ตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอประมือกับสำนักเมฆาโลหิต สำนักอัสนีคำรน และสำนักเพลิงโหมสามสำนัก คนจากสำนักเขามังกรเขียวก็มาถึงบริเวณใกล้ๆ
ขณะมองเมฆสีเลือด เมฆสายฟ้า และทะเลเพลิงที่อยู่ไกลออกไปกลายเป็นเส้นเดียวกัน คล้ายกับกระแสน้ำที่กลืนฟ้ากลืนดิน ทุกคนในสำนักเขามังกรเขียวก็รู้สึกเคร่งเครียดจนถึงขีดสุด
นี่เป็นพลังที่มากพอจะทำลายสำนักเขามังกรเขียว
เพียงมองพลังกระบวนทัพของอีกฝ่าย พวกหลัวจิ่งฮ่าวก็ทราบว่า วันนี้จะเป็นมหันตภัยครั้งร้ายแรงที่สุดตั้งแต่สำนักเขามังกรเขียวก่อตั้งสำนักมา!
หลัวจิ่งฮ่าวกำโซ่กระดูกมังกร ของวิเศษแห่งสำนักเขามังกรเขียวไว้ในมือแน่น ในใจเตรียมตัวตายในการต่อสู้แล้ว
พวกผู้อาวุโสฉีและผู้อาวุโสถงมีใบหน้าเคร่งขรึมเช่นกัน
ในตอนที่พวกเขาเต็มไปด้วยความเศร้าสลดนั่นเอง พวกเขาก็เห็นภาพที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้กระบี่กดดันจอมยุทธ์สำนักเพลิงโหม
ทุกคนในสำนักเขามังกรเขียวพลันเกิดความรู้สึกอึดอัด ไม่ดีไม่แย่ อยู่ในระดับครึ่งๆ กลางๆ
หลังจากรู้สึกได้ถึงลมปราณอันแข็งแกร่งที่มาจากมังกรแท้ ทุกคนในสำนักเขามังกรเขียวล้วนตกตะลึง
“มังกรแท้? สวรรค์ เป็นมังกรแท้!” ผู้อาวุโสถงส่งเสียงร้องอุทาน
ไม่มีคนเยาะเขาว่าเป็นกระต่ายตื่นตูม เนื่องจากด้านข้างเขา จอมยุทธ์สำนักเขามังกรเขียวทั้งหมดในตอนนี้ล้วนอ้าปากตาค้าง มองร่างแสงของมังกรน้ำแข็งหลายตัวที่วนเวียนอยู่รอบๆ เยี่ยนจ้าวเกอด้วยความตกใจ
เทียบกับสำนักเมฆาโลหิต สำนักอัสนีคำรน และสำนักเพลิงโหมแล้ว สำนักเขามังกรเขียวมีความรู้สึกต่อสายเลือดของมังกรแท้รุนแรงมากกว่า
ถึงแม้ว่าราชสีห์วิเศษซวนหนีเลือดผสม และอีกาอัคคีจะถูกสายเลือดของมังกรแท้สะกดข่มไว้ ไม่เหมือนกับพญาปักษาชิงเหนี่ยว แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน
สายเลือดสูงสุดที่จอมยุทธ์เขามังกรเขียวฝึกได้ ก็คือมังกรไร้เขาชิงชือ มิใช่เผ่าพันธุ์มังกรเลือดบริสุทธิ์
การเผชิญหน้ากับมังกรแท้เลือดบริสุทธิ์ในตอนนี้ พลันทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกอยากหมอบกราบกราน
ในอีกความหมายหนึ่ง เหมือนทายาทรุ่นหลังพบบรรพบุรุษ
ถ้าหากลูกหลานแข็งแกร่งสุดขีด และบรรพบุรุษอ่อนแอ ก็ยังพอทำเนา
ทว่าสายเลือดมังกรแท้เบื้องหน้ากลับแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แข็งแกร่งจนทำให้สายเลือดของมังกรไร้เขาชิงชือของพวกหลัวจิ่งฮ่าวไม่มีความกล้าแม้แต่น้อย
ถึงแม้จะเป็นเจ้าสำนักเขามังกรเขียวหลัวจิ่งฮ่าว ในตอนนี้ก็มิอาจใจเย็นได้ พึมพำกับตนเองไม่หยุด “สายเลือดมังกรแท้ สายเลือดมังกรแท้…”
เมื่อเห็นสำนักเพลิงโหมใช้งานกระบวนทัพอัคคีโหมทำลายปีศาจ พวกหลัวจิ่งฮ่าวที่จิตใจสั่นสะท้านเพราะสายเลือดของมังกรแท้ถึงได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึม ‘กระบวนทัพอัคคีโหมทำลายปีศาจ กระบวนทัพซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในปัจจุบันของโลกลอยน้ำ เหนือกว่ากระบวนทัพมังกรทะยานของสำนักเรา กระบวนทัพราชสีห์สายฟ้าคำรามของสำนักอัสนีคำรน และกระบวรทัพพญาปักษาร่ำร้องของสำนักเมฆาโลหิตเสียอีก
‘สำนักเราคิดจะต่อกรด้วย จำเป็นต้องยืมพลังของโซ่กระดูกมังกร…’
พวกหลัวจิ่งฮ่าวคิดถึงตรงนี้ ก็เห็นเยี่ยนจ้าวเกอชักกระบี่ออกจากฝัก ประกายกระบี่สว่างวาบ กดดันให้ฝูงอีกาอัคคีรีบร้อนถอยหลัง บินไปทั่วไม่ต่างกับไก่บินเตลิด สุนัขวิ่งพล่าน
“…” ทุกคนในสำนักเขามังกรเขียวเห็นดังนั้น ก็อดเงียบงันลงไม่ได้
กองทัพพันธมิตรสามสำนักในตอนนี้ได้ทราบถึงความแข็งแกร่งของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว จึงละทิ้งความคิดสู้ด้วยตัวเองทันที และเริ่มร่วมมือกันรุมโจมตีชายหนุ่ม!
พวกหลัวจิ่งฮ่าวมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา
เบื้องหน้าคือสถานการณ์ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นห่วงที่สุด
พลังที่เหมือนกับมหันตภัยจากการร่วมมือกันของสามสำนัก สามารถทำลายสิ่งที่ไม่มีที่พึ่งใดๆ ในโลกลอยน้ำได้อย่างไร้ข้อกังขา
เมื่อครู่นี้แม้เยี่ยนจ้าวเกอจะแสดงพลังอันน่าตื่นตระหนกให้เห็น แต่คิดเผชิญหน้ากับการร่วมมือของสามสำนัก เกรงว่าจะ…
พวกเขาเพิ่งจะคิดได้ถึงครึ่งหนึ่ง ก็เห็นแสงสายฟ้าสีเงินยวงอันแปลกประหลาดบนร่างเยี่ยนจ้าวเกอสว่างวาบขึ้น
จากนั้นเงามืดสายหนึ่งก็ลอยออกมากลืนกินร่างแสงของราชสีห์วิเศษซวนหนี ที่เกิดจากทัพราชสีห์สายฟ้าคำรามของสำนักอัสนีคำรนในชั่วพริบตา
เมื่อเผชิญกับกระบวรทัพพญาปักษาร่ำร้องของสำนักเมฆาโลหิต ประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอก็ฉีกกระชากพญาปักษาชิงเหนี่ยวเลือดผสมประดุจมังกรทะยาน
ประกายกระบี่รูปร่างมังกรที่ฉีกกระชากพญาปักษาชิงเหนี่ยว คล้ายกับยังไม่สาแก่ใจ ฟันใส่พายุหมุนที่น้ำเต้าเมฆาโลหิตของวิเศษแห่งสำนักเมฆาโลหิตพ่นออกมา
พายุหมุนระเบิดเป็นเสี่ยงแล้ว ทว่าประกายกระบี่ยังไม่หยุดลง พุ่งไปด้านหน้า ผ่าน้ำเต้าเมฆาโลหิตให้กลายเป็นสองซีก
พวกหลัวจิ่งฮ่าวเกือบจะกัดลิ้นตัวเอง
น้ำเต้าเมฆาโลหิตเป็นของวิเศษระดับสุดยอดของสำนักเมฆาโลหิต มันสำคัญต่อสำนักเมฆาโลหิต เฉกเช่นเดียวกับโซ่กระดูกมังกรสำคัญต่อสำนักเขามังกรเขียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี