คนที่มีระดับต่ำกว่ามหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณ ห้ามเข้าปฐพีพิภพโดยเด็ดขาด
ข้อห้ามนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่คงอยู่สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอทะลุหมอกสีดำอันแผ่ไพศาลตามคำบอกทาง ครั้นปรากฏตัวเบื้องหน้าหยวนเจิ้งเฟิงและฟางจุ่น คนทั้งสองเห็นเขามากลับรู้สึกไม่อยู่เหนือความคาดหมาย
หยวนเจิ้งเฟิงพยักหน้าเล็กน้อย “จ้าวเกอกลับมาจากบึงทะเลมายาแล้วหรือ”
ชายหนุ่มเห็นคนทั้งสองก็คารวะ ก่อนจะเห็นทั่วร่างของของฟางจุ่นมีปราณพิสุทธ์วนเวียนสั่นไหว เกี่ยวกระหวัดกับปราณสีดำหลายสายด้านในเหวลึกเบื้องล่าง ครอบคลุมคนเอาไว้ด้านในเหมือนกรง
เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอ ฟางจุ่นก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มบาง แต่ไม่ได้เอ่ยปาก สมาธิของเขาอยู่บนหมอกสีดำที่หมุนเวียนอยู่เบื้องหน้า
สามารถบอกได้ว่า ไม่ใช่แค่เขากว่างเฉิงเท่านั้น ในระดับหนึ่ง ปัจจุบันทั่วทั้งโลกแปดพิภพ ฟางจุ่นเป็นคนที่รู้จักปฐพีพิภพล้ำลึกที่สุดนอกจากเยี่ยนจ้าวเกอ
เยี่ยนจ้าวเกอรู้จักนพยมโลก จากคัมภีร์ในวังเทพที่สร้างขึ้นก่อนมหาภัยพิบัติ
หลังจากมหาภัยพิบัติ สถานการณ์อย่างเป็นรูปธรรมของนพยมโลกและปฐพีพิภพ ในด้านรายละเอียดบางประการ ฟางจุ่นที่เคยล้วงลึกเข้าไปในอเวจีเพื่อสำรวจสถานที่ของจริง รู้สึกคุ้นเคยยิ่งกว่าเยี่ยนจ้าวเกอเสียอีก
ชายหนุ่มสัมผัสกับหมอกสีดำนั้นอย่างละเอียด ค่อยๆ มั่นใจมากขึ้น ‘ที่นี่มีพลังชั่วร้ายที่เป็นอันตรายยิ่งกว่าพลังชั่วร้ายจากคำสาป ด้านในมีกลิ่นอายมารจากนพยมโลกแทรกอยู่ สั่นสะท้านจิตใจ และล่อลวงคนให้กลายเป็นมาร’
‘เคล็ดวิชาเหวเวหาทวนกระแสสามารถจัดการกับความอันตรายของพลังชั่วร้ายจากคำสาปได้ แต่มิอาจจัดการพลังชั่วร้ายจากนพยมโลกที่รุนแรงกว่าได้’
เขาตั้งใจมอง เห็นส่วนลึกของหมอกสีดำมีแสงสีทองอ่อนส่องออกมาอย่างเลือนราง
แสงสว่างริบหรี่ปรากฏให้เห็นวับแวม น่าจะถูกฝังอยู่ในส่วนลึกสุดของเหวลึก
ภายใต้หมอกสีดำที่วนเป็นเกลียว แสงสีทองนั้นถึงแม้จะริบหรี่ แต่ก็มิได้อ่อนแรงมาก เยี่ยนจ้าวเกอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่อยู่ข้างใน ซึ่งแตกต่างกับสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายที่อยู่โดยรอบอย่างสิ้นเชิง
ลักษณะนั้นเหมือนกับถึงแม้ดวงอาทิตย์จะถูกเมฆดำบดบัง แต่ก็ยังคงมีแสงหลายสายทะลุชั้นเมฆสาดใส่ผืนดิน
‘เป็นผนึกแบบใดกันแน่?’
เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น เขาพลันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คิดเชื่อมโยงถึงสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก่อนเป็นอันดับแรก
แต่ว่าตอนที่ปฐพีพิภพเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นอเวจี สำนักสุรยันศักดิ์สิทธิ์ยังมิได้พัฒนาถึงระดับขั้นในตอนนี้
ผนึกในปฐพีพิภพที่ไม่ทราบว่าถูกใคร หรือพลังใดสร้างขึ้น กลับอยู่ในนี้ตั้งแต่ต้นแล้ว
อีกทั้งตามการประเมินของเยี่ยนจ้าวเกอ มันยังแตกต่างกับผนึกก่อนหน้าของตนที่ไม่ให้ประตูนพยมโลกเข้ามาก็ได้ บางทีส่วนลึกของปฐพีพิภพอาจจะเปิดเป็นเส้นทางที่เชื่อมไปยังยมโลกสายหนึ่งมาตั้งนานแล้วก็ได้ เพียงแต่ถูกคนอุดเอาไว้ด้วยความสามารถระดับสุดยอด
ความสามารถเช่นนี้ มิใช่เรื่องที่ยอดฝีมือในอดีตของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะทำได้
เขารู้สึกได้อย่างละเอียดว่าลักษณะของพลังที่แฝงอยู่ในแสงสีทองนั้น แตกต่างกับวรยุทธ์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่สัมผัสได้บ่อยๆ
‘แต่ว่า ก็มีความรู้สึกคุ้นเคยอยู่ด้วย’ ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอเคร่งขรึมเล็กน้อย ‘ดูเหมือนก่อนหน้านี้จะเคยสัมผัสได้ที่ไหนมาก่อน’
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอก็มองไปยังหยวนเจิ้งเฟิง “อาจารย์ปู่ สถานการณ์ของที่นี่ตอนนี้ค่อยๆ สงบลงแล้ว ในตอนที่รุนแรงที่สุดก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”
หยวนเจิ้งเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “พลังชั่วร้ายพุ่งขึ้นท้องฟ้า ล่อลวงจิตใจคน ไม่เหมือนกับการทรมานให้ตายโดยใช้การล่อลวงจิตใจเหมือนนพยมโลกในอดีต สถานการณ์ในตอนนั้นคล้ายลากคนเข้าไปอยู่ในเหวลึกที่มิอาจถอนตัวได้”
“ไม่ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ ก็ล้วนคล้ายกับถูกคนกัดกร่อนจิตใจ และทำลายความเป็นมนุษย์”
สำหรับเรื่องของมารดาตนเอง หยวนเจิ้งเฟิงเป็นคนที่ทราบรายละเอียดเพียงไม่กี่คน เยี่ยนจ้าวเกอไม่จำเป็นต้องปิดบัง
หยวนเจิ้งเฟิงตั้งใจฟังจบ อดจุ๊ปากชมเชยไม่ได้ “โลกซ้อนโลก โลกลอยน้ำ โลกผืนสมุทร จอมยุทธ์เลือดปีศาจ”
พอทราบเรื่องของสวีเฟยและสือจวิน สายตาของหยวนเจิ้งเฟิงก็ปรากฏความกังวลเล็กน้อย “หวังว่าฟ้าจะช่วยดูแลคนดีอย่างพวกเขา”
เยี่ยนจ้าวเกอมองหยวนเจิ้งเฟิงที่ในตอนนี้เหมือนกับชายชราทั่วไป รู้สึกคิดถึงสวีเฟยและสือจวินขึ้นมา ในใจอดเกิดความเศร้าไม่ได้
หยวนเจิ้งเฟิงสลัดความคิด มองเยี่ยนจ้าวเกอ ปลอบประโลมว่า “เด็กน้อยชูฉิงผู้นั้น ข้ายังจำได้ดี ถึงเรื่องปกติจะดูเลอะเลือนไปบ้าง ไม่ละเอียดเหมือนสตรีทั่วไป แต่ก็เป็นคนมีความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง”
“ถึงแม้ว่าจะหานางไม่เจอในโลกลอยน้ำ แต่เจ้าไม่ต้องเศร้าใจไป ในอนาคตจะต้องมีวันได้พบกันแน่”
ชายหนุ่มพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม หยวนเจิ้งเฟิงเงยหน้าเล็กน้อย ก่อนจะ “โลกผืนสมุทรกับโลกลอยน้ำยังพอทำเนา ตามที่ท่านพูด โลกซ้อนโลกที่ชูฉิงพูดถึงในข้อความดูไม่ธรรมดาจริงๆ ถึงแม้คำพูดจะน้อยนิดดุจมองเห็นลายเสือจุดเดียวผ่านกระบอกไม้ไผ่ แต่ก็ทำให้รู้สึกว่าเกิดเส้นทางใหม่ขึ้น”
เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ข้าก็รู้สึกเหมือนกัน”
หยวนเจิ้งเฟิงกล่าวหลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง “เจ้ากลับสำนักเถอะ ตอนนี้บิดาเจ้าคอยดูแลสำนักอยู่ เจ้ากลับไปสงบจิตสงบใจเสียก่อน หากที่นี่มีการเปลี่ยนแปลง ข้าจะแจ้งพวกเจ้าเอง”
การเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของปฐพีพิภพ จำเป็นต้องให้หยวนเจิ้งเฟิงที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์คอยดูแล
เยี่ยนจ้าวเกอมีความคิดมากมายในใจต้องจัดระเบียบ การเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงของปฐพีพิภพ ก็สมควรเตรียมตัวไว้บ้าง
หลังจากบอกลาหยวนเจิ้งเฟิงและฟางจุ่น เยี่ยนจ้าวเกอก็กลับเขากว่าเฉิงที่นภาพิภพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี