ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 305

เยี่ยนจ้าวเกอเปิดกระเป๋าย่อส่วนที่เป็นของซินตงผิงและหยวนเทียน

ในฐานะยอดฝีมือระดับสุดยอดแห่งยุค สมบัติส่วนตัวของผู้ทรงอำนาจสองท่านนี้ ย่อมมากมายหลายอย่างเป็นธรรมดา

หากแต่เยี่ยนจ้าวเกอเพียงกวาดสายตาผ่านสิ่งของส่วนใหญ่ในนั้นครั้งหนึ่ง

ของดี ของที่แปลกประหลาด ของที่ล้ำค่าไม่ใช่ไม่มี ทว่าล้วนสามารถจัดระเบียบช้าๆ ได้ในภายหลัง ที่เยี่ยนจ้าวเกอสำรวจหาโดยส่วนใหญ่แล้วคือสิ่งของที่อาจจะสามารถใช้ร่วมกันระหว่างทั้งสองคนซินตงผิงและหยวนเทียนได้

ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือของล้ำค่าหายากที่เกี่ยวข้องกับนพยมโลกและอเวจี

หยวนเทียนเดินทางร่อนเร่ลำพัง ด้วยฐานะจอมยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ ทรัพย์สินตระกูลอุดมสมบูรณ์ เหินฟ้าดำดินผจญภัยขุดค้นอย่างอิสระเสรี รวบรวมของล้ำค่าหายากและทรัพยากรไว้จำนวนมาก

หากแต่เปรียบกันแล้ว สมบัติสะสมในตระกูลของเขาผู้เดียว ต่อให้มั่งคั่งเพียงใด ก็ไม่อาจเทียบเคียงกลุ่มอิทธิพลระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นสำนักเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นกัน

ถึงกระนั้นแม้เป็นเช่นนี้ ทรัพย์สินที่หยวนเทียนมีก็อุดมสมบูรณ์กว่าซินตงผิงผู้เดียว

แม้ว่าซินตงผิงจะเป็นผู้อาวุโสเพียงส่วนน้อยของเขากว่างเฉิง ทว่าการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรของสำนักก็มีขีดจำกัดเช่นกัน ทรัพยากรเขากว่างเฉิงมีมาก หากแต่ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของซินตงผิง

ทรัพย์สินสะสมของเขากว่างเฉิง นั่นเป็นคนละเรื่องกับทรัพย์สินส่วนตัวของซินตงผิง

แน่นอน ปัจจัยแรกในการเปรียบเทียบนี้ คือคิดคำนวณเพียงทรัพยากรที่ซินตงผิงสามารถเวียนใช้ในเขากว่างเฉิงได้เท่านั้น

ซึ่งซินตงผิงยังมีอีกหนึ่งฐานะ นั่นก็คือประมุขภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต

โลกแปดพิภพในยุคปัจจุบัน เป็นไปได้ยิ่งที่เขาจะเป็นบุคคลซึ่งใกล้ชิดนพยมโลกที่สุด

สุดท้ายแล้วซินตงผิงได้รับอะไรจากนพยมโลกและอเวจีนั้น นี่ก็ยากยิ่งจะเอื้อนเอ่ยแล้ว

ถ้าหากเขามีเบี้ยที่จะดึงดูดจอมมารศักดิ์สิทธิ์หยวนเทียน เยี่ยนจ้าวเกอเชื่อว่าต้องมีต้นตออยู่ที่นี่

“หยกแปลงสระสวรรค์ น่าจะไม่ใช่…”

“โอสถเทพย้อนพยับ น่าจะไม่ใช่…”

“น้ำมันร่างภูต ก็ไม่น่าจะใช่…”

เยี่ยนจ้าวเกอตรวจสอบอย่างละเอียด หลังจากนั้นครู่ใหญ่สายตาก็หยุดอยู่บนสิ่งของแบบเดียวกันในกระเป๋าย่อส่วนของซินตงผิง “ดินเมืองผีนพยมโลก…”

หลังใคร่ครวญเล็กน้อยอยู่ครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็สำรวจกระเป๋าย่อส่วนของหยวนเทียนอีกครั้ง หนนี้ไม่นานนักก็ค้นพบเป้าหมาย

ในมือของเขาประคองลูกกลมเล็กสีดำขนาดเท่ามุกล้ำค่าหลายเม็ด เขาพินิจอยู่พักใหญ่ จึงค่อยหยิบเม็ดหนึ่งในนั้นออกมา แล้วกรอกปราณจิตราเข้าไปภายในนั้น

ชายหนุ่มปิดเปลือกตาทั้งสอง สงบจิตใจลง เบื้องหน้ามีกระแสปราณหลากสายกำลังวนเวียนรำไร ไร้รูปไร้ร่าง

เขาทำความเข้าใจอย่างละเอียด ภายในนั้นคล้ายแฝงไว้ด้วยสัจธรรมที่ว่าสรรพสิ่งใดใดล้วนอนิจจังอยู่หลายส่วนอย่างคาดไม่ถึง

ทว่าหลักทำนองคลองธรรมส่วนนี้ดูเหมือนถูกบิดเบือน เผยให้เห็นความรู้สึกอันไร้กฎเกณฑ์ใดๆ ออกมาอยู่รางๆ

ถึงแม้จะบิดเบี้ยว แต่ก็มีท่วงทำนองมหัศจรรย์พันลึกเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่ภายในนั้น

เยี่ยนจ้าวเกอลืมตาขึ้นมา เพ่งมองลูกกลมเล็กสีดำกลางฝ่ามือ

หรือว่า เรียกพวกมันว่าเมล็ดพันธุ์แมกไม้จึงจะเหมาะกว่า

“เป็นเมล็ดพันธุ์ของต้นมารอนิจจังจริงๆ ด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอมองดินเมืองผีนพยมโลกนั่นอีกครั้ง

เอ่ยเรียกว่าดิน ทว่ากลับดูเหมือนดมฆหมอกกลุ่มหนึ่ง ในช่วงเวลาอันคลุมเครือส่งทอดพลังปราณของนพยมโลกออกมาจากภายในนั้น ช่างเขย่าขวัญสั่นผวายิ่ง

เมื่อนำดินนพยมโลกออกจากนพยมโลก จะก่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่แน่นอนว่าจะบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์มารอนิจจัง งอกเงยเป็นต้นมารอนิจจังได้เต็มร้อยอีกต่อไป

ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ พรรคมารอนิจจังมีของล้ำค่าสระมารอนิจจังซึ่งไม่เป็นสองรองใครเป็นของตัวเอง สามารถทำให้ดินนพยมโลกออกจากนพยมโลกได้โดยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง คงสภาพประสิทธิภาพดั้งเดิมไว้ยาวนาน ทำเช่นนี้จึงไม่ต้องพึ่งพานพยมโลกบ่มเพาะต้นมารอนิจจัง

กระนั้นสระมารอนิจจังกลายเป็นอันตรธานหายไปตามวิกฤตการณ์ฉากใหญ่นานแล้ว ต้นมารอนิจจังบนโลกนี้จึงสูญสิ้นไปด้วยเหตุนี้เช่นกัน

“จ้าวเกอ ในเมื่อเจ้าปรากฏตัวที่นี่ นั่นก็อธิบายได้ว่าสถานการณ์ด้านนอกมั่นคงแล้วใช่หรือไม่?” บนใบหน้าผ่ายผอมของฟางจุ่นเผยรอยยิ้มชืดชาออกมา

ชายหนุ่มคำนับอีกฝ่าย “ใช่แล้วขอรับ ท่านอาจารย์ลุงสอง ซินตงผิงกับจอมมารศักดิ์สิทธิ์หยวนเทียนล้วนถูกสังหารแล้ว”

“จอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตที่รุกรานสำนักเรา รวมทั้งมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะท้ายหลายคน ก็ถูกปราบสังหารหมดสิ้นเช่นกัน ตอนนี้กำลังดำเนินการกวาดล้างขั้นสุดท้าย”

หลังจากเว้นวรรคเล็กน้อยสักครู่ เขาจึงกล่าวต่อว่า “อาจารย์ลุงสอง…ท่านอาจารย์ลุงใหญ่หมดลมหายใจแล้ว”

ฟางจุ่นที่หน้าตานิ่งเฉยมาตลอดได้ยินดังนั้น พลันเบิกตาโพลงทันใด

เยี่ยนจ้าวเกอสาบานว่านี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เขารู้จักฟางจุ่นมา ที่เห็นผู้บัญชาสูงสุดแห่งตำหนักอาญาท่านนี้เสียอาการเช่นนี้

ในตอนที่ฟางจุ่นก้มศีรษะลง แล้วเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเขาหม่นมัวขึ้นเป็นเท่าทวี ทว่ากิริยาท่าทางฟื้นคืนกลับเป็นปกติแล้ว “ติดต่อศิษย์ในสำนักที่รักษาการณ์อยู่ข้างนอก ให้ระมัดระวังป้องกันสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ชิงจังหวะเข้าบุกรุก”

ชายหนุ่มผงกศีรษะในทันที “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น และข้าขึ้นได้พอดีว่าต้องปรึกษากับท่านอาจารย์ลุงสอง เกี่ยวข้องกับมหาค่ายกลแดนมารตรงหน้าค่ายนี้”

“โอ้?” ฟางจุ่นเอ่ยด้วยความสงสัยว่า “หรือว่าเจ้าต้องการเก็บค่ายกลนี้ไว้?”

อาหู่และเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ข้างๆ มองยังเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความใคร่รู้เช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยสีหน้าขรึม “แม้จะเก็บไว้ก็ตาม แต่ไม่ใช่เก็บมหาค่ายกลแดนมารนี้ไว้แต่อย่างใด หากแต่ดำเนินการปรับแก้ใหม่ เพื่อให้ส่งผลเป็นอย่างอื่น”

“ข้ายังไม่ทันมีเวลาเอ่ยกับพ่อข้าและผู้อาวุโสท่านอื่นมาก่อน ก็รีบร้อนมาที่นี่ คิดที่จะขอให้ท่านอาจารย์ลุงใหญ่แบกภาระนี้ไว้ระยะหนึ่ง หากพวกสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไม่มา พวกเราก็กำจัดมันทิ้งเสีย หากบุกเข้ามาจริง สำนักเราก็ได้ตระเตรียมไว้บ้างไม่น้อยเช่นกัน เพราะอย่างไรเสียก็ยังไม่อาจกำหนดได้ชัดเจน ว่าท่านอาจารย์ปู่จะสามารถออกจากฌานได้เมื่อใด”

ฟางจุ่นสบตากับเยี่ยนจ้าวเกอเงียบๆ หลังจากครู่หนึ่งจึงกล่าว “ได้ ข้าจะรักษาที่นี่ไว้ไม่เปลี่ยนชั่วคราว เจ้าเชิญพวกศิษย์น้องเยี่ยนมาศึกษาพิจารณาวิธีของเจ้าพร้อมกันสักหน่อย”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ข้าปรารถนาเพียงเท่านี้ขอรับ ลำบากท่านอาจารย์ลุงสองแล้ว”

………………………….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี