มงกุฎจันทราและการทดสอบแห่งจันทรา
หลังจากที่เฟิงอวิ๋นเซิงกราบเข้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ในตอนที่ยังเป็นเด็ก ชีวิตของนางก็มีความหมายแตกต่างไปจากเดิมเพราะเรื่องนี้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การชิงมงกุฎจันทรากลายเป็นเป้าหมายในชีวิตของเฟิงอวิ๋นเซิง และเป็นจุดสูงสุดที่ต้องไปให้ถึง
ถ้าเป็นเพียงแค่นี้ เช่นนั้นบางทีอาจไม่ต้องสลักไว้ในกระดูกหรือหัวใจขนาดนี้
แต่ว่าคนที่เคยผ่านการสูญเสีย เผชิญกับความล้มเลวครั้งแล้วครั้งเล่า จะมีความรู้สึกล้ำลึกกว่าเดิม
เฟิงอวิ๋นเซิงก็เป็นเช่นนี้ ในอดีตนางเป็นสตรีจันทราที่เหนือกว่าเมิ่งหวาน ความหวังในการช่วงชิงมงกุฎจันทราของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เดิมทีก็ฝากฝังไว้กับนาง
แต่เพราะเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทำให้พลังแห่งจันทราในร่างของนางเกือบจะแห้งเหือด สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จำเป็นต้องให้เมิ่งหวานมาแทนที่
ในการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่หนึ่ง เมิ่งหวานที่ยังเด็กได้ต่อสู้กับเฉินซู่ถิงแห่งเมืองทะเลมรกต สุดท้ายขาดพลังอีกนิดเดียวจะชนะได้
ในตอนนั้นเฟิงอวิ๋นเซิงได้หลบหนีจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อมีคนในสำนักพูดถึงเรื่องนี้ก็ยังคงรู้สึกเสียดาย คิดเพียงว่าถ้าหากไม่เกิดอะไรขึ้นกับเฟิงอวิ๋นเซิง การทดสอบแห่งจันทราครั้งแรก มงกุฎจันทราจะต้องเป็นของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และไม่พ่ายแพ้อย่างน่าหวาดเสียวเช่นนี้
แต่สำหรับเฟิงอวิ๋นเซิงแล้ว พลังแห่งจันทราแห้งเหือด อีกทั้งยังถูกขับไล่เพราะทำร้ายเซียวเซิง ชีวิตที่เคยมีแต่แสงสว่างร่วงจากที่สูงไปยังก้นเหวในพริบตา
หลายปีมานี้บางครั้งเฟิงอวิ๋นเซิงก็คิดว่า ถ้าหากไม่มีอุบัติเหตุในครั้งนั้น ชีวิตของตนจะเป็นอย่างไร
บางทีอาจจะไปถึงเป้าหมายสำเร็จตั้งแต่แรก ยืนบนจุดสูงสุดจุดนั้น โดยสวมมงกุฎจันทราไว้บนศีรษะ อยู่เหนือกว่าเฟิงมู่เกอ ลูกศิษย์ของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์
แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงจะไม่มีเฟิงอวิ๋นเซิงลูกศิษย์ของเขากว่างเฉิงในตอนนี้
และระหว่างตนกับเยี่ยนจ้าวเกอจะมีความสัมพันธ์อย่างไร
นิสัยของตนแข็งกระด้างและตรงไปตรงมายิ่งกว่าเมิ่งหวาน อาจจะเกิดความขัดแย้งกับเขาอย่างรุนแรงก็ได้กระมัง?
ขณะที่คิด เฟิงอวิ๋นเซิงอดยิ้มขึ้นไม่ได้ คล้ายกับเห็นเยี่ยนจ้าวเกอกะพริบตาให้นางปริบๆ ‘เด็กน้อยระวังไว้เถอะ คนอย่างข้าใจแคบ ศัตรูของข้าไม่มีจุดจบอันดี’
“ใช่แล้วๆ ข้ารู้ดี” เฟิงอวิ๋นเซิงพึมพำกับตัวเอง “ข้ายังรู้ด้วยว่าท่านเก่งกาจมาก มักทำให้คนตกใจ สามารถทำสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้
“ดังนั้นครั้งนี้ท่านก็จะกลับมาอย่างปลอดภัยใช่หรือไม่?”
“ท่านกลับมาแล้ว แต่ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพื่อวางแผนเตรียมจะทำให้ทุกคนตกใจอีกครั้งใช่หรือไม่?”
ในห้วงสมองของเฟิงอวิ๋นเซิงปรากฏร่างของเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นคนที่ดูเหมือนไม่จริงจังผู้นี้ช่วยให้นางยืนขึ้นมาจากก้นเหว และมีโอกาสพุ่งสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง
ความจริงแล้ว ต่อให้พลังแห่งจันทราแห้งเหือดไป อาศัยพรสวรรค์ทางด้านวรยุทธ์ของเฟิงอวิ๋นเซิง วันหน้านางจะต้องอยู่สูงแน่นอน
แต่ว่าการได้ของที่ตนเคยทนุถนอมแต่เสียไปกลับมาใหม่ ความรู้สึกที่ได้เห็นดวงตะวันอีกครั้งหลังจากความมืดหายไปก็น่าซาบซึ้งเป็นพิเศษจริงๆ
แต่ว่าตอนนี้กลับไม่รู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอไปที่ไหน เป็นตายอย่างไรก็ไม่ทราบ
เฟิงอวิ๋นเซิงรู้สึกว่าตั้งแต่ตนเกิดมา หลายวันมานี้เป็นช่วงที่นางเป็นทุกข์ที่สุด
นางพลันคิดถึงคำพูดที่ฟูเอินซูผู้เป็นอาจารย์เคยพูดไว้ในอดีตอย่างไม่รู้สึกตัว
‘ตอนที่อยู่ด้วยกัน ยินดีที่จะอยู่กับอีกฝ่าย และเอาแต่คิดถึงอีกฝ่าย นี่ถือว่าปกติ’
‘แต่ถ้าหากยามใดพวกเจ้าแยกกันไป เจ้ากลับยังคงคิดถึงเขา ในตอนนั้นเจ้าจำเป็นต้องระวังให้ดี’
เฟิงอวิ๋นเซิงถอนใจเบาๆ เสียงหนึ่ง
ตอนนี้ตนมิได้มีปัญหาที่คิดถึงแต่คนผู้นั้นตลอดเวลาแล้ว
ก่อนหน้านี้แม้จะไม่เคยอำลากัน แต่ก็ไม่เหมือนกับครั้งนี้ ไม่มีข่าวคราวโดยสิ้นเชิง เป็นตายไม่ทราบ ทำให้ผู้คนไม่เห็นความหวัง ได้แต่ปลอบตัวเองอยู่ในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี