เฉินลี่หนีไปแล้ว เป้าหมายของมือมารขนาดยักษ์สองข้างนั้นจึงเป็นหยวนเจิ้งเฟิง
โซ่สีดำหลายเส้นบนมือมารสีม่วงพุ่งออกมาจากใต้ผิวหนังไม่ขาดสาย
โซ่ตัดสลับกันเหมือนกับแหฟ้าตาข่ายดิน ครอบคลุมเข้าหาร่างของหยวนเจิ้งเฟิงเอาไว้
วิญญาณร้ายจากนพยมโลกที่เหมือนกับหมอกดำรอบๆ คลุ่มคลั่งมากขึ้น พากันวนรอบหยวนเจิ้งเฟิง ประกอบกันเป็นพายุขนาดยักษ์ คิดกลืนกินเขา
“ศิษย์น้องเซี่ย ศิษย์น้องหลี่!” หยวนเจิ้งเฟิงสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ในแววงตาของเขาปรากฏความเจ็บปวด พลางมองผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงที่เข้ามายังปฐพีพิภพ แต่สุดท้ายก็ต้องตกตายเพราะอุ้งมือมารร้ายสีดำ เขาคิดจะช่วยเหลือ แต่กลับถูกศัตรูขัดขวางไว้ ตนเองยังเอาตัวแทบไม่รอด
ยอดฝีมือด้านวรยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่เข้าสู่ปฐพีพิภพต่างเสียชีวิตเกือบหมดสิ้น
ด้วยเหตุนี้ ในเหวลึกจึงเหลือแต่พวกมารร้ายเท่านั้น
“ท่านอาจารย์ระวัง” เหนือดวงอาทิตย์สีทองก็คือฟางจุ่น ที่ทั่วทั้งร่างมีแสงสีทองและแสงสีดำพันอยู่ เป็นจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่โชคดีรอดชีวิตมาได้นอกจากหยวนเจิ้งเฟิง
เขาถูกพลังของวิญญาณร้ายจากนพยมโลกและดวงอาทิตย์สีทองเบื้องล่างตรึงเอาไว้ จนมิอาจขยับเขยื้อนร่างกายได้
แต่ว่าในตอนนี้ ด้านหลังของเขามีร่างหนึ่งถือกระบี่ยืนอยู่ ประกายกระบี่คล้ายกับไร้ขอบเขต แผ่ขยายไปถึงที่ใดล้วนยิ่งใหญ่ดุจท้องฟ้าและหนักแน่นเหมือนกับผืนดิน
หลังจากผ่านการฝึกฝนอันยาวนาน และการศึกษาจิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในเจดีย์สีแดงที่เยี่ยนจ้าวเกอได้มาจากทะเลตะวันออก ในปัจจุบันฟางจุ่นก้าวข้ามพันธนาการในอดีตได้สำเร็จ บรรลุระดับพลังฝึกปรือเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมแล้ว
และด้วยเหตุนี้เอง เมื่อเขาล้วงลึกเข้าสู่ด้านในปฐพีพิภพเพื่อคอยสังเกตการณ์และสะกดผนึก แม้จะถูกพลังของผนึกและวิญญาณร้ายจากยมโลกตรึงไว้ แต่ก็ยังคงทนได้
เพียงแต่ในตอนนี้ขณะที่มารร้ายคิดจะทำลายผนึก สถานการณ์ของฟางจุ่นจึงมีความอันตรายมากกว่าเดิม
ถึงแม้ร่างนภาไร้ขอบเขตอันเป็นร่างวิญญาณวรยุทธ์สูงใหญ่ด้านหลังจะยังคงยืนตระหง่าน แต่บนร่างกายของเขากลับพันไว้ด้วยโซ่สีดำหลายเส้น
พลังของผนึกอ่อนแอลง ทั้งสองฝายที่ตรึงกำลังคานกำลังกันอยู่เสียสมดุล ฟางจุ่นที่เผชิญหน้ากับการจู่โจมจากพลังมารได้รับแรงกดดันมหาศาล
เมื่อเห็นหยวนเจิ้งเฟิงเสี่ยงชีวิต ในดวงตาของฟางจุ่นก็ปรากฏความกังวลขึ้นรางๆ
เขาพลันหลับตา สงบจิตใจ ขับเคลื่อนญาณจริงแท้ทั่วร่างให้รวมตัวกัน คล้ายกับกำลังบ่มเพาะและรออะไรบางอย่าง
วิญญาณร้ายจากนพยมโลกยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง ทว่าพลังของผนึกยิ่งมายิ่งอ่อนแอ
ตอนที่ธารแสงสีทองบนร่างฟางจุ่นน้อยลงจนหายไป เหลือเพียงแต่ธารแสงสีดำ เขาก็พลันลืมตาขึ้น
ขณะป้องกันการโจมตีจากมือมาร หยวนเจิ้งเฟิงรู้สึกได้ก็หันไปมอง เห็นลูกศิษย์ของตัวเองมีดวงตาดุจดาวกระจ่างฟ้า ในดวงตาที่แวววาวทั้งสงบ แน่วแน่ เย็นเยียบ และส่องสว่าง
หลังจากดวงตาของฟางจุ่นสัมผัสได้ถึงสายตาของหยวนเจิ้งเฟิง เขาก็ยิ้มเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ ศิษย์ไร้ความสามารถ ในอดีตเคยบุ่มบ่ามไม่สนใจผลลัพธ์ สุดท้ายก่อให้เกิดหายนะขึ้น”
“ถึงแม้ว่าซินตงผิงจะเป็นคนสร้างบึงไร้ขอบเขตขึ้น แต่ก็มีสาเหตุมาจากข้า”
“เป็นเพราะข้า จึงก่อให้เกิดหายนะติดต่อกัน ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์ร่วมสำนักมากมายต้องเสียชีวิต”
“ปัจจุบันผนึกในปฐพีพิภพผ่านการกัดกร่อนมาอย่างยาวนาน จึงค่อยๆ พังทลายลง ทำให้มารร้ายจากนพยมโลกที่แท้จริงต้องการออกมา โชคดีที่วันนี้การศึกษาปฐพีพิภพและนพยมโลกในอดีตของข้าได้แสดงประโยชน์ด้านบวก หยุดการมาถึงของนพยมโลก”
“ชีวิตคนมากมายถึงเพียงนั้น ข้ามิอาจชดใช้ได้ เพียงแต่หวังว่าจะชดเชยความผิดในอดีตของตัวเองได้สักเล็กน้อย”
ขณะที่พูด ร่างนภาไร้ขอบเขตเหนือศีรษะของฟางจุ่นก็กลายเป็นแสงวิญญาณ และหายเข้าไปในร่างของเขา
ธารแสงสีดำที่ไหลเวียนอยู่บนร่างนภาไร้ขอบเขต เปลี่ยนมาวนเวียนอยู่บนร่างของฟางจุ่น
ฟางจุ่นมีสีหน้าซีดขาวขึ้นหลายส่วน แต่ดวงตายังคงกระจ่างใส
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี