เยี่ยนจ้าวเกอลอยอยู่กลางอากาศ ปรับลมปราณในร่างตัวเองอยู่เงียบๆ
ในร่างกาย ปราณวิญญาณเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งราวกับน้ำทะเล โดยไม่จำเป็นต้องกระตุ้น
หากเป็นจอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตคนอื่นๆ ปราณวิญญาณที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้ร่างพังทลายได้เลยทีเดียว
มีเพียงพลังของเยี่ยนจ้าวเกอเท่านั้นที่ประคับประคองเอาไว้ได้ ด้วยการสลายปราณวิญญาณอย่างต่อเนื่อง แล้วดูดซับไว้ใช้เอง
เส้นชีพจรทั่วทั้งร่างเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ก่อตัวขึ้นจากกลุ่มปราณนับไม่ถ้วน เหล่ากลุ่มปราณหมุนวนไม่หยุดหย่อน ก่อนจะซึบซาบาสู่ปราณวิญญาณธาตุน้ำที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในร่างของเขา
ในวินาที่สุดท้ายที่หลอมสร้างกระบี่สัตยาทะเลมรต ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดหมุนกลับด้าน ดึงดูดปราณธาตุน้ำของมหาสมุทรในรัศมีหมื่นลี้จนแทบว่างเปล่า
พลังที่ยิ่งใหญ่ดั่งมหาสมุทรเติมเต็มตำหนักใจกลางเมืองทะเลมรกต มอบพลังเฮือกสุดท้ายในการสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์
ในฐานะที่เป็นต้นเหตุ ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะหลบได้ทันเวลา แต่ก็ได้รับประโยชน์ไม่น้อย
การฝึกปรือญาณวรยุทธ์ของตนเองให้สำเร็จ ทำให้จิตรากลายเป็นญาณ ย่างเข้าสู่ระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณ มิใช่เรื่องที่ทำให้สัมฤทธิ์ผลได้โดยง่าย
ทว่าตอนนี้ เมื่อปราณวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เข้าสู่ร่าง จึงยึดรากฐานของเยี่ยนจ้าวเกอให้มั่นคงอีกครั้ง
การสั่งสมพลังในร่างกายเต็มเปี่ยมอีกครั้ง ขอเพียงตนเข้าใจความลี้ลับของวรยุทธ์จนถึงระดับที่แน่นอน ก็จะเลื่อนสู่ระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณได้
ปราณวิญญาณธาตุน้ำที่ยิ่งใหญ่เข้าสู่ร่าง หล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อของเยี่ยนจ้าวเกออย่างต่อเนื่อง ทำให้กล้ามเนื้อของเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
สิ่งนี้ไม่แตกต่างกับการชำระล้างที่ผลัดขนเปลี่ยนกระดูกนัก
การชำระล้างเช่นนี้ขึ้นอยู่กับวาสนา ยากจะควบคุมให้เกิดขึ้น
นอกจากการเติบเติมปราณวิญญาณแล้ว ในตอนที่สร้างกระบี่สัตยาทะเลมรกตสำเร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ถึงการกำเนิดของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ด้วย กระบวนการอันลี้ลับและสั้นกระชับนั้น เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก
จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์สำเร็จ ย่อมได้รับการทดแทน นั่นก็คือมีพลังฝึกปรือเพิ่มขึ้น ถึงกับทำลายสภาวะคอขวดได้
ถึงแม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะมิใช่ผู้หลอมกระบี่สัตยาทะเลมรกต แต่ว่าในตอนนี้ก็รู้สึกได้เช่นกัน
จู่ๆ ฟ้าดินพลันเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เยี่ยนจ้าวเกอพลันดึงสติกลับมา เห็นแสงไฟเหนือศีรษะแตกกระจาย
ราชันปีศาจอัคคีเฉิงฮวงที่บ้าคลั่ง สุดท้ายก็เลือกวิธีสละตัวเอง โจมตีหยวนเจิ้งเฟิงและทะเลมรกตที่อยู่ข้างใต้
น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของเขาคือหยวนเจิ้งเฟิง ซึ่งสวมเสื้อคลุมนภาอยู่
มือยักษ์พลิกฟ้าพลิกดิน กักเปลวไฟที่ระเบิดขึ้นในมุมหนึ่ง เพื่อไม่ให้ส่งผลอันตรายต่อบริเวณรอบๆ
เยี่ยนจ้าวเกอทำความเคารพหยวนเจิ้งเฟิงที่อยู่กลางอากาศ “ท่านอาจารย์ ดีที่ท่านมาทันเวลา”
หยวนเจิ้งเฟิงหัวเราะเสียงดัง “ไม่ ดีที่เจ้ามาต่างหาก มิเช่นนั้นต่อให้ข้ามาถึงก็คงไม่ทันกาล”
ชายหนุ่มมองทิศทางที่ซ่งอู๋เลี่ยงและอันชิงหลินตามราชันปีศาจอัคคีหายไป “อีกเดี๋ยวท่านจะไปแล้วหรือขอรับ”
หยวนเจิ้งเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ยังวางใจไม่ได้ ปีศาจอัคคีที่ทะเลชั้นนอกเหมือนจะรุกเข้ามาใกล้เมืองมหานทีแล้ว ข้าต้องรีบไปดู”
ฝ่ายเยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า ทางด้านเมืองมหานทีกลายเป็นสนามรบหลักแล้วจริงๆ
แต่เมื่อมีหยวนเจิ้งเฟิงที่นำเสื้อคลุมนภามาด้วย ซ่งอู๋เลี่ยงที่สู้ด้วยกระบี่สัตยาทะเลมรกต ผนวกกับหวงกวงเลี่ยที่ไปถึงที่นั่นแล้ว สมควรประคับประคองสถานการณ์ไว้ได้ อาจถึงขั้นพลิกเป็นฝ่ายโจมตีได้เช่นกัน
ถ้าหากปีศาจอัคคีไม่เพิ่มกำลังรบ พวกมันก็ยากจะชนะในสงครามนี้ได้
‘แต่ก็ควรค่าแก่การระวัง สงครามนี้โดยพื้นฐานต้องเป็นการรวมตัวกันของยอดฝีมือระดับสุดยอดทั้งหมดของมหาอำนาจแปดพิภพ ถึงจะยับยั้งการโจมตีของอีกฝ่ายได้’ เยี่ยนจ้าวเกอคิดในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี