ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตสถาปนาขึ้นโดยซินตงผิงเมื่อไม่กี่ปีมานี้
ทว่ามารร้ายนพยมโลก กลับดำรงอยู่มาแต่โบราณกาลแล้ว
ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ก็ดำรงอยู่
ในยุคสมัยที่วิกฤตการณ์ใหญ่ใกล้เข้ามา ผู้คนไปมาหาสู่กับมารร้ายนพยมโลก บ้างกลายเป็นมาร บ้างก็กำจัดมารเช่นกัน
ศาสตร์วิชาบางอย่างที่บังเกิดขึ้นด้วยเหตุฉะนี้ หลังจากผ่านวิกฤตการณ์ใหญ่ โดยส่วนมากล้วนสูญเสียการสืบทอดในโลกแปดพิภพปัจจุบันไป น้อยคนนักจะล่วงรู้
คันศรทำลายมารก็เป็นหนึ่งในนั้น
ทำลายมาร แค่เห็นชื่อก็ทราบความหมาย ว่าหมายทำลายโอกาสรอดของมาร
มารไม่สูญไม่สิ้น หลังจากสิ้นชีพก็กำเนิดใหม่ที่ส่วนลึกในนพยมโลก ทว่าคันศรทำลายมารกลับตัดตอนวงจรอุบาทว์นี้ ส่งมารให้ตกสู่ห้วงนิทราชั่วกัลปาวสาน
ยอดฝีมือมหาปรมาจารย์ชั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้ายกลายเป็นมาร ก็ยังคงไม่ใช่มารร้ายนพยมโลกที่แท้จริงเช่นกัน
ใช้คำว่ามนุษย์มารมาเรียก อาจจะเหมาะสมกว่าอยู่บ้าง
กระนั้นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมตายแล้วเกิดใหม่ กลับมีอัตรากลายเป็นมารร้ายนพยมโลกที่แท้จริงอยู่บ้าง ได้รับความเป็นไปได้ที่จะมารสิ้นกำเนิดใหม่
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากกลายเป็นมาร ก็สามารถฟื้นชีพอีกครั้งที่นพยมโลกหลังจากสิ้นใจได้อย่างแน่นอน
เยี่ยนจ้าวเกอเตรียมคันศรทำลายมาร ก็เพื่อรอคอยชั่วขณะนี้โดยเฉพาะ
ซินตงผิงมองดูโพรงที่ขยายใหญ่ไม่หยุดบนหน้าอกตนเอง มองดูกระบวนการแผ่ขยายออกสู่ด้านนอกของโพรงนี้ ม้วนร่างกายของตนย้อนเข้าไป กลืนกินตนเองจากด้านในสู่ด้านนอก
เขาเงยศีรษะมองเยี่ยนจ้าวเกออีกหน “เจ้า…”
สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอเยียบเย็น แววตาดุจเพลิง “เจ้าคิดว่ากลายเป็นมารแล้วจะมีความสามารถสารพัดอย่างนั้นหรือ?”
ซินตงผิงแหงนหน้าขึ้นฟ้าถอนใจเฮือกยาว ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ทำได้เพียงพยายามถูไถอ่านปากแยกแยะความหมายเท่านั้น
ดังคาด ‘ไม่ได้ขจัดเจ้าก่อน เป็นความพลาดพลั้งเสียยิ่งกว่าประเมินเยี่ยนตี๋ต่ำไป…’
หยวนเทียนที่อยู่ข้างๆ บัดนี้สีหน้าเคียดแค้นก็ค่อยๆ หายไป บนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังและห่อเหี่ยว
เขาไม่ใช่คนในภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตแต่อย่างใด ซินตงผิงก็ไม่อาจควบคุมเรียกใช้เขาได้เช่นกัน
ทว่าเขากลับถูกนพยมโลกดึงดูด มีความปรารถนาในใจ ด้วยเหตุนี้จึงประสานเป็นหนึ่งเดียวกับซินตงผิงได้ง่าย
เดิมทีคิดว่า หยวนเจิ้งเฟิงเข้าฌานบุกทะลวงขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถปลีกกาย ยังมีซินตงผิงคอยสอดประสานกำจัดมหาค่ายกลนภาจากภายในอีก คู่ต่อสู้เพียงหนึ่งเดียวมีเพียงอาวุธศักดิ์สิทธิ์เสื้อคลุมนภาเท่านั้น
โลกภายนอก เมืองทะเลมรกตและหอคลื่นโหม ต้องรับมือกับปีศาจอัคคีบนทะเลตะวันออก
สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ เกินกว่าครึ่งจะต้องชิงจังหวะลงมือกับเขากว่างเฉิงอีกด้วย ขณะเดียวกันก็ตรึงเขาไร้พรมแดนอีกหนึ่งพันธมิตรของเขากว่างเฉิงไว้เช่นกัน
ปัจจัยดินฟ้าอากาศพร้อมพรั่งสามัคคี ต่อให้เกิดเหตุสุดวิสัย ยากสำเร็จการใหญ่ ทว่าด้วยขั้นศักดิ์สิทธิ์ของตน อย่างน้อยสามารถถอยร่นได้เต็มกระบวนท่า
หากสำเร็จ ได้รับสิ่งของที่ตนต้องการ หากไม่สำเร็จ ผลลัพท์ที่แย่ที่สุดก็จะไม่มีความเสียหายอะไรเช่นกัน
นี่คือความคิดที่แท้จริงของหยวนเทียน
ด้านหนึ่งเกิดจากการพิเคราะห์จากสถานการณ์ ด้านหนึ่งก็เกิดจากความมั่นใจที่ตนเองเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน
ถึงแม้จะถูกบุตรบิดาเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ทำให้รู้สึกเหนือความคาดหมาย ออกจากเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนในเขตสัจจเมฆา เคลื่อนมายังเขากว่างเฉิง ในตอนที่จมอยู่ในมหาค่ายกลนภา หยวนเทียนก็ยังคงคิดเช่นนี้
ทว่าภายหลัง เขาค้นพบว่าตนเองคิดผิดแล้ว
เขากว่างเฉิง ก็คือสถานที่ฝังกระดูกของเขา
จอมยุทธ์ท่านก่อนที่ฝังร่างอยู่ที่นี่ ก็คือประมุขเขารุ่นสุดท้ายของเขานิมิตทมิฬ บัดนี้กลับเวียนมาถึงเขาหยวนเทียน
ไม่ได้รู้สึกเสียใจระคนเสียดายอะไรมากนัก ชั่วชีวิตหยวนเทียนก็ฟันฝ่าอุปสรรคคลื่นลมใหญ่มาแล้ว ความตั้งใจเด็ดเดี่ยวหนักแน่น การตัดสินใจที่ตนได้ทำลงไป จะไม่สั่นคลอนง่ายๆ
เพียงแต่ยากเลี่ยงความผิดหวังในใจ เพราะตนเองยังคงมองต่ำวีรบุรุษใต้หล้า
โพรงตรงอกหยวนเทียนใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ กลืนเงาร่างของเขาจากภายในออกมาภายนอก
คนที่เผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับเขา ยังมีซินตงผิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี