ทางหนึ่งจัดการจอมยุทธ์สำนักเพลิงโหมที่มาข่มเหงถึงสำนัก ทางหนึ่งยิ้มให้กับซูอวิ๋นอย่างกระอักกระอ่วน สำนักเขามังกรเขียวทั้งปวดใจทั้งมีความสุข
มิอาจโทษที่พวกเขาทำตัวไม่มีเกียรติ บารมีในการกวาดล้างสามสำนักด้วยตัวคนเดียวของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้สำนักเขามังกรเขียวรู้ดีว่า ทั้งสองฝ่ายมิได้อยู่ในระดับเดียวกัน
การยอมทำตัวดีๆ ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่เกี่ยวกับที่ทำตัวไร้เกียรติ
…อย่างน้อยคนในสำนักเขามังกรเขียวก็ปลอบตนเองเช่นนี้
ผู้อื่นเชื่อหรือไม่ก็ไม่รู้ พวกเขาเชื่อก็พอ อีกทั้งยังเชื่ออย่างไร้ข้อกังขาด้วย
ส่วนสำนักเมฆาโลหิตกับสำนักอัสนีคำรน ตอนนี้เพียงแค่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดเท่านั้น
ถึงแม้ว่าอยากจะกระทืบคนในสำนักเมฆาโลหิตสักครั้ง แต่ว่าตอนนี้ทั้งสองประสบชะตากรรมเดียวกัน เหมือนตั๊กแตนที่ถูกผูกอยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน ทุกคนในสำนักอัสนีคำรนได้แต่สะกดความเคียดแค้นในใจ
ทั้งสองฝ่ายแยกกันหนี สำนักอัสนีคำรนคิดว่า ถ้าหากเยี่ยนจ้าวเกอคิดไล่ตาม ก็น่าจะไล่ตามคนของสำนักเมฆาโลหิตมากกว่า
ถึงอย่างไรเยี่ยนจ้าวเกอก็มีแค้นเก่ากับสำนักเมฆาโลหิตอยู่ก่อน การเดินทัพมายังแดนตะวันตก สำนักเมฆาโลหิตเป็นตัวตั้งตัวตี เป็นตัวการของเรื่องในวันนี้
สำนักเมฆาโลหิตก็คิดเช่นเดียวกัน แต่พวกเขาไม่อาจหนีไปที่ถิ่นของสำนักอัสนีคำรนได้ การหนีกลับไปพึ่งพลังของพญาปักษาชิงเหนี่ยว เป็นความหวังสุดท้ายของพวกเขา ถึงแม้จะไม่มีคนคิดว่าพญาปักษาชิงเหนี่ยวจะสามารถหยุดเยี่ยนจ้าวเกอได้ก็ตาม หลังจากได้เห็นพลังของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว แต่สุดท้ายแล้วอย่างไรมันก็เป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย ทำให้พวกหลู่หมิงที่สิ้นหวังกัดฟันไปต่อ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องอกแตกในทันทีแน่
ที่ด้านหลัง ประกายกระบี่สายหนึ่งสว่างขึ้นที่ขอบฟ้าทางด้านตะวันตก และไล่ตามมาถึงเกือบจะในชั่วพริบตาเดียว
เสียงร้องของมันกรอันยิ่งใหญ่ทำให้จอมยุทธ์สำนักเมฆาโลหิตและสำนักอัสนีคำรนขวัญหนีดีฝ่อ เหมือนการอัญเชิญวิญญาณร้ายของพญายมอย่างไรอย่างนั้น
เจ้าสำนักอัสนีคำรนหันหน้าไปมอง เห็นประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอหักเลี้ยวครั้งหนึ่ง ไล่ตามคนของสำนักเมฆาโลหิตไปจริงๆ
แต่ไม่รอให้ทุกคนในสำอัสนีคำรนถอนใจ ปราณกระบี่และประกายดาบก็พุ่งขึ้นมาที่เบื้องหน้า สวีเฟย อาหู่ เฟิงอวิ๋นเซิง และอิงหลงถูขวางอยู่ด้านหน้าพวกเขา
สวีเฟยหันไปมองเฟิงอวิ๋นเซิงและอิงหลงถู “นี่เพื่อให้เจ้าทำความเข้าใจกับวรยุทธ์ของตัวเอง ให้ประมาณพลังของตัวเองก่อนใช้ด้วย”
เฟิงอวิ๋นเซิงกับอิงหลงถูพยักหน้าพร้อมกัน อาหู่หัวเราะเหอะๆ ด้วยรอยยิ้ม “ถูกคุณชายเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บทั้งกองทัพ ก่อเรื่องอันใดไม่ได้แล้ว”
เจ้าสำนักอัสนีคำรนโกรธจนหนวดตั้ง จอมยุทธ์สำนักอัสนีคำรนเดือดดาลอย่างระงับไม่อยู่
ถูกเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงาน พ่ายแพ้ชนิดสูญเสียทั้งหมวกเกราะและเสื้อเกราะ[1] ต้องหนีหัวซุกหัวซุนก็อนาถมากพอแล้ว หรือว่าจอมยุทธ์ฝึกลมปราณจะทำอะไรในโลกลอยน้ำก็ได้?
ทุกคนในสำนักอัสนีคำรนที่ไม่เชื่อพุ่งไปด้านหน้า จากนั้นก็พบอย่างรวดเร็วว่า ไม่เชื่อไม่ได้จริงๆ!
บางทีพวกเฟิงอวิ๋นเซิงและสวีเฟยอาจจะไม่ได้มีพลังแข็งแกร่ง และมีของวิเศษอยู่เต็มตัวเท่าเยี่ยนจ้าวเกอ
แต่หลังจากประมือกันแล้ว จอมยุทธ์เลือดปีศาจบนโลกลอยน้ำทุกคนก็พบว่า ที่พวกสวีเฟยกับอาหู่ลงมือตอนอยู่ ณ เมืองสินธุเสถียรของประเทศฟู่หราน ก็ไม่ได้เอาจริงเช่นกัน
จอมยุทธ์อัสนีคำรนที่จนมุมอีกครั้งพลันรู้สึกเคียดแค้นสำนักเมฆาโลหิตมากกว่าเดิม
สำหรับจอมยุทธ์สำนักเมฆาโลหิตที่ต้องเจอกับการไล่ล่าของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว สำนักอัสนีคำรนรู้สึกลิงโลด เพราะอุปสรรคไม่ได้น่าอึดอัดเช่นก่อนหน้าแล้ว
ส่วนจอมยุทธ์ในสำนักเมฆาโลหิตทุกคนย่อมหมดอาลัยตายอยาก
ในตอนนี้เอง เสียงร้องอันไพเราะของนกพลันดังขึ้นบนเส้นทางด้านหน้าจอมยุทธ์สำนักเมฆาโลหิต
เมื่อได้ยินเสียงร้องของพญาปักษาที่คุ้นเคย พวกหลู่หมิงนอกจากจะรู้สึกยินดีแล้ว จิตใจยังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วย
ไกลออกไป ร่างแสงสีเขียวสายหนึ่งพุ่งขึ้นข้างบนแล้วสยายปีก ยิ่งใหญ่กว่าพลังที่พวกหลู่หมิงตั้งพระบวนทัพพญาปักษาร่ำร้องก่อนหน้านัก
ปีกของพญาปักษาชิงเหนี่ยวคล้ายเหยียดเข้าไปในอากาศ ขณะที่กระพือก็ทำให้ฟ้าดินเกิดความแปรปรวนไปด้วย
ด้านล่างพญาปักษาชิงเหนี่ยว มีบุรุษวัยกลางคนสวมชุดบัณฑิตยืนอยู่ ดวงตาของเขากลายเป็นสีเขียว บนร่างส่องประกายแสงหลายสาย
หนึ่งในสามยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุด และมีพลังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกลอยน้ำ อัจฉริยะแห่งสำนักเมฆาโลหิตในอดีต ‘ปีศาจปักษา’ ในปัจจุบัน เซ่าเฟิงถิง
เซ่าเฟิงถิงมองหลู่หมิงอย่างสงบ “ศิษย์พี่เอ๋ย ตั้งแต่เกิดมา เพิ่งจะเคยเห็นท่านลำบากถึงเพียงนี้เป็นครั้งแรก”
หลู่หมิงมีสีหน้าบิดเบี้ยวยิ่ง พวกตนตอนนี้ได้รับบาดเจ็บหนัก จะเป็นคู่ต่อสู้ของปีศาจปักษา หนึ่งในสามปีศาจได้อย่างไร
เซ่าเฟิงถิงขมวดคิ้ว ก่อนจะโบกฝ่ามือครั้งหนึ่ง พญาปักษาชิงเหนี่ยวยกปีกขึ้นป้องกันประกายกระบี่
“กลับไปบอกกระเรียนหยกว่า ข้าต้องการคนของสำนักเมฆาโลหิต นางไม่จำเป็นต้องกังวลว่าข้าจะปล่อยพวกหลู่หมิงไป” เซ่าเฟิงถิงกล่าวอย่างเรียบเฉย “เรื่องของสำนักเพลิงโหมกับสำนักอัสนีคำรน ข้าจะไม่สอดมือ…”
เสียงยังไม่ทันจะขาดลง ท้องฟ้าพลันเกิดเสียงครืนครานดังสนั่น!
ไข่มุกสีม่วงขนาดยักษ์กำลังลอยอยู่เหนืออากาศ
สายฟ้าไร้สิ้นสุดผ่าลงมา!
ทั่วบริเวณถูกปกคลุมอยู่ในทะเลสายฟ้าโดยสิ้นเชิง
สายฟ้าเพียงผ่าลงในชั่วอึดใจ
สีหน้าและฝ่ามือของเซ่าเฟิงถิงชะงักค้าง ใบหน้าสบายอารมณ์ยังไม่ทันสลาย กำลังจะเปลี่ยนเป็นตกตะลึง ก็ถูกสายฟ้ากลืนกินพร้อมกับร่างแสงของพญาปักษาชิงเหนี่ยวที่อยู่เหนือศีรษะ!
เสียงสายฟ้าอันน่าสะพรึงดังขึ้นแค่ชั่วอึดใจ จากนั้นก็หายไปในพริบตา
แต่ว่าทั่วบริเวณยังคงมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังสับสน งูสายฟ้าหลายสายเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด และไม่ยอมสลาย
พวกหลู่หมิงซึ่งอยู่ในบริเวณนี้ รู้สึกทั่วทั้งร่างมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน มิอาจขยับได้เพราะอาการชา
พวกเขาอ้าปากตาค้าง เห็น ‘ปีศาจปักษา’ เซ่าเฟิงถิงที่ก่อนหน้ายังโอ้อวด ในตอนนี้หายไปแล้ว คล้ายกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
แต่กลิ่นอายเลือดที่กระจัดกระจายและกลิ่นความตายหลังจากชีวิตได้ดับสิ้นลงบอกถึงเรื่องหนึ่ง
เซ่าเฟิงถิง หนึ่งในสามปีศาจที่ยิ่งใหญ่ ผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งโลกลอยน้ำ ถูกฟ้าผ่าตายในครั้งเดียว!
……………………………………….
[1] สูญเสียทั้งหมวกเกราะและเสื้อเกราะ หมายถึง พ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี