เจ้าสำนักเมฆาโลหิต หลู่หมิงในตอนนี้มีอารมณ์ดุร้ายสุดขีด
ครั้งนี้สามสำนักยาตราทัพมาทางตะวันตก เป้าหมายที่สำคัญที่สุดก็คือสำนักเขามังกรเขียว หนึ่งในสี่สำนัก
นอกจากนี้แล้ว ยังมีสำนักกระเรียนหิมะที่ดูเหมือนอ่อนแอ แต่ความจริงมีพลังไม่ธรรมดาด้วย
นี่จึงเป็นเป้าหมายที่พวกผู้มีอำนาจแห่งสามสำนักเช่นพวกหลู่หมิงมุ่งหวัง
ในความคิดก่อนหน้านี้ของพวกหลู่หมิง เยี่ยนจ้าวเกอเป็นเพียงตัวแถม เทียบกันแล้ว พวกเขาต้องการปี่เซียะภูเขาที่ชายหนุ่มครอบครองอยู่มากกว่า
แต่ตอนนี้ ความจริงกลับฟาดใส่พวกหลู่หมิง จนพวกเขาไม่ได้สติอยู่ค่อนวัน
เทียบกับการได้รับความคุกคามถึงชีวิตในตอนนี้แล้ว ความต่างชั้นทางด้านจิตใจทำให้เหล่าผู้นำระดับสูงที่ปกครองโลกลอยน้ำเหล่านี้มิอาจรับไหว
กระบี่บึงมรกต อาวุธวิญญาณชั้นสูงในมือเยี่ยนจ้าวเกอกลายเป็นประกายสีมรกตดุจมังกร คำรามพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ
หลู่หมิงตั้งสติ เห็นเยี่ยนจ้าวเกอฟันกระบี่ใส่น้ำเต้าเมฆาโลหิตซึ่งเป็นของวิเศษของสำนัก และรีบส่งเสียงกู่ร้อง
เขาใช้ฝ่ามือตบใส่น้ำเต้าเมฆาโลหิต ปากน้ำเต้าพลันมีแสงสีเลือดสาดออกมา
หลู่หมิงกระอักเลือดคำหนึ่ง เลือดเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวกลางอากาศ ครอบคลุมน้ำเต้าเอาไว้
แสงสีเขียวกับแสงสีเลือดผสมกันและส่องแสงแวววาว กลายเป็นพายุหมุน ในพายุมีแรงดูอันแข็งแกร่งส่งออกมา
“อึก! อึก! อึก!”
พายุหมุนนี้ในตอนนี้คล้ายกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง อีกทั้งยังเป็นสัตว์ยักษ์ที่หิวโหย คิดจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่เบื้องหน้า
เสียงอึกๆ นั้นเหมือนกับเป็นเสียงที่ส่งออกมาจากในท้องของสัตว์ที่หิวโหย
ในขณะเดียวกัน ทั่วทั้งร่างของจอมยุทธ์สำนักเมฆาโลหิตปรากฏลายแสงละลานตาลอยขึ้นมาหลายสาย ก่อนจะเคลื่อนตัวไปมาบนผิวอย่างต่อเนื่อง โดยมีหลู่หมิงชายชราผมขาวเป็นผู้ชักนำ
ลายแสงส่องสว่าง แสงสีเขียวมากมายเกี่ยวกระหวัด จากนั้นก็กลายเป็นร่างแสงของนกสีเขียวขนาดยักษ์ตัวหนึ่งเหนือศีรษะ ตรงกลางเมฆสีเลือด และสยายปีกขึ้น!
เจ้าสำนักหลู่หมิงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเมฆาโลหิต เป็นผู้นำรวบรวมพลังของยอดฝีมือระดับสูงเกินกว่าครึ่งของสำนักเมฆาโลหิต ใช้กระบวนทัพที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งเป็นวิชาในสำนักเมฆาโลหิต ทัพพญาปักษาร่ำร้อง!
ร่างของพญาปักษาชิงเหนี่ยวส่งเสียงร้องไพเราะ สยายปีกทั้งสองข้างปกคลุมฟ้า ครอบคลุมแผ่นดิน แล้วพุ่งเข้าหาเยี่ยนจ้าวเกอ!
ขณะเดียวกัน ในเมฆดำที่อยู่ไกลออกไป ก็มีเสียงสายฟ้าคำรามดังขึ้น
เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอเหี้ยมหาญถึงเพียงนี้ เจ้าสำนักอัสนีคำรนก็ไม่สนอย่างอื่นอีก เขารีบนำจอมยุทธ์ของสำนักตัวเองโจมตีมาพร้อมกัน
แสงสายฟ้าหลายสายสว่างวาบ ร่างแสงของสัตว์ยักษ์ที่เหมือนกับราชสีห์และพ่นเมฆได้ ปรากฏตัวท่ามกลางเมฆสายฟ้า มองไปมีลักษณะเหมือนตัวซวนหนี[1]
สายเลือดราชสีห์วิเศษซวนหนีที่มีระดับสูงที่สุดของสำนักอัสนีคำรน แม้จะเป็นเลือดผสม แต่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ไม่ด้อยกว่าพญาปักษาชิงเหนี่ยวและอีกาอัคคีเลย
กระบวนทัพราชสีห์สายฟ้าคำรามเริ่มทำงาน สายฟ้าอันบ้าคลั่งพุ่งเฉียงๆ ใส่เยี่ยนจ้าวเกออย่างสับสน
แสงสายฟ้าคล้ายกับกลายเป็นกระแสน้ำสูงเทียมฟ้า
“ฟ้าร้องดัง ฝนตกปรอย[2]” เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นแค่นหัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่ง บนตัวพลันมีแสงสายฟ้าสีเงินยวงที่แปลกประหลาดสว่างวาบขึ้น
แสงสายฟ้าสีเงินยวงหายไปอย่างรวดเร็ว อึดใจต่อมา เงาสีดำสายหนึ่งก็ลอยออกมาครอบคลุมร่างแสงของราชสีห์วิเศษซวนหนีที่พุ่งเข้ามาหาตนไว้
เหล่าคนสำนักอัสนีคำรนพลันรู้สึกว่าเบื้องหน้ากลายเป็นสีดำสนิท
เสียงสายฟ้าที่ดังสนั่นแสบแก้วหูก่อนหน้านี้ กลับทุ้มต่ำลงในชั่วพริบตา แล้วกลายเป็นไร้สุ้มไร้เสียง
จากนั้น แสงสายฟ้าสีเงินยวงก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง ระเบิดร่างแสงของราชสีห์วิเศษซวนหนีเป็นผุยผง!
สายฟ้าอนธการ!
ศัตรูตกอยู่ในราตรีนิรันดร์อันมืดมิดและเงียบสงัด จนกระทั่งเสียงฟ้าร้องดังขึ้น สายฟ้าสายหนึ่งระเบิด จึงค่อยเห็นเดือนเห็นตะวัน
และในตอนที่เห็นแสงสว่างอีกครั้ง ก็เป็นเวลาสูญสิ้นของศัตรู!
หลังจากใช้สายฟ้าอนธการรับมือกับกระบวนทัพราชสีห์สายฟ้าคำรามแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ยิ้มขึ้น ประกายกระบี่หมุนเวียน คล้ายกับมังกรปรากฏตัว
มังกรลืมตา ส่งเสียงกู่ร้องชนิดที่สามารถทะลุก้อนเมฆ ทำลายศิลา
มังกรสะบัดตัว เปิดเกล็ดออก มังกรเขียวที่เกิดจากการประกายกระบี่ปล่อยลมปราณอันแข็งแกร่งแท้จริงออกมาสายหนึ่ง
ราวกับมังกรโบราณตัวจริงซึ่งตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล ระเบิดความโกรธชนิดทำลายฟ้าทำลายดินออกมาใส่คนที่บังอาจรบกวนตัวมัน
ฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือนเพราะเสียงคำรามของมัน!
ญาณจริงแท้ของเยี่ยนจ้าวเกอและประกายกระบี่บึงมรกต รวมกันอยู่ในกระบวนท่ากระบี่มังกรเขียวในแขนเสื้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี