ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี นิยาย บท 594

“ผู้คุมหออันเกรงใจไปแล้ว ข้าไม่ใช่คนชอบต่อสู้ เพียงแต่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์คิดว่าเขากว่างเฉิงของข้าอ่อนแอข่มเหงได้ เช่นนั้นพวกเขาต้องจ่ายราคาความหลงระเลิงของตัวเอง”

เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือให้อันชิงหลินเบื้องหน้า

อันชิงหลินคำนับตอบอย่างจริงจัง “สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์ทำผิด ย่อมต้องได้รับโทษ”

นางมองเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่เบื้องหน้าอย่างสะท้อนใจ

ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสที่มีตำแหน่งและอำนาจสูงอย่างจางคุนและเหอหนิงจะอยู่ด้วย แต่ว่าเขากว่างเฉินในตอนนี้ให้ชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้ตัดสินใจ แม้แต่ในการพบหน้ากับตนยังให้เขาเป็นประธาน

หลังจากพบเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว อันชิงหลินก็รู้สึกได้ว่า ถึงแม้เขาจะยังเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณ แต่พลังฝึกปรือของเขาน่าตกตะลึงยิ่ง เกรงว่ามหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมจะสู้เขาไม่ได้แล้ว

แม้จะยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยี่ยนจ้าวเกอถึงฆ่าเติ้งเซิน ซุนฮ่าว และหลิวเฟิง ยอดฝีมือที่สามารถสยบโลกแปดพิภพให้ตายได้ แต่อันชิงหลินย่อมไม่กล้าดูถูก

ในสายตาของนาง ชายหนุ่มตรงหน้านี้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นผู้ที่เข้มแข็งที่สุดบนโลกแปดพิภพในปัจจุบัน

พวกเติ้งเซินสามารถกวาดล้างแปดพิภพได้ เช่นนั้นคนที่สังหารพวกเขาได้หมดสิ้นจะน่ากลัวถึงขนาดไหน?

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มีความสามารถน่าพรั่นพรึงเช่นนั้นจริงๆ เพียงดูที่ตัวเขา อายุยังน้อยก็เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นเก้า ขั้นรูปญาณระยะท้ายแล้ว พลังและพรสวรรค์เช่นนี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่มีใครเทียบได้

อัจฉริยะที่ยังไม่เติบโตไม่นับว่าเป็นอัจฉริยะ กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้เติบโตถึงระดับนี้แล้ว มากพอจะทำให้ผู้มีอำนาจที่มีจำนวนน้อยอย่างอันชิงหลินต้องให้ความสำคัญในระดับเดียวกัน

สิ่งที่ทำให้อันชิงหลินรู้สึกโล่งใจก็คือ ถึงแม้ตลอดมาจะมีคนบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอหยิ่งผยอง ทว่าในตอนนี้เขายังไม่แสดงความโหดร้ายทารุณเลย

เขากว่างเฉิงทำให้ใต้หล้าตกตะลึงด้วยการต่อสู้เพียงครั้งเดียว เอาชนะสำนักแสงสว่างซึ่งเป็นยอดฝีมือจากโลกเบื้องบน ทำลายสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์ศัตรูคู่อาฆาต ไม่จำเป็นต้องถกเถียงถึงความยิ่งใหญ่ในใต้หล้าของพวกเขาอีกแล้ว

ต่อให้แดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือจะร่วมมือกันก็ไม่อาจรับมือได้

ทุกคนได้แต่ยอมศิโรราบ แต่ต่างฝ่ายจะคบหากันอย่างไร กำหนดมาตรฐานอย่างไร ยังอดทำให้ผู้คนเป็นห่วงไม่ได้

ถ้าหากเขากว่างเฉิงต้องการทุกสิ่ง เช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการถูกทำลายสำนัก ได้แต่ต่อต้านอย่างจนปัญญา

ทว่าหากดูจากปัจจุบัน อย่างน้อยเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่มีความคิดนี้

ตามการสังเกตของอันชิงหลิน ตอนนี้ท่าทีของเขากว่างเฉิงคล้ายกับยุคที่จ่านตงเก๋อ ผู้สะเทือนสวรรค์ยืนอยู่ในจุดสูงสุด

ในตอนนั้นจ่านตงเก๋อปีนขึ้นสู่จุดสูงสุด ทำให้ใต้หล้าไม่กล้าไม่ยอมรับ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รีดเค้นขุมกำลังอื่น

มีเพียงแต่ตอนที่เขานิมิตทมิฬโจมตีสำนักในตอนที่จ่านตงเก๋อเข้าฌาน เป็นเหตุให้จ่านตงเก๋อทำลายสำนักเขานิมิตทมิฬหลังจากออกฌานเท่านั้น

สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ประสงค์ร้าย แต่ไม่ได้ลงมือจริงๆ สุดท้ายจางเชา จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อาทิตย์ม่วงขังตัวเองในเขาอัคคีที่ทุ่งร้างแดนใต้เพื่อรับโทษ จ่านตงเก๋อจึงไม่ได้สร้างปัญหาให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์

‘เพียงแต่ในตอนนั้นผู้สะเทือนสวรรค์ก็ไม่ได้อายุน้อยขนาดนี้’ อันชิงหลินทอดถอนใจ ‘ถึงแม้เยี่ยนจ้าวเกอจะยโสโอหัง แต่เกรงว่าว่าปณิธานของเขาจะไม่ได้อยู่ที่แปดพิภพ มิน่าตอนนี้ถึงได้ใจกว้างถึงเพียงนี้’

“แปดพิภพไม่อาจบรรจุความอัจฉริยะของเขาได้”

อันชิงหลินออกจากเขากว่างเฉิง ขณะที่เดินทางก็หันหน้ามองไป ‘ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า ใช้มือเดียวยกนภา ปราชญ์ภาพวาดคงนึกไม่ถึงว่าประโยคหลังจะเป็นจริงเร็วเช่นนี้กระมัง?

“มือเดียวค้ำฟ้า มือเดียวบังนภา…”

หลังจากส่งอันชิงหลินออกจากสำนักแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังพวกฟู่เอินซูที่อยู่ด้านข้าง พูดด้วยรอยยิ้ม “สามารถมอบขวานจามสวรรค์ให้เขาไร้พรมแดนได้”

ผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งหุบเขาผนึกเวหากล่าวว่า “พวกเราได้ดูเหตการณ์ในไข่มุกมองฟ้าแล้ว ต่อให้ฉางเจิ้นไม่ลงมือ หลี่จิ่งถูก็ไม่อาจหนีความตายพ้น ขวานจามสวรรค์สุดท้ายตกอยู่ในมือสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อาศัยความสามารถชิงขวานจามสวรรค์มาจากมือของพวกเขา พวกเราชิงมาจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ติดค้างพวกเขา”

“คนที่ติดค้างชีวิตของหลี่จิ่งถูคือฉางเจิ้น และวันนี้เขาก็เสียชีวิตแล้ว”

การใช้ของวิเศษเพื่อเพิ่มพลังของตัวเองในตอนนี้ ดูเหมือนจะน่าเสียดาย แต่ในอนาคตย่อมแย่งชิงของที่ดีกว่าได้

ผู้อาวุโสฉินเอ่ยขึ้น “ยังมีอีกเรื่อง ปล่อยให้เขาไร้พรมแดนเหยียบย่ำอัสนีพิภพ เดิมทีก็ไม่มีอะไร แต่ว่าเกาะจ้าวซึ่งเป็นหนึ่งในหกเกาะของอัสนีพิภพ…”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ข้ากับบิดาข้าถือว่าบ้านของพวกเราอยู่ที่เกาะนภากลาง ตอนนี้คนในครอบครัวหลายคนก็คิดเหมือนกัน”

“มีคนที่ต้องการกลับเกาะจ้าวที่อัสนีพิภพเช่นกัน พวกเราย่อมไม่รั้งไว้ สถานการณ์ในตอนนี้ ต่อให้เขาไร้พรมแดนกับเมืองทะเลมรกตยึดครองเกาะจ้าว ก็จะไม่สร้างปัญหาให้ครอบครัวของข้า กลับเป็นคนพวกนี้ไปยังดินแดนของผู้อื่น อาจจะกลายเป็นประชากรนอกกฎหมาย ออกอาละวาดตามใจ”

ชายหนุ่มพูดต่อ “แต่ว่าสถานที่ที่เคยเป็นตำหนักอัสนีสวรรค์ สองสำนักนั้นย่อมไม่อาจเหยียบย่ำ ที่นั่นยังมีทางเชื่อมเขตแดนที่เฉินหัวล้านเปิดขึ้น ไม่ทราบว่าเชื่อมไปยังที่ใด ถูกข้าผนึกไว้ชั่วคราว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาไปยังที่นั่น ให้คนเฝ้าผนึกไว้แต่อย่าแตะต้อง”

ผู้อาวุโสฉินพยักหน้าเล็กน้อย “ในเมื่อเจ้ามีแผนการแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่กล่าวมากความ”

ต่อมา ข่าวที่ส่งมาจากอัสนีพิภพก็ทำให้ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงอดยิ้มไม่ได้

ถึงแม้ว่าเขาไร้พรมแดนและเมืองทะเลมรกตจะแบ่งปันอัสนีพิภพเหมือนปรองดองกัน แต่กลับเอาไปเพียงสองเกาะ ส่วนอีกสองเกาะใจกลางอัสนีพิภพซึ่งก็คือเกาะโยวและเกาะจ้าวถูกทิ้งไว้

เกาะโยว ยังเรียกว่าเกาะเยี่ยน ได้รับขนานนามว่าคู่กับเกาะจ้าว ว่าดินแดนแห่งเยี่ยนจ้าวมาตั้งแต่โบราณ

ดินแดนแห่งเยี่ยนจ้าวมีวีรบุรุษผู้ขับขานบทเพลงมากมาย[1] นี่เป็นที่มาของชื่อเยี่ยนจ้าวเกอ

ปัจจุบันไม่มีขุมกำลังใดในโลกแปดพิภพนอกจากเขากว่างเฉิงกล้าเหยียบที่นี่อีกต่อไป

……………………………………….

[1] ดินแดนแห่งเยี่ยนจ้าวมีวีรบุรุษผู้ขับขานบทเพลงมากมาย เป็นคำพูดของหานอวี้ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ถัง คำกล่าวนี้หมายถึงดินแดนเยี่ยนจ้าวหรือเหอเป่ยในปัจจุบันมีวีรบุรุษเกิดขึ้นมากมาย

Next

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี