เจ้าสำนักอัสนีคำรนตอนนี้คิดพุ่งไปด้านล่าง เอาศีรษะชนใส่พื้นให้ตาย
ขณะมองของล้ำค่าของตนถูกเยี่ยนจ้าวเกอเก็บอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ เจ้าสำนักอัสนีคำรนแทบจะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ศิลาจารึกนั้นมีชื่อว่าจารึกซ่อนอัสนี เป็นของวิเศษคุ้มครองสำนักอัสนีคำรน
ศิลาซ่อนอัสนีนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นของวิเศษที่ยิ่งใหญ่ทั้งสาม เคียงคู่กับโซ่กระดูกมังกรและน้ำเต้าเมฆาโลหิต
ก่อนหน้านี้ไม่นาน เจ้าสำนักอัสนีคำรนพลันพบว่า ในศิลาซ่อนอัสนีซึ่งเป็นของล้ำค่าที่บรรพบุรุษของตนมอบไว้ให้ ถึงกับซ่อนพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าไว้ด้วย
แต่เวลาสั้นเกินไป เจ้าสำนักอัสนีคำรนยังไม่ได้ทำความเข้าใจของวิเศษที่ซ่อนอยู่ในจารึกซ่อนอัสนีอย่างทะลุปรุโปร่ง
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนจ้าวเกอกดดันจนสิ้นหนทาง เขาก็ตัดสินใจเสี่ยงโจมตี
แต่เขาคิดไม่ถึงแม้แต่น้อย ว่าของวิเศษของตัวเองกลับสวามิภักดิ์ต่อศัตรูในชั่วพริบตา
ของวิเศษที่ตนหลอมอย่างระมัดระวังและพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะกลัวว่าหากไม่ระวังจะสูญเสียการควบคุมจนบ้าคลั่งขึ้นมา ตอนนี้กลับถูกเยี่ยนจ้าวเกอเก็บไปในชั่วอึดใจเดียว ง่ายดายราวกับรับประทานข้าวเข้าปากอย่างไรอย่างนั้น
นี่จะไม่ทำให้เจ้าสำนักอัสนีคำรนคับข้องใจจนอยากจะกระอักเลือดได้อย่างไร
เมื่อเทียบกันแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเบิกบานยิ่งนัก
‘ก่อนหน้านี้เพียงมีความรู้สึกรางๆ หากไม่ทำลายศิลาจารึกก็ไม่กล้ายืนยัน คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่มีเศษชิ้นส่วนดวงตาของราชันสายฟ้าด้วย อีกทั้่งยังมาหาข้าด้วยตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายจริงๆ’
ในดวงตาข้างขวาของเยี่ยนจ้าวเกอกะพริบอย่างต่อเนื่อง
เศษชิ้นส่วนดวงตาของราชันสายฟ้าชิ้นใหม่ที่เพิ่งได้มา รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเศษชิ้นส่วนที่ตนเองมีอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เขาจำเป็นต้องหลอมรวมใหม่
แต่ว่าเนื่องจากมีเศษชิ้นส่วนก่อนหน้าวางรากฐานไว้แล้ว บวกกับพลังฝึกปรือในตอนนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ จึงกลายเป็นเรื่องง่าย และไม่ต้องเปลืองเวลามากนัก
เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้รู้สึกยินดีจริงๆ ‘เมื่อมีของสิ่งนี้ การได้มายังโลกลอยน้ำในครั้งนี้ก็ไม่ถือว่าเสียเที่ยวแล้ว’
คนในสำนักเมฆาโลหิต สำนักอัสนีคำรน และสำนักเพลิงโหมรู้สึกได้ถึงความกลัวอันไร้สิ้นสุด
ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้ยังมีความรู้สึกอื่น เช่น ความโกรธ ความดื้อดึง ความละโมบ ความไม่พอใจ และการไม่ยอมรับล่ะก็…
เช่นนั้นในตอนนี้ พวกหลู่หมิงก็มีแค่ความรู้สึกเดียว
หวาดกลัว
ความกลัวที่ทำให้หัวใจชาหนึบ
ขณะที่เห็นท่าไม้ตายสุดท้ายของเจ้าสำนักอัสนีคำรนถูกเยี่ยนจ้าวเกอทำลายอย่างง่ายดาย พวกเจ้าสำนักเมฆาโลหิตหลู่หมิงยังพอเหลือพลังให้ขยับได้ รีบหมุนกายหนีทันที
…คนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง จนไม่มีเรี่ยวแรงขยับเขยื้อน ในตอนนี้ต่างไม่ทราบว่าจะเอาแรงจากที่ไหนมาดิ้นรนหนีเอาชีวิตรอด
จอมยุทธ์บนโลกลอยน้ำส่วนใหญ่ต่างทราบถึงอานุภาพของศิลาซ่อนอัสนี เหมือนที่สามสำนักหวั่นเกรงน้ำเต้าเมฆาโลหิตของสำนักเมฆาโลหิต
ถ้าหากมีโอกาสช่วงชิงหรือทำลายศิลาซ่อนอัสนีทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นสำนักเมฆาโลหิต หรือว่าสำนักเขามังกรเขียว ล้วนลงมืออย่างไม่ลังเล
เมื่อครู่นี้หลังจากที่เจ้าสำนักอัสนีคำรนได้ทำลายจารึกซ่อนอัสนีแล้ว พลังของไข่มุกสีม่วงที่อยู่ด้านในก็ถูกกระตุ้นขึ้นโดยสมบูรณ์ ทุกคนที่อยู่บริเวณรอบๆ ล้วนรู้สึกได้ว่าสภาวะพลังอันน่ากลัวของมันเหนือกว่าจารึกซ่อนอัสนีเสียอีก
กระนั้น ของวิเศษชิ้นนี้กลับถูกเยี่ยนจ้าวเกอที่ยิ้มอย่างเรียบเฉย เก็บเข้าตัวไปอย่างง่ายดาย ท่าทีของเขาดูผ่อนคลายกว่าตอนบดขยี้กระบวนทัพอัคคีโหมทำลายปีศาจ และน้ำเต้าเมฆาโลหิตเสียอีก
นี่จะไม่ทำให้พวกหลู่หมิงรู้สึกสั่นกลัว มิอาจขยับร่างกายได้อย่างไร?
เนื่องจากพวกเขาไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อน
ก่อนหน้านี้ที่ประเทศฟู่หราน พวกเขามองพลังของพวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่ออก คิดว่ามังกรแท้เป็นเพียงงูธรรมดา
แต่ว่าตอนนี้ พวกเขาคล้ายกับยังคงมองพลังที่แท้จริงของชายหนุ่มไม่ออก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี