ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 304

ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตสถาปนาขึ้นโดยซินตงผิงเมื่อไม่กี่ปีมานี้

ทว่ามารร้ายนพยมโลก กลับดำรงอยู่มาแต่โบราณกาลแล้ว

ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ก็ดำรงอยู่

ในยุคสมัยที่วิกฤตการณ์ใหญ่ใกล้เข้ามา ผู้คนไปมาหาสู่กับมารร้ายนพยมโลก บ้างกลายเป็นมาร บ้างก็กำจัดมารเช่นกัน

ศาสตร์วิชาบางอย่างที่บังเกิดขึ้นด้วยเหตุฉะนี้ หลังจากผ่านวิกฤตการณ์ใหญ่ โดยส่วนมากล้วนสูญเสียการสืบทอดในโลกแปดพิภพปัจจุบันไป น้อยคนนักจะล่วงรู้

คันศรทำลายมารก็เป็นหนึ่งในนั้น

ทำลายมาร แค่เห็นชื่อก็ทราบความหมาย ว่าหมายทำลายโอกาสรอดของมาร

มารไม่สูญไม่สิ้น หลังจากสิ้นชีพก็กำเนิดใหม่ที่ส่วนลึกในนพยมโลก ทว่าคันศรทำลายมารกลับตัดตอนวงจรอุบาทว์นี้ ส่งมารให้ตกสู่ห้วงนิทราชั่วกัลปาวสาน

ยอดฝีมือมหาปรมาจารย์ชั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้ายกลายเป็นมาร ก็ยังคงไม่ใช่มารร้ายนพยมโลกที่แท้จริงเช่นกัน

ใช้คำว่ามนุษย์มารมาเรียก อาจจะเหมาะสมกว่าอยู่บ้าง

กระนั้นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมตายแล้วเกิดใหม่ กลับมีอัตรากลายเป็นมารร้ายนพยมโลกที่แท้จริงอยู่บ้าง ได้รับความเป็นไปได้ที่จะมารสิ้นกำเนิดใหม่

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากกลายเป็นมาร ก็สามารถฟื้นชีพอีกครั้งที่นพยมโลกหลังจากสิ้นใจได้อย่างแน่นอน

เยี่ยนจ้าวเกอเตรียมคันศรทำลายมาร ก็เพื่อรอคอยชั่วขณะนี้โดยเฉพาะ

ซินตงผิงมองดูโพรงที่ขยายใหญ่ไม่หยุดบนหน้าอกตนเอง มองดูกระบวนการแผ่ขยายออกสู่ด้านนอกของโพรงนี้ ม้วนร่างกายของตนย้อนเข้าไป กลืนกินตนเองจากด้านในสู่ด้านนอก

เขาเงยศีรษะมองเยี่ยนจ้าวเกออีกหน “เจ้า…”

สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอเยียบเย็น แววตาดุจเพลิง “เจ้าคิดว่ากลายเป็นมารแล้วจะมีความสามารถสารพัดอย่างนั้นหรือ?”

ซินตงผิงแหงนหน้าขึ้นฟ้าถอนใจเฮือกยาว ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ทำได้เพียงพยายามถูไถอ่านปากแยกแยะความหมายเท่านั้น

ดังคาด ‘ไม่ได้ขจัดเจ้าก่อน เป็นความพลาดพลั้งเสียยิ่งกว่าประเมินเยี่ยนตี๋ต่ำไป…’

หยวนเทียนที่อยู่ข้างๆ บัดนี้สีหน้าเคียดแค้นก็ค่อยๆ หายไป บนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังและห่อเหี่ยว

เขาไม่ใช่คนในภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตแต่อย่างใด ซินตงผิงก็ไม่อาจควบคุมเรียกใช้เขาได้เช่นกัน

ทว่าเขากลับถูกนพยมโลกดึงดูด มีความปรารถนาในใจ ด้วยเหตุนี้จึงประสานเป็นหนึ่งเดียวกับซินตงผิงได้ง่าย

เดิมทีคิดว่า หยวนเจิ้งเฟิงเข้าฌานบุกทะลวงขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถปลีกกาย ยังมีซินตงผิงคอยสอดประสานกำจัดมหาค่ายกลนภาจากภายในอีก คู่ต่อสู้เพียงหนึ่งเดียวมีเพียงอาวุธศักดิ์สิทธิ์เสื้อคลุมนภาเท่านั้น

โลกภายนอก เมืองทะเลมรกตและหอคลื่นโหม ต้องรับมือกับปีศาจอัคคีบนทะเลตะวันออก

สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ เกินกว่าครึ่งจะต้องชิงจังหวะลงมือกับเขากว่างเฉิงอีกด้วย ขณะเดียวกันก็ตรึงเขาไร้พรมแดนอีกหนึ่งพันธมิตรของเขากว่างเฉิงไว้เช่นกัน

ปัจจัยดินฟ้าอากาศพร้อมพรั่งสามัคคี ต่อให้เกิดเหตุสุดวิสัย ยากสำเร็จการใหญ่ ทว่าด้วยขั้นศักดิ์สิทธิ์ของตน อย่างน้อยสามารถถอยร่นได้เต็มกระบวนท่า

หากสำเร็จ ได้รับสิ่งของที่ตนต้องการ หากไม่สำเร็จ ผลลัพท์ที่แย่ที่สุดก็จะไม่มีความเสียหายอะไรเช่นกัน

นี่คือความคิดที่แท้จริงของหยวนเทียน

ด้านหนึ่งเกิดจากการพิเคราะห์จากสถานการณ์ ด้านหนึ่งก็เกิดจากความมั่นใจที่ตนเองเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

ถึงแม้จะถูกบุตรบิดาเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ทำให้รู้สึกเหนือความคาดหมาย ออกจากเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนในเขตสัจจเมฆา เคลื่อนมายังเขากว่างเฉิง ในตอนที่จมอยู่ในมหาค่ายกลนภา หยวนเทียนก็ยังคงคิดเช่นนี้

ทว่าภายหลัง เขาค้นพบว่าตนเองคิดผิดแล้ว

เขากว่างเฉิง ก็คือสถานที่ฝังกระดูกของเขา

จอมยุทธ์ท่านก่อนที่ฝังร่างอยู่ที่นี่ ก็คือประมุขเขารุ่นสุดท้ายของเขานิมิตทมิฬ บัดนี้กลับเวียนมาถึงเขาหยวนเทียน

ไม่ได้รู้สึกเสียใจระคนเสียดายอะไรมากนัก ชั่วชีวิตหยวนเทียนก็ฟันฝ่าอุปสรรคคลื่นลมใหญ่มาแล้ว ความตั้งใจเด็ดเดี่ยวหนักแน่น การตัดสินใจที่ตนได้ทำลงไป จะไม่สั่นคลอนง่ายๆ

เพียงแต่ยากเลี่ยงความผิดหวังในใจ เพราะตนเองยังคงมองต่ำวีรบุรุษใต้หล้า

โพรงตรงอกหยวนเทียนใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ กลืนเงาร่างของเขาจากภายในออกมาภายนอก

คนที่เผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับเขา ยังมีซินตงผิง

อาหู่กล่าวตอบ “ผู้อาวุโสเหอเฝ้าป้องกันสถานที่เข้าฌานของท่านเจ้าสำนักรุ่นก่อนอยู่ ที่นั่นปลอดภัยดี ไม่ได้ถูกก่อกวน”

“ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสหวังถูกซินตงผิงทำร้ายอย่างหนัก อาการบาดเจ็บสาหัสยิ่ง แต่ไม่ถึงชีวิต”

“ส่วนผู้อาวุโสสูงสุดกงแห่งหุบเขาผนึกเวหาเองก็ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน แต่สถานการณ์ดีกว่าผู้อาวุโสจางอยู่บ้าง”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ยอดฝีมือระดับสุดยอดที่ก่อนหน้านี้มักประจำการณ์อยู่ที่เขากว่างเฉิง นอกจากเจ้าสำนักรุ่นก่อนหยวนเจิ้งเฟิงกับเยี่ยนตี๋บิดาตนที่เพิ่งก้าวสู่ขั้นบรรลุธรรมแล้ว ทั้งหมดมีสามคน ซึ่งก็คือซินตงผิงและผู้อาวุโสเก่าแก่สองท่าน จางคุนและเหอหนิง

ซินตงผิงก่อกบฏถูกฟันสังหาร ผู้อาวุโสจางเจ็บสาหัส ผู้อาวุโสเหอเฝ้ารักษาหยวนเจิ้งเฟิงเข้าฌาน ไม่อาจปลีกกาย

ยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้าย มีอาจารย์ลุงใหญ่สือเถี่ย อาจารย์ลุงสองฟางจุ่น ผู้อาวุโสสูงสุดกงแห่งหุบเขาผนึกเวหา และอดีตผู้อาวุโสหวัง

บัดนี้ ผู้อาวุโสหวังก่อกบฏถูกอาจารย์ลุงใหญ่สือเถี่ยสังหารกับมือ สือเถี่ยสละชีวิตเพื่อสิ่งนี้ ผู้อาวุโสกงเจ็บหนัก ส่วนฟางจุ่นยับยั้งมหาค่ายกลแดนมาร เกรงว่าก็ไม่ผ่อนสบายนักเช่นกัน

นับแต่ขั้นรูปญาณระยะท้ายลงไป ยังมีจอมยุทธ์กว่างเฉิงคนอื่นๆ จำนวนมากบาดเจ็บล้มตาย

หายนะใหญ่ครั้งนี้ เขากว่างเฉิงข้ามผ่านไปได้ไม่ง่ายนัก

ซึ่งภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตฝั่งตรงข้ามก็ใกล้จะแพ้พ่ายย่อยยับ ประมุขภาคีซินตงผิงขั้นบรรลุธรรม จอมมารศักดิ์สิทธิ์หยวนเทียนผู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือจากภายนอก รวมทั้งซือหม่าฉุย ผู้อาวุโสหวัง และผู้อาวุโสเขานิมิตทมิฬทั้งสองท่าน อย่างน้อยยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะท้ายสี่คน ถูกสังหารจนสิ้น

จอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตคนอื่นๆ ที่รุกรานเขากว่างเฉิงทั้งหมด ยิ่งบาดเจ็บล้มตายไม่มีเหลือ

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิงยังไม่สามารถผ่อนคลายลงได้ทั้งหมด

เส้นสายตาเยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังด้านใต้ ตรงนั้นคือทิศทางที่อัคคีพิภพตั้งอยู่

จากนั้นเขาก็หันศีรษะกลับไปมองด้านตะวันออกอีก ตรงนั้นคือทิศทางที่ปฐพีพิภพตั้งอยู่ คนของตำหนักอัสนีสวรรค์ยิงผลพลิกตะวันมาจากตรงนั้น ก่อกวนมหาค่ายกลนภา

ประกายตาเยี่ยนจ้าวเกอเย็นยะเยือก ไตร่ตรองกระเป๋าย่อส่วนทั้งสองในมือตน

ซินตงผิงและหยวนเทียนกลายเป็นมารร่างสิ้นลม แม้จะไม่เหลือกระดูกไว้ ทว่าสิ่งของของพวกเขายังคงถูกเก็บรักษาไว้

“ตาเฒ่าซิน ไหนให้ข้าดูสิว่าเจ้าอาศัยสิ่งของอะไร ชักนำจอมยุทธ์ศักดิ์คนหนึ่งให้เข้าตาจนเสี่ยงอันตราย?”

…………….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี