เยี่ยนจ้าวเกอมองเฟิงอวิ๋นเซิงด้วยความงงงวยเล็กน้อย
เขาตั้งสติ ถามด้วยรอยยิ้ม ‘เหตุใดจึงมีความคิดเช่นนี้ ทุกคนใช้สองไหล่ประคองศีรษะไว้หนึ่งข้างเหมือนกัน มีอะไรไม่เหมือนหรือ’
เฟิงอวิ๋นเซิงส่ายหน้าเล็กน้อย ในเมื่อพูดถึงแล้ว ก็ไม่อมพะนำไว้อีก ‘ข้าเพียงแค่รู้สึกเช่นนี้เท่านั้น ความรู้สึกอาจจะไม่ถูกก็ได้’
‘ที่ข้าบอกว่าไม่เหมือนกัน เพราะตอนที่รู้สึก ในใจของศิษย์พี่เยี่ยนท่านคล้ายกับกำลังพิจารณาเรื่องที่ผู้อื่นไม่มีทางเข้าใจอยู่’
นางมองเยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ กระซิบว่า ‘และบางครั้ง ขณะที่ข้ามองศิษย์พี่เยี่ยนอยู่ในกลุ่มคน กลับมีความรู้สึกเหมือนท่านยืนอยู่เพียงลำพัง’
‘ท่านในตอนนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกเดียวดายยิ่ง’
รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอมิได้จางลง ‘เป็นเพียงแค่ความรู้สึกเท่านั้นหรือ’
เฟิงอวิ๋นเซิงตอบ ‘ความจริงในหลายปีมานี้ ความรู้สึกเช่นนี้ปรากฏขึ้นน้อยแล้ว เพียงแต่ตอนที่ท่านมองแม่นางเหอแห่งสำนักเมฆาโลหิตเมื่อครู่ ทำให้ข้ามีความรู้สึกเช่นนี้อีกครั้ง’
‘ก่อนหน้านี้ ตอนที่รุนแรงที่สุด คือตอนที่ท่านจัดการสายแร่เหล็กไหลที่ภูเขานิมิตเมฆในภูผาพิภพ’
เฟิงอวิ๋นเซิงเงยหน้าเล็กน้อย ดูเหม่ออยู่บ้าง ‘จะบรรยายอย่างไรดี? ท่านคล้ายกับมีความสุขมาก แต่ความสุขนี้มีเพียงแต่ท่านเท่านั้นที่เข้าใจว่าคืออะไร ตนเองเพียงรู้สึกเป็นสุข แต่ว่าในขณะที่มีความสุข ความรู้สึกโดดเดี่ยวกับความรู้สึกแตกต่างจากคนอื่น ก็รุนแรงเป็นพิเศษ’
‘ไม่มีคนเข้าใจความคิดของท่าน ท่านคล้ายไม่เหมือนกับผู้อื่น’
เยี่ยนจ้าวเกอยังคงยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบทันที
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง จึงค่อยตอบด้วยรอยยิ้ม ‘เป็นเพราะว่าในตอนนั้นข้าพูดคำพูดแปลกๆ เกี่ยวกับคนที่ชื่อจ้าวฮ่าวหรือ อย่าใส่ใจเลย ใครก็มีเวลาฟุ้งซ่านทั้งสิ้น เจ้าเองก็รู้ บางครั้งคนอย่างข้าก็มีเวลาที่ไม่จริงจังอยู่บ้าง’
เฟิงอวิ๋นเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ ครู่ต่อมาค่อยยิ้มอย่างเฉิดฉัน ‘อืม จริงด้วย บางทีคนที่ฟุ้งซ่านน่าจะเป็นข้า’
ชายหนุ่มยิ้มพร้อมกับละสายตาไป
เขาใช้นิ้วเคาะกับผิวโตะเบาๆ ดวงตามองด้านหน้า แต่สายตาไม่ได้จับอยู่ที่สิ่งใด เหมือนรู้สึกนิ่งอึ้งอยู่บ้าง
เฟิงอวิ๋นเซิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ พลันรู้ว่าในตอนนี้ ความรู้สึกเดียวดายและแปลกแยกบนตัวเยี่ยนจ้าวเกอรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
รุนแรงจนทำให้นางที่มองอยู่รู้สึกปวดใจ
หญิงสาวตกใจโดยพลัน
เยี่ยนจ้าวเกอรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจากตัวเฟิงอวิ๋นเซิงที่อยู่ด้านข้าง จึงหันหน้ามาอีกครั้ง
นางมองใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอ อารมณ์ค่อยๆ สงบลง สัมผัสกับสายตาที่เคร่งขรึมของชายหนุ่ม เกิดความรู้สึกขึ้นในใจ
บุรุษตรงหน้ามิได้อ่อนแอ และไม่ได้ต้องการความสงสารจากคนอื่น
ความคิดฟุ้งซ่านที่ทำให้คนอื่นยากบรรยาย เหมือนกับเป็นวิธีการผ่อนคลายในการกำกับตัวเองวิธีหนึ่ง
คิดถึงตรงนี้ เฟิงอวิ๋นก็ยิมพลางมองเยี่ยนจ้าวเกอ นางไม่ได้พูดอะไร เพียงสบสายตาพิจารณาของอีกฝ่าย “เกิดอะไรขึ้นหรือ รอบนี้เปลี่ยนเป็นหน้าข้ามีสิ่งใด”
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า จากนั้นก็หันกลับมาใหม่
ครั้งนี้เยี่ยนจ้าวเกอไม่เหม่ออีก สายตากระจ่างใสและมุ่งมั่น เขาลุกขึ้นยืน พลางกล่าวว่า “พวกเราอยู่ในโลกลอยน้ำมานานพอแล้ว โชคดีที่มีเบาะแสของกระจกกลมอีกครึ่งบานที่เหลือแล้ว”
“รู้ว่ากระจกครึ่งอีกครึ่งบานอยู่ที่ไหนแล้วหรือ” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี