หวงเซินเก็บไข่มุกมองฟ้า นั่งขัดสมาธิ สองมือวางไว้บนเข่า “บึงน้ำไร้ขอบเขตเกิดปัญหาขึ้นครั้งหนึ่ง ทะเลตะวันออกเกิดสองครั้ง ที่ปฐพีพิภพอีกหนึ่งครั้ง เขากว่างเฉิงในตอนนี้มีอัจฉริยะเหลืออยู่น้อยนิด ฉางเจิ้นทำเพื่อตัวเองได้อย่างอิสระ และเป็นการช่วยพวกเรา”
หวงซวี่เอ่ย “จากปัญหาในครั้งนี้ ทุกฝ่ายสูญเสียอย่างหนัก”
เจ็ดสุริยันของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์รุ่นปัจจุบันเสียชีวิตแทบหมดสิ้น ต้องเปลี่ยนคนทั้งหมด ต่อให้คนที่จะส่งไปเสริมก็มีคนที่ตายไปด้วยเช่นกัน
หวงเซินพูดต่อ “ต่อให้ตอนนี้เยี่ยนตี๋ หยวนเจิ้งเฟิง ฟางจุ่น เยี่ยนจ้าวเกอไม่อยู่ ตำแหน่งในเขากว่างเฉิงของเฟิงอวิ๋นเซิงก็ยังคงมั่นคง เปลี่ยนเป็นคนที่ต้องสงสัยว่าแอบติดต่อกับสำนักเรา วางแผนฆ่าอาจารย์ผู้มีพระคุณของตัวเอง หากไม่ถูกประหารหรือทำลายวรยุทธ์ ก็ต้องถูกจับไปขังรอการตัดสิน
“นอกจากจะมีหลักฐานหนักแน่นดุจขุนเขา ไม่อย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นใครในเขากว่างเฉิงต่างไม่กล้าปล่อยเฟิงอวิ๋นเซิงไป
“แต่แม้ไม่สังหารนาง ก็มิได้หมายความว่านางจะเข้าร่วมการทดสอบแห่งจันทราในปีนี้ได้”
หวงเซินพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ข้าพอจะรู้จักสิ่งที่เรียกว่าสำนักไม่นิยมความรุนแรงของเขากว่างเฉิงอยู่บ้าง คนพวกนั้นไม่กล้าฝากความเสี่ยงไว้บนตัวเฟิงอวิ๋นเซิง ส่วนใหญ่แล้วจะฝากความหวังไว้ที่หอคลื่นโหมมากกว่า
“พวกเขากำลังรอเยี่ยนตี๋อยู่
“พูดถึงคนผู้นี้ ทางด้านทะเลตะวันออกเป็นอย่างไรบ้าง มีวิธีหรือไม่” หวงเซินถาม
หวงซวี่ผู้เป็นบิดาส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่มีวิธีอันใด”
หวงเซินเงียบงันอย่างหาได้ยาก ถอนใจคำหนึ่ง “อาจจะต้องใช้วิธีสุดท้ายแล้ว”
หวงซวี่ส่ายหน้า เปลี่ยนเป็นพูดว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เพียงแต่หงเจียฉีกับอิ่นหลิวหัวนั่นจะเผยร่องรอยหรือไม่? หากร่องรอยชัดเจนไป ฉางเจิ้นคิดปิดบังให้พวกเขายังทำไม่ได้”
หวงเซินตอบ “ไม่มีใครรับประกันได้ว่าแผนการจะไม่เกิดข้อผิดพลาดโดยสิ้นเชิง แต่สมควรไร้ปัญหา
“ก่อนหน้านี้หงเจียฉีกับอิ่นหลิวหัวเป็นคนแปลกหน้า ขอแค่ยึดตามภาพในพิธีโลหิตจิตหวนเวลาภาพนั้นไว้ก็พอ เวลาอื่นพวกเขาไม่ได้รวมตัวกันอยู่แล้ว คนที่ช่วยส่งอิ่นหลิวหัวนั่นไปหาฟู่เอินซู จากนั้นก็รายงานกับพวกเรา ไม่อาจให้เขาปรากฏตัวในสายตาของเขากว่างเฉิง”
หวงซวี่ส่ายหน้าเล็กน้อย “ตอนแรกคิดจะลอบสังหารเฟิงอวิ๋นเซิงที่ทะเลตะวันออก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอาจารย์อาเหมิงจะพลาดท่า ยังดีที่ตอนนี้ยังมีการชดเชย”
หวงเซินพูดอย่างราบเรียบ “ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีคนอื่นจริงๆ ข้าไม่อยากให้อาจารย์อาเหมิงลงมือ เขาไม่ได้ออกสำนักมานานแล้ว”
หวงซวี่ชี้นิ้วที่เขา “ระวังปากหน่อย อาจารย์อาเหมิงจากไปแล้ว”
“เป็นข้าใจร้อนเอง” หวงเซินพยักหน้าไม่ปฏิเสธ
หลังจากเขาคำนับหวงซวี่และถอยออก เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นเงาคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นข้างทางเดิน เหมือนกับกำลังรอเขาอยู่
“ศิษย์น้องเมิ่ง ตอนนี้เจ้าสมควรเตรียมตัวสำหรับการทดสอบแห่งจันทราถึงจะถูก” หวงเซินเอ่ยอย่างเรียบเฉย
บนใบหน้าของเมิ่งหว่านไร้รอยยิ้ม มองหวงเซินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ถึงแม้ข่าวสารทางด้านเขากว่างเฉิงจะไม่ชัดเจน แต่ว่าศิษย์พี่เฟิงมีปัญหาใช่หรือไม่”
หวงเซินไม่สนใจคำเรียกของเมิ่งหว่าน เขามองนางพลางพยักหน้าอย่างใจเย็น “ถูกต้อง ครั้งนี้นางอาจจะไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบแห่งจันทราแล้ว”
เมิ่งหวานมองหวงเซินตรงๆ “เกี่ยวข้องกับสำนักเราหรือ?”
หวงเซินตอบ “ถูกต้อง”
หญิงสาวนิ่งเงียบไป หวงเซินเดินผ่านไหล่นาง หลังจากเดินไปได้สองก้าวก็หยุดหลง เอ่ยเรียบๆ ว่า “ถ้าหากเจ้ารับประกันได้ว่าจะชนะนางตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าย่อมไม่ต้องลงมือ”
“เจ้าคิดจะทำอะไร? ไปเรียกร้องความเป็นธรรมให้นางที่เขากว่างเฉิงหรือ? นั่นรังแต่พิสูจน์พยานหลักฐานว่านางแอบติดต่อกับสำนักเรามากกว่าเดิม”
เมิ่งหวานหันไปมองหวงเซิน ชายหนุ่มหันหลังให้นาง และไม่ได้หมุนตัวกลับมา “ถ้าหากข้าเป็นเจ้า ข้าจะตั้งใจฝึกฝนต่อ ยิ่งพลังของเจ้าแข็งแกร่งเท่าไร ยิ่งมีคนเชื่อฟังมากเท่านั้น อย่างเช่นตอนนี้ข้าจำเป็นต้องอธิบายให้เจ้าฟัง”
“วันหน้าถ้าหากเจ้ากลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนัก ทำลายเขากว่างเฉิงได้สำเร็จ เจ้าคิดจะปกป้องเฟิงอวิ๋นเซิง พูดเพียงประโยคเดียวก็พอ”
“คิดจะกำจัดข้าเพื่อระบายแค้นให้กับเฟิงอวิ๋นเซิงก็พูดเพียงประโยคเดียวก็พอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี