หม่าชิวยิ้มกว้างมองหลานเหวินเหยียนและคนอื่นๆ “ไม่ไปน้ำตกก็ช่าง ข้ามีอย่างอื่นแกล้งเขาได้อีก แม้ช่วงนี้ไม่ได้แกล้งเขาเล่น วันหลังค่อยว่าก็ได้”
เขามองไปที่ศิษย์น้องเฟ่ยครั้งหนึ่ง อีกฝ่ายได้แต่ก้มหน้าลง จากนั้นเขาก็ยิ้ม พลางมองไปที่ซือคงจิงและหลานเหวินเหยียน “พวกเจ้ากลับไปฟ้องทางสำนักก็ได้ แต่พวกเจ้าจะฟ้องเรื่องอะไรเล่า ฟ้องว่าข้าฝึกศิษย์น้องร่วมสำนักหนักเกินไปหรืออย่างไร”
หลานเหวินเหยียนจ้องเขาเขม็ง แทบจะมีไฟพ่นออกจากดวงตาทั้งสองข้างอยู่แล้ว
หม่าชิวไม่มองหลานเหวินเหยียนแม้แต่น้อย สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของซือคงจิง แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “เป็นอย่างไร เจ้าคิดจะตีข้าหรือ”
“พวกเขาสู้ข้าไม่ได้ แต่วรยุทธ์เจ้าสูงกว่าข้า ข้าไม่เป็นฝ่ายหาเรื่องเจ้าก่อน แต่หากเจ้าเล่นงานข้า ก็เท่ากับเจ้าทำผิดกฎของสำนัก”
หม่าชิวกำลังยิ้มอย่างสนุกสนาน และเดินถอยหลังไป “ดูสิ ศิษย์น้องซือคง ข้าไม่กล้าหาเรื่องเจ้าหรอก เจ้าว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ข้าไม่ให้ศิษย์น้องเฟ่ยไปที่น้ำตกแล้ว และข้าก็ไม่บังคับเขาเช่นกัน ข้าเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง”
“ไม่เพียงแค่วันนี้เท่านั้น ตลอดช่วงเวลาที่เจ้าอยู่ ข้าจะเชื่อฟังเจ้าทั้งหมด”
“แต่ว่าหลังจากเจ้ากลับไปแล้ว หึหึ…”
หม่าชิวกำลังถอยหลัง จู่ๆ ก็ชนเข้ากับร่างของคนผู้หนึ่ง
เขาสะดุ้งครั้งหนึ่ง เมื่อหันกลับไปมองแล้ว เขาก็มีอันต้องตกใจจนสติกระเจิง!
ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา ก็คือใบหน้าของสวีชวน!
สวีชวนมองหม่าชิวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง บนใบหน้าไม่ได้เผยให้เห็นถึงความโกรธเลยแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้หม่าชิวกลัวจนหัวหด
“หลังจากที่ศิษย์หลานซือคงจากไป แล้วอย่างไรหรือ?”
หม่าชิวรวบรวมสติ “ท่านผู้อาวุโสสะ…สวี ท่านมาตั้งแต่เมื่อไรหรือ…”
สวีชวนพูดนิ่งๆ ว่า “เอาเป็นว่าข้ารู้ทุกอย่างหมดแล้วก็แล้วกัน”
ฝ่ายหม่าชิวหน้ามืดไปทันที เข่าทั้งสองอ่อนจนแทบจะคุกเข่าลงไปกับพื้น
หลังจากนั้นสวีชวนพลันส่ายหน้า แล้วโบกมือครั้งหนึ่ง ผู้ติดตามก็ออกมาจากด้านหลัง และจับตัวหม่าชิวไป
“ท่านผู้อาวุโสสวี ท่านปู่ของข้า…” หม่าชิวอยากจะพูด แต่แล้วก็พบว่าตนเองถูกคนสะกดจุดไว้ ทำให้ส่งเสียงใดออกจากปากไม่ได้เลย
ในใจของเขามีแค่ความคิดเดียว ‘…หมดกัน!’
“จากนี้ไป เขาจะไม่มาปรากฏตัวที่เมืองใกล้ปราการ และจะไม่อ้างชื่อข้าเพื่อใช้อำนาจได้อีก” สวีชวนก้มหน้าลงกล่าวเสียงเบากับซือคงจิงและคนอื่นๆ แล้วหันหลังเดินจากไป
ไม่มีใครรู้ ว่าผู้อาวุโสสวีรับหน้าที่เป็นทั้งผู้อาวุโสปฏิบัติกิจของเมืองใกล้ปราการ และหุบเขาวายุวิญญาณทั้งสองแห่งนี้ เหงื่อบนแผ่นหลังของเขาจนถึงตอนนี้ยังไม่แห้งเลย “โชคดีที่ได้นายน้อยเยี่ยนเตือน มิเช่นนั้นอนาคตต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่!”
หลานเหวินเหยียนและคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากัน ไม่อาจเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในทันที
“…อาจจะเป็นศิษย์พี่เยี่ยน” ซือคงจิงมองแผ่นหลังที่จากไปของสวีชวน แล้วพูดขึ้นเบาๆ
ทุกคนเข้าใจโดยพลัน ก่อนจะมองไปรอบๆ เห็นเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ไกลออกไป
ทันใดนั้น ทุกคนรีบวิ่งเข้าไปทำความเคารพเยี่ยนจ้าวเกอ
ครั้นเห็นท่าทางของทุกคนเหมือนจะพูดแต่ก็หยุดไป เยี่ยนจ้าวเกอจึงยิ้มพลางส่ายหน้า และมองเด็กหนุ่มแซ่เฟ่ยคนนั้น “ต่อไปนี้เขาจะไม่รังแกเจ้าอีกแล้ว”
“แต่ว่า การฝึกฝนอย่างสุดกำลังกายและกำลังใจ ไม่ว่าเมื่อไรก็เป็นสิ่งที่ต้องรักษาไว้ ยิ่งตนเองพยายามมาก สุดท้ายคนที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือตัวเจ้า”
“อย่างเช่น หากเจ้ามีตำแหน่งและวรยุทธ์เหมือนอย่างศิษย์น้องซือคงแล้วล่ะก็ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมีใครออกหน้าแทนเจ้า เพราะเขาไม่กล้ารังแกเจ้า”
ริมฝีปากของศิษย์น้องเฟ่ยสั่นสะท้าน แล้วคำนับเยี่ยนจ้าวเกอครั้งหนึ่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ขอรับ ข้าจะจดจำสิ่งที่ศิษย์พี่เยี่ยนสั่งสอนไว้เป็นอย่างดี”
เขารู้สึกตื้นตัน อยากจะกล่าวขอบคุณแต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี หลานเหวินเหยียนจึงดึงแขนเสื้อของเขา แล้วพูดอย่างนอบน้อบว่า “จดจำไว้ในใจก็ดีแล้ว เจ้าต้องจำใจยอมรับคำสั่งสอนศิษย์พี่เยี่ยนเช่นที่ทำกับหม่าชิวได้อย่างไร”
“จริงด้วย” ศิษย์น้องเฟ่ยพยักหน้าหงึกหงัก พลางมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความซาบซึ้งและเคารพนับถืออย่างยิ่ง
หลานเหวินเหยียนและคนอื่นๆ ก็เป็นเช่นเดียวกัน
เยี่ยนจ้าวเกอพูดขึ้นอีกประโยคหนึ่ง อีกฝ่ายจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แค่ยิ้มและพูดขึ้นนิ่งๆว่า “ดูจากการแต่งกายของพวกเจ้า คิดจะออกไปข้างนอกสินะ จะไปไหนกันหรือ”
ซือคงจิงตอบอย่างสงบว่า “ข้ากำลังจะพาศิษย์น้องไปเทือกเขามฤคลับตาเจ้าค่ะ”
“อืม เจ้ามีประสบการณ์เคยไปที่นั่น ดูแลพวกเขาให้ดี” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี