ณ หุบเขาลูกหนึ่งด้านนอกหุบเหวปราการมังกร มีกลุ่มคนรุ่นเยาว์รวมตัวกันอยู่ภายในซอกเขาเล็กๆ
ทุกคนล้วนสวมอาภรณ์สีขาว แต่งขอบด้วยสีแดง และปักลายพระอาทิตย์
ส่วนคนที่เป็นหัวหน้าสวมอาภรณ์สีขาวเช่นเดียวกัน ต่างออกไปตรงที่เขามีขอบเสื้อสีทอง
ทว่าจุดที่ดึงดูดสายตาของเขามากที่สุด ก็คือรอยแผลเป็นจางๆ รอยหนึ่งบนใบหน้าของเขา รอยแผลนั้นจางมากจนแทบจะมองไม่เห็น ทว่าชายหนุ่มคนนี้กลับยังคงรู้สึกได้ถึงความปวดแสบปวดร้อนบนในหน้า เหมือนกับในตอนแรกไม่มีผิดเพี้ยน
โดยเฉพาะตอนที่มีคนอยู่ตรงหน้า และกำลังมองที่รอยแผลบนใบหน้าของเขา เฉาหยวนหลงรู้สึกเพียงว่ารอยแผลที่หายไปตั้งนานแล้วเจ็บยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ด้านหลังของเฉาหยวนหลง คือกลุ่มศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กลุ่มหนึ่ง ขณะนี้พวกเขาต่างกำลังก้มหน้ามองไปที่ตาตุ่ม นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น
เด็กหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ถูกเยี่ยนจ้าวเกอใช้ท่อนไผ่กรีดเนื้อกรีดหนังเช่นเดียวกัน ยิ่งไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
ตรงหน้าทุกคน มีชายสวมอาภรณ์สีขาวคนหนึ่งยืนอยู่ กำลังมองพวกเขาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
จริงๆ แล้วชายชุดขาวไม่ได้อายุมากแต่อย่างใด ราวๆ ยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปีเท่านั้น แต่กลับไว้หนวดเคราทั้งใบหน้า ทำให้ดูดุดันและเกรี้ยวกราด
เสียงของเขาทุ้มใหญ่มากเช่นกัน “พบร่องรอยของนางแล้วหรือ”
เฉาหยวนหลงบอกว่า “มีคนพบเห็นนางที่เขตเทือกเขามฤคลับตาด้านนอกหุบเหวปราการมังกร”
ชายชุดขาวผงกศีรษะ เฉาหยวนหลงจึงกล่าวต่อ “ข้าเพิ่งได้รับข่าวมาว่า ศิษย์น้องเมิ่งก็ออกจากสำนักมาที่นี่เช่นกัน”
“ไม่ต้องสนใจศิษย์น้องเมิ่ง” ชายชุดขาวยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งดังเดิม ทว่าเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว “เยี่ยนจ้าวเกอแค่คนเดียว เล่นงานพวกเจ้าจนอยู่ในสภาพเช่นนี้เลยหรือ?”
เฉาหยวนหลงนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “ครั้งนี้เป็นข้าเองที่พ่ายแพ้ ข้าไม่มีอะไรจะพูด ความอับอายครั้งนี้ ข้าจะล้างแค้นกับมือตัวเองให้ได้!”
มีศิษย์รุ่นเยาว์มองไปที่เฉาหยวนหลงแวบหนึ่ง แล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ศิษย์พี่เซียว ท่านจะต้อง…”
ชายชุดขาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราสบถออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าต้องไปพบเยี่ยนจ้าวเกอสักหน่อยแล้ว”
เขาฉีกปากแสยะยิ้ม “ในบรรดาสี่คุณชายแห่งยุค คุณชายแห่งกว่างเฉิงนี่แหละที่อ่อนหัดที่สุด”
“ทว่าตอนนี้เขายังไม่บรรลุขั้นจิตราชั้นนอก กลับเล่นงานศิษย์น้องเฉาจนมีสภาพเป็นเช่นนี้ไปได้ เก่งเกินคาดอยู่เหมือนกัน”
เฉาหยวนหลงก้มหน้าลงไม่พูดจา ทว่าบนใบหน้าของศิษย์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ กลับฉายความคาดหวังออกมาอย่างชัดเจน “ศิษย์พี่เซียวจะลงมือเองหรือขอรับ”
บุคคลที่อยู่เบื้องหน้า มีนามว่า ‘เซียวเซิง’ เขาอายุมากกว่าเฉาหยวนหลงอยู่เล็กน้อย อีกทั้งฝึกฝนวรยุทธ์มายาวนานกว่า เบื้องต้นด้านวรยุทธ์ของเขาอยู่ในระดับที่สูงกว่าเฉาหยวนหลงมาก โดยบรรลุขั้นจิตราชั้นนอกระดับสูงสุดของปรมาจารย์ยุทธ์สิบขั้นแล้ว
เซียวเซิงเป็นบุคคลอัจฉริยะที่อยู่อันดับต้นๆ ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกับเฉาหยวนหลง และยังเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งท่ามกลางกลุ่มคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันและระดับวรยุทธ์เดียวกันด้วย
ทว่าส่วนที่ต่างออกไปก็คือ แม้ว่าเฉาหยวนหลงจะเป็นอัจฉริยะ แต่กลับไม่มีภูมิหลังใดๆ เพียงแต่ผู้อาวุโสเห็นว่าเขามีความสามารถโดดเด่น ถึงได้ลงทุนลงแรงบ่มเพาะเลี้ยงดู
แต่เซียวเซิงคล้ายกับเยี่ยนจ้าวเกอ ท่านตาของเขาเป็นถึงผู้อาวุโสเก่าแก่คนหนึ่งของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นจอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ
ตำแหน่งสี่คุณชายแห่งยุค นอกจากจะต้องมีความสามารถส่วนตัวพิเศษเป็นเลิศแล้ว ก็ยังต้องมีภูมิฐานครอบครัวที่ดีกว่าคนอื่นด้วย
บุตรชายของเจ้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ นามว่า ‘คุณชายแห่งจรัสแสง’ ถูกขนานนามว่าเป็นสี่คุณชายแห่งยุคเช่นเดียวกันกับเยี่ยนจ้าวเกอ คุณชายแห่งเขากว่างเฉิง
เนื่องด้วยเหตุที่เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับคุณชายแจรัสแสง เซียวเซิงจึงไม่ได้เป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค ซึ่งเป็นความเจ็บใจของเซียวเซิงมาโดยตลอด
ปกติแล้วเขาจึงไม่ชอบใจเยี่ยนจ้าวเกอ เพราะเด็กหนุ่มได้รับเลือกเป็นสี่คุณชายแห่งยุค ทั้งที่มีอายุน้อยที่สุด
ทว่าเนื่องจากฝึกวรยุทธ์มาเป็นเวลานานมาก และมีอายุมากกว่า อย่างไรเสียลดตัวลงไปหาเรื่องกับผู้ที่มีวรยุทธ์ต่ำกว่าคงไม่ใช่เรื่องดี คนที่ประมือกับเยี่ยนจ้าวเกอมาโดยตลอดจึงเป็นเฉาหยวนหลง
“เมื่อก่อนข้าคิดว่าคุณชายเขากว่างเฉิงเป็นแค่ตัวตลกเสียอีก” เซียวเซิงยิ้มด้วยความเย็นชา “แต่ดูจากในตอนนี้ ข้าประเมินเขาต่ำเกินไปหน่อยกระมัง ”
“พวกเจ้าตามหานางต่อไป หากได้ข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว พวกเจ้าจะได้สิ่งของที่ข้ารับปากไว้มากกว่าหนึ่งชิ้น”
“ข้าจะไปประเมินที่เมืองใกล้ปราการดูสักหน่อย ดูสิว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะแน่สักแค่ไหนกัน”
…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี