ไม่ใช่แค่เขาหงส์วิเศษกับสำนักมังกรโลหิตเท่านั้น ในตอนนี้ยอดฝีมือระดับสูงจากสำนักอื่นต่างก็มองไปที่เฉินอิ๋ง
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงพลังอำนาจออกมาอย่างชัดแจ้ง แต่ครั้นถูกยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์จำนวนมากมองเช่นนี้ แรงกกดดันที่เกิดขึ้นก็มากพอจะทำให้จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์ผู้หนึ่งต้องกลั้นหายใจ
เฉินอิ๋งในตอนนี้เหมือนเรือแจวที่อยู่ท่ามกลางห่าฝนพายุคลั่ง ดูบอบบางเป็นอย่างยิ่ง
ริมฝีปากของนางสั่นไหว เงยหน้ามองรอบๆ สิ่งที่เห็นคือสายตาที่เป็นห่วงและกระวนกระวายของผู้อาวุโสในสำนัก
ไม่รอนางตอบ ครั้งนี้สวีเฟยพลันส่งเสียงถามขึ้น “ขอถามว่าแม่นางเฉิน ตอนนี้ร่างกายยังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่”
อาจารย์ของเฉินอิ๋งถามขึ้นอย่างขุ่นเคือง “ใต้เท้าหมายความว่าอย่างไร?”
สวีเฟยกล่าวอย่างเรียบเฉย “ข้าไม่คิดจะล่วงเกินศิษย์ของท่าน เพียงแต่จอมยุทธ์อย่างข้าปรับลมปราณหยินหยางให้สมดุลกัน สตรียังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่ ผ่านเรื่องราวชายหญิงมาหรือไม่ ล้วนมีผลกระทบต่อการไหลเวียนของเส้นลมปราณหยินหยางในร่าง อีกทั้งผลกระทบยังไม่อาจทำให้กลับสู่สภาพเดิมได้”
คนในสำนักมังกรโลหิตจิตใจสั่นสะท้านพร้อมกัน รู้ว่าสวีเฟยคิดพูดอะไร
เขามองสือจวิน จากนั้นก็มองเฉินอิ๋ง “ถ้าหากศิษย์ข้าเป็นคนที่กระทำเรื่องชั่วร้าย ลักพาตัวและสังหารคนเพื่อเรื่องชู้สาว ทั้งสองคนหายไปด้วยกันนานถึงเพียงนี้ มีเวลามากพอให้ทำเรื่องมากมาย”
“แต่ตามที่ข้าสังเกตดูจากภายนอก แม่นางเฉินยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์ แน่นอนว่าการมองของข้าอาจจะไม่ถูกต้อง แต่ขอแค่ดูการเคลื่อนไหวของเส้นลมปราณในร่างก็ใช้ได้แล้ว”
สวีเฟยกับเฉินอิ๋งมีพลังฝึกปรือห่างกันเกินไป ถ้าหากเขาต้องการ ทิศทางการเคลื่อนไหวของเส้นลมปราณ และการเปลี่ยนแปลงของหยินและหยางในร่างนี้ เขาแค่มองเพียงแวบเดียวก็ทราบแล้ว
แต่ว่าสวีเฟยมิได้ทำ เพียงกวาดมองรอบๆ “ยอดฝีมือผู้สูงส่งจากแต่ละสำนักที่อยู่รอบๆ มีสตรีอยู่ด้วย สามารถขอให้พวกนางช่วยตรวจสอบ เช่นนี้จะยุติธรรมมากกว่า”
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสงบนิ่ง ครั้งนี้ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงมองคนของสำนักมังกรโลหิต ‘อย่าเล่นตุกติก ทุกคนกำลังมองอยู่’
คนที่มีพลังฝึกปรือเหนือกว่าเฉินอิ๋งใช้ปราณจิตราญาณจริงแท้ของตนใส่เข้าไปในร่างของนาง สามารถเปลี่ยนแปลงความสมดุลในการไหลเวียงระหว่างลมปราณหยินหยางในร่างได้ชั่วคราว
แต่ว่าเพราะเหนียนเชินไม่อยู่ จอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิตที่อยู่รอบๆ จึงไม่มีใครมีความสามารถปิดบังหูตาของคนจำนวนมาก
อาจารย์ของเฉินอิ๋งขมวดคิ้ว ความจริงแล้วเมื่อเฉินอิ๋งกลับมาข้างกาย นางก็ได้ตรวจสอบคร่าวๆ แล้ว ยืนยันว่าศิษย์ของนางยังคงบริสุทธิ์
นางระบายลมหายใจเงียบๆ ในตอนนี้กลับเป็นเพราะคำพูดของสวีเฟย จิตใจจึงตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
สวีเฟยเอ่ยว่า “อย่าว่าแต่ถูกพวกท่านตามล่าจนไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน หากศิษย์ข้าเป็นคนโหดร้ายจริงๆ ลักพาคนคิดประพฤติชั่ว ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ ยิ่งสะกิดความดุร้ายขึ้นมาโดยง่าย”
เขามองสือจวิน “อีกฝ่ายไล่ตามเจ้าจนไม่ได้พักหายใจใช่หรือไม่”
“ก่อนไปถึงมิติต่างแดนมิได้ตึงเครียดมาก เพียงคิดหาเส้นทางออกจากทะเลตาข่ายดาวโดยเร็ว พอไปถึงใกล้มิติต่างแดน จึงถูกคนของสำนักมังกรโลหิตพบโดยไม่ทันระวัง” สือจวินตอบ
สวีเฟยมองรอบๆ “ดังนั้น หากคิดจะทำอะไรจริงๆ สิ่งที่มีคือโอกาสและเวลา”
คนของสำนักใหญ่ต่างกวาดสายตามองเฉินอิ๋ง
คนในสำนักมังกรโลหิตคิดห้ามปราม แต่ไม่มีอำนาจพอ มีคนคิดลงมือแต่ถูกคนจับตามอง จนไม่อาจลงมือได้
หลังจากทุกคนมองเสร็จ คนของวังผลึกวารีก็พูดขึ้นก่อน “ยังบริสุทธิ์อยู่จริงๆ”
คนของสำนักคืนวิญญาณพยักหน้าตาม
คนของบึงหมื่นกระบี่ สำนักพายุโหม และเกาะจิตประสานมองหน้ากันเอง ไม่ได้พูดอะไร
ครั้งนี้ ผู้อาวุโสของสำนักมังกรโลหิตคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย “บางทีโจรน้อยผู้นี้ตั้งใจแต่ทำไม่ได้มากกว่ากระมัง?”
ทุกคนงงงัน ผู้อาวุโสสำนักมังกรโลหิตคนนั้นกล่าวต่อ “ในจักรวาลเต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับมากมาย ข้าเคยได้ยินมาว่า มีตัวตนที่ไม่อาจพูดภาษาคนแต่ดุร้ายเป็นพิเศษ ชอบเด็ดบุปผาอย่างอำมหิต”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี