เหอหนิงมองผู้อาวุโสสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้า สุดท้ายนางก็ถอนหายใจยาว ส่ายหน้าอย่างเงียบงัน สีหน้าเคร่งขรึม
จางคุนเงียบเสียงมาโดยตลอด มีสีหน้าซับซ้อน มาถึงตอนนี้เหลือแต่ความผิดหวัง
ผู้อาวุโสฉินเดินขึ้นหน้า เอ่ยว่า “สำนักแสงสว่างจากโลกซ้อนโลก ครั้งนี้มียอดฝีมือที่มีพลังระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ลงมาห้าคน ถึงแม้จะเสียชีวิตในแปดพิภพ กลับไม่ทราบว่าจะมีคนตามมาหรือไม่?”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่พูดถึงเรื่องก่อนหน้า กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้าไปยังยอดเขาเรืองรอง ด้านหนึ่งเพื่อกำจัดความชั่วร้ายให้หมดสิ้น อีกด้านหนึ่งก็เพื่อเหตุผลข้อนี้”
“การติดต่อระหว่างโลกซ้อนโลกและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกตัดขาดชั่วคราว แต่ว่าสำนักแสงสว่างนี้มีพลังยิ่งใหญ่ แตกฉานสรรพวิชา ถ้าหากพวกเขาต้องการ เพียงใช้ความพยายามเล็กน้อยก็อาจจะกำหนดตำแหน่งบนแปดพิภพได้อย่างแม่นยำ แล้วลงมาอีกครั้ง”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย “คนของพวกเขาที่ลงมาในครั้งนี้อาจจะเป็นแค่มุมหนึ่งของภูเขาน้ำแข็ง”
การคาดการณ์นี้ยึดตามคนที่เกือบจะยืมพลังของหวงเจี๋ยในการลงมาด้วยพลังทั้งหมดที่ยอดเขาเรืองรอง และเป็นการคำนวณพลังของอาจารย์แห่งสำนักแสงสว่างที่หวงเจี๋ยพูดถึงอย่างคร่าวๆ
ถ้าหากคนผู้นี้มีพลังแข็งแกร่งที่สุดในสำนักแสงสว่าง สถานการณ์อาจจะดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ถ้าสำนักแสงสว่างมีคนที่แข็งแกร่งกว่านี้ เช่นนั้นอาจจะต้องคาดเดาพลังของสำนักแสงสว่างเพิ่มอีกขั้นหนึ่ง
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนล้วนมีสีหน้าอึมครึมขึ้นมา จางคุนกับเหอหนิงรู้สึกกังวลเช่นกัน
เรื่องมาถึงขั้นนี้ ความแค้นระหว่างสำนักของตนและสำนักแสงสว่างที่มาจากโลกซ้อนโลกไม่อาจสะสางได้อีกแล้ว จึงเหลือแต่หาวิธีรับมือ
เหอหนิงขมวดคิ้วมุ่น “ถึงแม้พลังของผู้มาจากโลกซ้อนโลกจะไม่อาจเหนือกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม แต่ถ้าอีกฝ่ายส่งยอดฝีมือจำนวนมากในการลงมาเพียงครั้งเดียว เช่นนั้นก็เป็นภัยพิบัติเหมือนกัน”
เยี่ยนจ้าวเกอเข้าใจข้อนี้ดี
การสยบใต้หล้า และเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้ไม่ได้ส่งผลต่อสมองของเขา
ตราประทับตะวันแข็งแกร่งถึงขีดสุด แต่ว่าก็สิ้นเปลืองพลังมากเช่นกัน โจมตีได้เพียงครั้งเดียว หลังจากใช้ก็จะอยู่ในสภาวะหลับไหล ในเวลาอันสั้นเกรงว่าไม่อาจปลุกขึ้นมาได้
ส่วนปราณแห่งความมอดม้วยในวังฝูงมังกรเป็นการระเบิดเพียงครั้งเดียว นับเป็นการซื้อขายเพียงครั้งเดียว
ทว่าหลังจากแก้ไขปัญหาปราณแห่งความมอดม้วยได้แล้ว ตนสามารถใช้พลังของมังกรที่ได้มาเพื่อเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้อย่างสบายใจ
เพียงแต่การหลอมปราณมังกรให้เป็นของตัวเองจำเป็นต้องมีขั้นตอนและจำเป็นต้องใช้เวลา
สมองของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้เย็นเยียบยิ่ง
เมื่อนับเติ้งเซินที่ถูกพลังแห่งเขตแดนจำกัดระดับเอาไว้ ครั้งนี้มียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามลงมาสามคน
ถ้าหากครั้งหน้ามีแปดคน สิบคน หรือมากกว่านี้เล่า?
แน่นอน ไม่ใช่ว่าเรื่องราวไม่อาจเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้ อย่างเช่น เยี่ยนตี๋บิดาของตนเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองได้ในเวลาอันสั้น เช่นนั้นก็จะจัดการปัญหาได้ง่ายขึ้น
ถ้าหากเยี่ยนตี๋เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม เช่นนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็เชื่อว่า ศัตรูที่อยู่ในระดับเดียวกันจะลงมากี่คนก็ไร้ประโยชน์
ส่วนตัวเยี่ยนจ้าวเกอเอง ถ้าหากมีเวลามากพอ และพลังเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เขาก็ไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายเช่นกัน
ตอนนี้ต้องการเวลาและโอกาส
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “โลกซ้อนโลกไม่ได้มีแค่สำนักแสงสว่างสำนักเดียว ยังมีศัตรูคู่อาฆาตของพวกเขาอยู่ด้วย สำนักแสงสว่างไม่ใช่ว่าไม่กลัวอะไร และไม่ใช่ไม่อาจเอาชนะได้”
เขาหยิบพัดกระดาษที่ได้มาจากในสุสานมังกร กางพัดออก ชูพัดให้ทุกคนดู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี