ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 330

ลำแสงที่ครอบเฟิงอวิ๋นเซิงไว้ ก่อนหน้านี้มืดสว่างเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ปรากฏให้เห็นว่าไม่คงที่อย่างยิ่งยวด

หากแต่ตอนนี้ ลำแสงนั่นก็ยิ่งทอแสงเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ ไปตามเสียงมังกรคำรามที่ดังข้างหูตลอดเวลา และมีแนวโน้มที่จะราบรื่นมากยิ่งขึ้น ไม่เปล่งแสงวับวาบอีกต่อไป

บัดนี้เฟิงอวิ๋นเซิงปะทุพลังออกมา ไม่เก็บงำเอาไว้เฉกเช่นเมิ่งหว่านขนาดนั้น ดุเดือดรุนแรง ทำให้คนที่เข้าร่วมประลองจันทรากายคนอื่นๆ ล้วนรู้สึกได้ถึงพลังที่แผ่ออกมาบีบเค้นกลุ่มหนึ่ง

หลิงฮุ่ยแห่งสำนักเขาไร้พรมแดนรู้สึกได้ก่อน จากนั้นเหนียนเล่ยแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ก็รู้สึกได้ตาม

ไม่นานนัก อวิ๋นซิ่วชิงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับเฉินซู่ถิงแห่งเมืองทะเลมรกต ต่างก็รู้สึกได้ถึงพลังกดดันโหมซัดสาดที่แผ่ออกมาจากเฟิงอวิ๋นเซิง

ลำแสงที่ครอบเฟิงอวิ๋นเซิงไว้ยิ่งทวีความสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ ความหนาเองก็ขยายออกไปโดยรอบอย่างรวดเร็วเช่นกัน ปรากฏพลังอันน่าตื่นตะลึงให้เห็น

อย่าว่าแต่อวิ๋นซิ่วชิงเลย แม้แต่เฉินซู่ถิงเอง ก็ถูกเฟิงอวิ๋นล้ำหน้าไปแล้วเช่นกัน!

ขณะที่มังกรสวรรค์ร้องคำราม พุ่งถลาสู่สวรรค์เก้าชั้นฟ้า กบดขยี้คู่ต่อสู้คนหนึ่งต่อด้วยอีกคนหนึ่ง สลัดทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง

ไม่นานนัก แม้กระทั่งฝานชิวแห่งหอคลื่นโหม ล้วนแล้วแต่มีสีหน้าหนักอึ้งหลายส่วน เพ่งมองเฟิงอวิ๋นเซิงอย่างเอาจริงเอาจัง

สายตาของเมิ่งหว่านจดจ้องไปยังเฟิงอวิ๋นเซิงไม่เคลื่อนย้ายสักเสี้ยวขณะ ประกายแสงส่วนลึกในแววตาที่ฉายผ่านไปชั่วเสี้ยววินาที มีทั้งความปีติยินดี มีทั้งความผิดหวัง

ลำแสงที่ครอบเฟิงอวิ๋นเซิงไว้ ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นคงที่ เปรียบเทียบตามลำดับแล้วด้อยกว่าฝานชิวแห่งหอคลื่นโหมเล็กน้อย ทว่ายังเหนือกว่าอวิ๋นซิ่วชิงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับเฉินซู่ถิงแห่งเมืองทะเลมรกต จัดอยู่ในอันดับที่สามในบรรดาทุกคน

เมื่อภาพฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของผู้ชมการประลอง ล้วนทำให้หวั่นไหวอยู่บ้างชั่วขณะหนึ่ง

คนอื่นๆ ก็แล้วไป แต่สำหรับจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต่างก็ยากจะปักใจเชื่ออยู่บ้าง

อวิ๋นซิ่วชิง ในฐานะที่เข้าร่วมการประลองแห่งจันทราครั้งแรกเช่นเดียวกัน ถ้าหากนับว่าเป็นอาวุธลับที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เตรียมเอาไว้ สามารถทำให้จู่ๆ ก็น่าตื่นตะลึงขึ้นมาได้ล่ะก็ คงไม่อาจทำให้คนอื่นยอมรับได้โดยสิ้นเชิง

ทว่าเฟิงอวิ๋นเซิงกลับไม่เป็นเช่นนั้น นึกไม่ถึงว่าเฟิงอวิ๋นเซิงที่ปีนั้นถูกทุกคนทั่วทั้งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ร่วมกันพิพากษาโทษตาย และวินิจฉัยแน่ชัดว่าจันทรากายใช้การไม่ได้ บัดนี้นางกลับฟื้นฟูพลังจันทราของตนเองได้จริง ขณะเดียวกันก็รุดหน้าขึ้นอีกก้าวอีกด้วย

เริ่มต้นใหม่หลังจากทิ้งร้างไปเป็นเวลาหลายปี คาดไม่ถึงว่าจะสามารถมีระดับฝีมือเช่นนี้ได้ ช่างสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังอย่างแท้จริง

ซี่จ้าวจวินจดจ้องเฟิงอวิ๋นเซิงไม่วางตา ราวกับคิดจะมองทะลุร่างนางทั้งคน

สายตาควบแน่นจนราวกับกลายเป็นวัตถุจริง ถึงขนาดที่สะเทือนมงกุฎแห่งจันทราอยู่บ้าง

ในใจซี่จ้าวจวินพลันพรวดพรวดขึ้นด้วยความเย็นยะเยือกหลายส่วน ครั้นรู้ว่าตนเองทำให้มงกุฎแห่งจันทรากระเด็นกลับ จึงรีบผละสายตากลับทันควัน สีหน้าอึมครึมอยู่บ้างเล็กน้อยชั่วขณะหนึ่ง

ความล้ำเลิศของเฟิงอวิ๋นเซิง คล้ายกับเป็นการตบหน้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ฉาดหนึ่ง

ถ้าหากเป็นเพียงแค่ระดับพลังฝึกปรือวรยุทธ์รุดหน้า พลังความสามารถโดดเด่น ถึงแม้ว่านั่นจะกระอักกระอ่วนอย่างยิ่งเช่นกัน ทว่าก็ยังคงฝืนทำใจยอมรับได้

กระนั้นการวินิจฉัยว่าจันทรากายของเฟิงอวิ๋นเซิงใช้การไม่ได้ทั้งสิ้นแล้วก่อนหน้านี้ กลุ่มคนหนึ่งดำเนินการเจ้าตรวจสอบแล้วข้าตรวจสอบต่อ สุดท้ายล้วนน่าเชื่อถือทั้งสิ้น ตอนนี้ดูเหมือนว่า กลับเหมือนเรื่องตลกอย่างไรอย่างนั้น

เหล่าจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่รับรู้เบื้องลึกเบื้องหลังทั้งหมด ขณะนี้ต่างรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ใบหน้า

ใบหน้าผู้อาวุโสเมิ่งเผยรอยยิ้มปลื้มปีติออกมา ผงกศีรษะอย่างต่อเนื่อง “ไม่เสียแรงเปล่า ไม่เสียแรงเปล่าจริงๆ ไม่เสียแรงคิดไปเปล่าๆ”

เขาหันหน้ามองไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ แล้วกล่าวชมเชยว่า “จ้าวเกอ โชคดีที่มีเจ้า”

เยี่ยนจ้าวเกออมยิ้ม “ผู้อาวุโสเมิ่งชมเกินไปแล้ว ทั้งปวงล้วนอาศัยความพยายามของเฟิงอวิ๋นเซิงเอง และยังมีอาจารย์ฟู่ชี้แนะอย่างถูกวิธี”

วาจานี้ไม่ใช่การถ่อมตัวเสียทั้งหมดเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเฟิงอวิ๋นเซิง และก็ถอนทอดใจอยู่ในอกเช่นกัน นางในขณะนี้ยืนอยู่บนเวทีที่เฝ้าใฝ่หามาโดยตลอดอีกครั้งในที่สุด ทำให้ผู้คนของตนดีอกดีใจ ทำให้คู่ต่อสู้กลัดกลุ้ม ทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเบื้องหลังเฟิงอวิ๋นเซิงทุ่มเทมากเพียงใดกับสิ่งนี้ และระทมทุกข์มากขนาดไหน

อย่างอื่นก็แล้วไป เข็มแกนน้ำแข็ง นั่นคือหนึ่งในเจ็ดมหาโทษทัณฑ์ซึ่งอยู่ระดับเดียวกันกับตะเกียงจุดวิญญาณ เป็นการลงโทษอันโหดร้ายทารุณที่ทำให้คนทุกข์ทรมานจะร้องขอชีวิตก็ไม่ได้ขอตายก็ไม่อาจ เป็นวิธีการอันโหดเหี้ยมที่แม้แต่ชายฉกรรจ์ที่ผ่านการเคี่ยวกรำฝึกฝนราวกับตีเหล็กยังต้องถูกหลอมจนกลายเหล็กเหลว

ซึ่งการลงโทษนี้ ยังไม่ใช่ดำเนินการเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หากแต่เริ่มตั้งแต่หนึ่งปีก่อน ทุกๆ ช่วงเวลาที่เว้นระยะห่างก็ต้องทำครั้งหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี