จางเหยาเล่าว่า “มงกุฏแห่งจันทราที่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ดูแลอยู่ ออกจากสำนักมุ่งหน้าสู่วารีพิภพ โดยมีเมิ่งหว่านเป็นผู้ใช้งาน เจ้าสำนักเขาไร้พรมแดน ผู้ใช้เหยี่ยวแห่งบรรพตเหนือ ฉู่เหยียนก็นำขวานจามสวรรค์ออกสำนักเช่นกัน”
พอพูดว่าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์นำมงกุฎแห่งจันทรามุ่งหน้าสู่เมืองทะเลมรกต จางเหยาก็ถอนใจครั้งหนึ่ง
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าเป็นปกติ ถามว่า “แล้วก็?”
“อีกอย่าง” จางเหยากระตือรือร้นขึ้นมา “เจ้าสำนักเยี่ยน บิดาของท่านต่อสู้กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีดำ ผู้อาวุโสเฉิน ที่จุดตัดของวารีพิภพและอัสนีพิภพ”
“บิดาท่านไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีความได้เปรียบด้านชัยภูมิ อาศัยเพียงพลังฝึกปรือของตัวเอง ปะทะกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีดำซึ่งอยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งๆ หน้าด้วยระดับมหาปรมาจารย์ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีดำเห็นวารีพิภพอยู่เบื้องหน้า แต่มิอาจรุกคืบได้แม้แต่ก้าวเดียว!”
อาหู่ได้ยินดังนั้น พลันยิ้มตาหยี หัวเราะร่า
ใบหน้าของเฟิงอวิ๋นเซิงและอิงหลงถู ปรากฏความชมเชย
เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ตกใจ เพียงถามด้วยรอยยิ้ม “ผลลัพธ์สุดท้ายเล่า?”
ความตื่นเต้นบนใบหน้าของจางเหยาสลายไป สายตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน ยังไม่ทันได้ตัดสินแพ้ชนะ เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันก็ได้ขัดการต่อสู้ครั้งนี้”
นางถอนใจยาว ดวงตาทั้งสองข้างปรากฏความกริ่งเกรงมากมาย “ไม่ใช่แค่การต่อสู้ระหว่างบิดาท่านกับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สายฟ้าสีดำเท่านั้น ทางด้านอื่น การต่อสู้ระหว่างผู้อาวุโสปราชญ์เทียมฟ้าและจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือนจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกขัดเช่นกัน
“การคุมเชิงระหว่างมงกุฏแห่งจันทราและขวานจามสวรรค์ ได้แต่ต้องประกาศการยุติ”
ชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็หยีตาเล็กน้อย
จางเหยากล่าวด้วยเสียงทุ้ม “ทางปฐพีพิภพเกิดเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง จึงส่งกระทบไปทั่วปฐพีพิภพ และอาณาเขตของพิภพอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ”
“ว่ากันว่า มีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวส่งออกมาจากปฐพีพิภพ อีกทั้งยังมีเสียงโหยหวนที่สั่นสะท้านจิตวิญญาณด้วย”
ขณะที่จางเหยาเล่า ดวงตาก็ปรากฏความหวาดกลัวอย่างล้ำลึก “คนที่อยู่ในปฐพีพิภพในตอนนั้น นอกจากปราชญ์เทียมฟ้าจากสำนักท่าน กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ตะวันเยือน ทุกคนล้วนตายในทันที!”
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่บัดนี้พวกเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่ชำแรกสู่จิตใจ
ปฐพีพิภพมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล แทบจะใหญ่โตเท่ากับนภาพิภพที่เขากว่างเฉิงปกครองอยู่
ถึงแม้ว่าปฐพีพิภพจะเป็นหนึ่งในแดนอันตรายทั้งหกของโลกแปดพิภพมาโดยตลอด แต่ว่าด้านในมีของล้ำค่ามากมาย ซึ่งหาที่อื่นไม่พบ
ดังนั้นจึงมักจะมีคนเสี่ยงอันตรายเข้าไป ในจำนวนนี้ย่อมมีจอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างสูงอยู่ด้วย
แต่เมื่อเกิดคลื่นมรสุมจู่โจมมา คนที่อยู่ด้านในก็คล้ายกับเรือในมหาสมุทร เจอคลื่นยักษ์ที่พัดไปทั่วท้องทะเลในฉับพลันกลบฝังในชั่วพริบตา
ในจำนวนคนเหล่านี้ จะมากจะน้อยก็มีจอมยุทธ์จากแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกอยู่ด้วย
ภาพอันน่าพรั่นพรึงนี้ เพียงแค่คิด ก็ทำให้ทุกคนสั่นระริกด้วยความกลัวแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว “ถึงแม้ว่าอาจารย์ปู่ของข้ากับหวงกวงเลี่ยแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ จะเปิดสงครามบนปฐพีพิภพ แต่ทั้งสองสมควรลดผลกระทบที่จะเกิดกับปฐพีพิภพ ไม่น่าจะอาละวาดหนักขนาดนี้ถึงจะถูก”
จางเหยาตอบ “ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสหยวนและผู้อาวุโสหวงระมัดระวังแล้ว การเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันของปฐพีพิภพมิใช่ฝีมือของท่านทั้งสอง”
เด็กสาวเม้มปาก “เดิมทีท่านผู้คุมหอเข้าฌานเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บมาโดยตลอด แต่ก็ยังถูกรบกวน นางบอกว่าการเปลี่ยนแปลงของปฐพีพิภพในครั้งนี้ รุนแรงกว่าความปั่นป่วนจากบึงไร้ขอบเขตก่อนหน้า มีความเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับนพยมโลก!”
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ รู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย “จากนั้นเล่า?”
สีหน้าของจางเหยาผ่อนคลายลงหลายส่วน “การเปลี่ยนแปลงของปฐพีพิภพ และการสร้างความปั่นป่วนจากนพยมโลก ทำให้ทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้และคุมเชิงกันต้องวางมือชั่วคราว และเดินทางไปปฐพีพิภพเพื่อจัดการด้วยกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี