ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 444

เจ้าสำนักอัสนีคำรนตอนนี้คิดพุ่งไปด้านล่าง เอาศีรษะชนใส่พื้นให้ตาย

ขณะมองของล้ำค่าของตนถูกเยี่ยนจ้าวเกอเก็บอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ เจ้าสำนักอัสนีคำรนแทบจะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง

ศิลาจารึกนั้นมีชื่อว่าจารึกซ่อนอัสนี เป็นของวิเศษคุ้มครองสำนักอัสนีคำรน

ศิลาซ่อนอัสนีนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นของวิเศษที่ยิ่งใหญ่ทั้งสาม เคียงคู่กับโซ่กระดูกมังกรและน้ำเต้าเมฆาโลหิต

ก่อนหน้านี้ไม่นาน เจ้าสำนักอัสนีคำรนพลันพบว่า ในศิลาซ่อนอัสนีซึ่งเป็นของล้ำค่าที่บรรพบุรุษของตนมอบไว้ให้ ถึงกับซ่อนพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าไว้ด้วย

แต่เวลาสั้นเกินไป เจ้าสำนักอัสนีคำรนยังไม่ได้ทำความเข้าใจของวิเศษที่ซ่อนอยู่ในจารึกซ่อนอัสนีอย่างทะลุปรุโปร่ง

เมื่อเห็นว่าเยี่ยนจ้าวเกอกดดันจนสิ้นหนทาง เขาก็ตัดสินใจเสี่ยงโจมตี

แต่เขาคิดไม่ถึงแม้แต่น้อย ว่าของวิเศษของตัวเองกลับสวามิภักดิ์ต่อศัตรูในชั่วพริบตา

ของวิเศษที่ตนหลอมอย่างระมัดระวังและพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะกลัวว่าหากไม่ระวังจะสูญเสียการควบคุมจนบ้าคลั่งขึ้นมา ตอนนี้กลับถูกเยี่ยนจ้าวเกอเก็บไปในชั่วอึดใจเดียว ง่ายดายราวกับรับประทานข้าวเข้าปากอย่างไรอย่างนั้น

นี่จะไม่ทำให้เจ้าสำนักอัสนีคำรนคับข้องใจจนอยากจะกระอักเลือดได้อย่างไร

เมื่อเทียบกันแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกเบิกบานยิ่งนัก

‘ก่อนหน้านี้เพียงมีความรู้สึกรางๆ หากไม่ทำลายศิลาจารึกก็ไม่กล้ายืนยัน คิดไม่ถึงเลยว่าที่นี่มีเศษชิ้นส่วนดวงตาของราชันสายฟ้าด้วย อีกทั้่งยังมาหาข้าด้วยตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายจริงๆ’

ในดวงตาข้างขวาของเยี่ยนจ้าวเกอกะพริบอย่างต่อเนื่อง

เศษชิ้นส่วนดวงตาของราชันสายฟ้าชิ้นใหม่ที่เพิ่งได้มา รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเศษชิ้นส่วนที่ตนเองมีอยู่ก่อนแล้ว ทำให้เขาจำเป็นต้องหลอมรวมใหม่

แต่ว่าเนื่องจากมีเศษชิ้นส่วนก่อนหน้าวางรากฐานไว้แล้ว บวกกับพลังฝึกปรือในตอนนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ จึงกลายเป็นเรื่องง่าย และไม่ต้องเปลืองเวลามากนัก

เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้รู้สึกยินดีจริงๆ ‘เมื่อมีของสิ่งนี้ การได้มายังโลกลอยน้ำในครั้งนี้ก็ไม่ถือว่าเสียเที่ยวแล้ว’

คนในสำนักเมฆาโลหิต สำนักอัสนีคำรน และสำนักเพลิงโหมรู้สึกได้ถึงความกลัวอันไร้สิ้นสุด

ถ้าหากบอกว่าก่อนหน้านี้ยังมีความรู้สึกอื่น เช่น ความโกรธ ความดื้อดึง ความละโมบ ความไม่พอใจ และการไม่ยอมรับล่ะก็…

เช่นนั้นในตอนนี้ พวกหลู่หมิงก็มีแค่ความรู้สึกเดียว

หวาดกลัว

ความกลัวที่ทำให้หัวใจชาหนึบ

ขณะที่เห็นท่าไม้ตายสุดท้ายของเจ้าสำนักอัสนีคำรนถูกเยี่ยนจ้าวเกอทำลายอย่างง่ายดาย พวกเจ้าสำนักเมฆาโลหิตหลู่หมิงยังพอเหลือพลังให้ขยับได้ รีบหมุนกายหนีทันที

…คนที่ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง จนไม่มีเรี่ยวแรงขยับเขยื้อน ในตอนนี้ต่างไม่ทราบว่าจะเอาแรงจากที่ไหนมาดิ้นรนหนีเอาชีวิตรอด

จอมยุทธ์บนโลกลอยน้ำส่วนใหญ่ต่างทราบถึงอานุภาพของศิลาซ่อนอัสนี เหมือนที่สามสำนักหวั่นเกรงน้ำเต้าเมฆาโลหิตของสำนักเมฆาโลหิต

ถ้าหากมีโอกาสช่วงชิงหรือทำลายศิลาซ่อนอัสนีทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นสำนักเมฆาโลหิต หรือว่าสำนักเขามังกรเขียว ล้วนลงมืออย่างไม่ลังเล

เมื่อครู่นี้หลังจากที่เจ้าสำนักอัสนีคำรนได้ทำลายจารึกซ่อนอัสนีแล้ว พลังของไข่มุกสีม่วงที่อยู่ด้านในก็ถูกกระตุ้นขึ้นโดยสมบูรณ์ ทุกคนที่อยู่บริเวณรอบๆ ล้วนรู้สึกได้ว่าสภาวะพลังอันน่ากลัวของมันเหนือกว่าจารึกซ่อนอัสนีเสียอีก

กระนั้น ของวิเศษชิ้นนี้กลับถูกเยี่ยนจ้าวเกอที่ยิ้มอย่างเรียบเฉย เก็บเข้าตัวไปอย่างง่ายดาย ท่าทีของเขาดูผ่อนคลายกว่าตอนบดขยี้กระบวนทัพอัคคีโหมทำลายปีศาจ และน้ำเต้าเมฆาโลหิตเสียอีก

นี่จะไม่ทำให้พวกหลู่หมิงรู้สึกสั่นกลัว มิอาจขยับร่างกายได้อย่างไร?

เนื่องจากพวกเขาไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อน

ก่อนหน้านี้ที่ประเทศฟู่หราน พวกเขามองพลังของพวกเยี่ยนจ้าวเกอไม่ออก คิดว่ามังกรแท้เป็นเพียงงูธรรมดา

แต่ว่าตอนนี้ พวกเขาคล้ายกับยังคงมองพลังที่แท้จริงของชายหนุ่มไม่ออก

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกสบายอารมณ์เล็กน้อย หลังจากสังหารเจ้าสำนักเพลิงโหมเสร็จ สายตาพลันหันมาทางคนของสำนักเขามังกรเขียว แล้วกล่าวอย่างไม่สนใจ “จอมยุทธ์ของสำนักเพลิงโหมที่เหลือให้พวกท่านจัดการ น่าจะไม่มีปัญหากระมัง”

พวกหลัวจิ่งฮั่นเผลอยืดหลังขึ้นตรง ตอบอย่างสั่นสะท้าน “ไม่มีปัญหา!”

ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็เก็บเสาระเบียงวังเทพ ร่างวูบไหวหายไปจากที่เดิม ไล่ตามจอมยุทธ์สำนักเมฆาโลหิตและสำนักอัสนีคำรนไปประดุจสายฟ้าแลบ

ความเร็วนั้นทำให้คนในสำนักเขามังกรเขียวไม่สงสัยแม้แต่น้อย เขาจะต้องไล่ทันพวกหลู่หมิงที่หนีไปอย่างแน่นอน

เยี่ยนจ้าวเกอหายไปแล้ว จิตใจที่เขม็งเกร็งของสำนักเขามังกรเขียวค่อยๆ ผ่อนคลายลง

ทุกคนมองหน้ากันเอง เสมือนติดอยู่ในความฝัน

ครั้นคิดถึงว่าก่อนหน้านี้พวกตนคิดหาวิธีรีดเค้นเลือดของปี่เซียะภูเขาที่เยี่ยนจ้าวเกอครอบครองอยู่ และยังคิดว่าชายหนุ่มยืมพลังของสำนักเขามังกรเขียวมาข่มขวัญสำนักเมฆาโลหิต เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายไล่ตาม พวกหลัวจิ่งฮั่นพลันหลั่งเหงื่อโทรมกาย อยากจะขุดหลุมฝังตัวเอง

ในวินาทีนี้ ทุกคนต่างรู้สึกโชคดี ที่ไม่ได้เผยความคิดแบบนั้นต่อหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ ยังพอมีโอกาสให้เยียวยาได้

ครั้นคิดถึงตรงนี้ ทุกคนพลันหมุนกายไปมองซูอวิ๋นที่เดินนวยนาดเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน

เจ้าสำนักกระเรียนหิมะคล้ายไม่กังวลเลย ว่านายน้อยของตนจะรับมือกับสถานการณ์เมื่อครู่ได้หรือไม่

ครั้งนี้พอเห็นซูอวิ๋น พวกหลัวจิ่งฮ่าวรู้สึกร้อนและเจ็บแสบไปทั้งใบหน้า

แต่ว่าพวกเขาในตอนนี้ กลับต้องบากหน้าไปแก้ความเข้าใจผิดตอนอยู่ที่สำนักก่อนหน้านี้กับซูอวิ๋น

กระอักกระอ่วนก็ส่วนกระอักกระอ่วน คนของสำนักเขามังกรเขียวทั้งหมดในตอนนี้ไม่เคยรู้สึกโชคดีที่เจ้าสำนักของตนตัดสินใจให้บุตรชายเกี่ยวดองกับสำนักนี้ถึงขนาดนี้มาก่อน

คนที่เคยเคยคัดค้านเรื่องการแต่งงาน ตอนนี้เงยหน้าถอนใจ ‘เจ้าสำนักเฉลียวฉลาดยิ่ง!’

ซูอวิ๋นเผชิญหน้ากับคนในสำนักเขามังกรเขียวที่เปลี่ยนจากอวดดีมาเป็นนบน้อมด้วยสีหน้าสงบ เอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “นี่คือวิธีการพักผ่อนของนายน้อย นายน้อยกล่าวว่า เทียบกับเรื่องในปัจจุบัน การเร่งเดินทางและการเข้าร่วมงานเลี้ยงยังเหนื่อยยิ่งกว่าอีก”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี