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นเขากว่างเฉิงนี้ มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณก็มีอยู่จำกัดเช่นกัน ทั้งหมดล้วนเป็นผู้กุมอำนาจระดับสูงในสำนักทั้งสิ้น
สถานการณ์แบบสุดท้าย ค่อนข้างสัมพันธ์กัน นั่นก็คือจอมยุทธ์กว่างเฉิงระดับผู้อาวุโสคุมการณ์ ที่รับผิดชอบหน้าที่ในตำหนักสืบวิชาเหมือนเช่นสวีเฟย
กระนั้นแม้จะเป็นสถานการณ์แบบสุดท้าย ก็ไม่ใช่ข่าวคราวที่ทำให้ผู้คนมองในแง่ดีเท่าใดนักเช่นกัน
สวีเฟยเอ่ยถามอย่างสุขุม “จากตอนที่คนผู้นั้นเข้ามาหาเจ้า นานเท่าใดแล้ว?”
หลังลู่เวิ่นไตร่ตรองในใจครู่หนึ่ง จึงกล่าวตอบ “ประมาณสิบวันก่อน”
สวีเฟยพยักหน้าอย่างไร้สุ้มเสียง ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง
สิบวันก่อน นับเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นระยะนี้เช่นกัน ห่างจากเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้อาวุโสหลิวถูกจับนานยิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นไส้ศึกภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตเหล่านั้น ที่ถูกเปิดโปงไปแล้วอย่างแน่นอน
นี่หมายความว่า ภายในสำนักเขากว่างเฉิงยังคงมีคนของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตอยู่จริง อีกทั้งตำแหน่งและพลังฝึกปรือค่อนข้างสูงเป็นแน่
หลังจากสวีเฟยรอให้ลู่เวิ่นปรับลมปราณครู่ใหญ่ จึงเอ่ย “ศิษย์น้องลู่ ถ้าหากตอนนี้สภาพร่างกายเจ้าไม่มีปัญหาล่ะก็ พวกเราไปพบท่านผู้อาวุโสสำนักด้วยกันเถอะ”
ถึงแม้สภาพจิตใจของลู่เวิ่นจะเซื่องซึมอยู่บ้าง ทว่าก็ยังคงผุดลุกขึ้น “ตกลง”
ทั้งสองพบสทอเถี่ย อาจารย์ของสวีเฟยเป็นอันดับแรก
สีหน้าท่าทางสือเถี่ยสงบเย็นสุขุม ไม่เห็นความแปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย หลังจากสอบถามสวีเฟยและลู่เวิ่นอย่างละเอียด เขาก็กล่าวด้วยความลังเลว่า “ไปพบศิษย์น้องฟางก่อนค่อยว่ากันเถิด”
พวกเขามุ่งหน้าไปยังตำหนักปฏบัติกิจ กลับได้รับแจ้งว่าฟางจุ่นออกไปข้างนอกก่อนหน้าไม่นาน
ที่พำนักของฟางจุ่น เขาก็ไม่ได้กลับมาเช่นกัน
พวกสือเถี่ยค้นพบด้วยความงงงัน ชั่วเวลาหนึ่งหาร่องรอยของฟางจุ่นไม่พบอย่างคาดไม่ถึง
แม้จะบอกว่าด้วยพลังฝึกปรือของฟางจุ่น หากต้องการอำพรางตัว ทั่วทั้งสำนักเขากว่างเฉิงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถค้นพบ ทว่าถ้าหากไม่มีเหตุผลเป็นพิเศษ ก็ชัดเจนว่าฟางจุ่นไม่ต้องทำเช่นนี้
อยู่ในช่วงปีที่เกิดเรื่องมากมายพอดี ปฏิกิริยาไวทุกขณะ แน่นอนทำให้ผู้คนผุดความคิดเชื่อมโยง
สวีเฟยและลู่เวิ่นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ไรดวงหน้าของลู่เวิ่นก็ไม่มีเลือดฝาด บัดนี้ยิ่งซีดเผือดทวีคุณ
มีเพียงสือเถี่ยที่ยังสงบนิ่งดังเดิม เขาเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “เรื่องนี้ผิดปกติ แต่ก่อนที่จะเข้าใจสถานการณ์ ก็อย่าคิดมาก”
“ลองหาดูเกิดเถอะ แต่ไม่ต้องกระโตกกระตากไป แจ้งแค่เพียงพวกศิษย์น้องเยี่ยนและท่านอาจารย์อาไม่กี่คน รายงานเตรียมเอาไว้ก่อนก็พอ”
ครั้นสือเถี่ยพูดจบ เขากวาดสายตาผ่านสวีเฟย แล้วมองไปยังลู่เวิ่น “ตัวข้า ยินดีเชื่อใจศิษย์น้องฟาง”
สวีเฟยและลู่เวิ่นต่างผงกศีรษะตอบรับ ทว่าในสายตาของทั้งสองคนยังคงมีแววกลัดกลุ้มปรากฏอย่างไม่อาจระงับอยู่
ถ้าหากฟางจุ่นไม่ใช่คนในภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต กระนั้นตอนนี้เขาหายตัวไป เกรงว่าสถานการณ์เห็นท่าไม่ดีนัก เป็นไปได้ว่าค้นพบเรื่องอะไรจวนตัว ถูกมัดแขนขาหมดทางปลีกกาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี