คนที่เดินออกมาจากส่วนลึกของวังฝูงมังกรย่อมเป็นเยี่ยนตี๋
เขาหายใจครั้งหนึ่ง ลมปราณสีม่วงมากมายที่ครอบคลุมเขากว่างเฉิงสลายไปทั้งหมด
เยี่ยนจ้าวเกอมองเยี่ยนตี๋ รู้สึกแต่เพียงว่าขณะที่จุดลมปราณทั่วร่างของบิดาเปิดออก พลังงานอันยิ่งใหญ่กับปราณดาบอันดุดันก็มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ทุกครั้งที่ก้าวเท้าคล้ายกับโลกแปดพิภพสั่นสะเทือนเล็กน้อย
“โชคดีที่มีของที่ได้มาจากสงครามผนึกปีศาจอัคคี กับปราณมังกรที่มีอยู่เต็มวังฝูงมังกรนี้” เยี่ยนตี๋กล่าว
เขาลืมตาขึ้น ปรากฏประกายสีม่วงเลือนราง อีกทั้งยังมีเงามังกรลอยอยู่หลายตัว
ในลมปราณทั่วทั้งร่างคล้ายกับมีมังกรแสงนับไม่ถ้วนบินวนเวียน
เยี่ยนตี๋เดินมาถึงเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ “การเลื่อนจากระดับบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ กับการเลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองในครั้งนี้ ถึงแม้จะสำเร็จแล้ว แต่ก็เร็วเกินไป ย่างก้าวต่อจากนี้จำเป็นต้องใจเย็นๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าการฝึกปรือของท่านก็เหมือนกับสภาวะดาบวรยุทธ์ของท่านเอง แสวงหาความก้าวหน้าอย่างแน่วแน่ ไร้สิ่งใดกีดขวาง อีกทั้งยังดุดัน แต่ก็ลื่นไหล หากต้องหยุดฝีเท้าตั้งมั่น อาจจะเกิดผลร้าย”
ผู้เป็นบิดาส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ดังนั้นจำเป็นต้องหยุดลับดาบ ทว่าก็เป็นตามที่เจ้าพูด หลังจากไปถึงระดับหนึ่งแล้ว จะไม่มีเวลาหยุดเดินอีก”
“ข้ารู้ว่าที่ท่านออกฌานมาในครั้งนี้ เพราะต้องการหลอมสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์เป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้จำเป็นต้องให้ท่านผ่อนฝีเท้าก่อนจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอหุบยิ้ม
เยี่ยนตี๋สายตากลายเป็นเคร่งขรึม “อ้อ มีปัญหาหรือ?”
“ไม่ผิด ศิษย์ร่วมสำนักที่อยู่ในอัคคีพิภพส่งข่าวมาว่า เกิดความผิดปกติขึ้นที่ซากของยอดเขาเรืองรองมาสักพักแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเล่า “ถ้าหากช่วงนี้ท่านไม่ออกฌาน ข้าเตรียมตัวจะไปก่อน ดีที่ท่านออกฌานเร็วกว่าหนึ่งก้าว”
“ก่อนหน้านี้คนของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ขอให้คนจากสำนักแสงสว่างลงมา สถานที่ก็คือยอดเขาเรืองรอง” เยี่ยนตี๋ใคร่ครวญ
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถูกต้อง ปัจจุบันถึงแม้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะถูกกวาดล้าง ยอดเขาเรืองรองถูกทำลาย แต่คนของสำนักแสงสว่างยังคงมีวิธีตามหาแปดพิภพ”
“เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ ดังนั้นตำแหน่งที่พวกเขาจะลงมายังแปดพิภพอีกครั้งสมควรยังคงอยู่ที่บริเวณยอดยอดเขาเรืองรอง”
ชายหนุ่มกล่าว “พวกเราไปรอพวกเขาที่นั่นเถอะ”
สองพ่อลูกออกจากเขากว่างเฉิง มุ่งหน้าไปทางใต้ เข้าไปในอัคคีพิภพ
ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋มาถึง จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงที่คอยสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ ก็ถอยไปทันที
ยอดเขาเรืองรองที่แสงสว่างสาดส่องทั้งวัน ในอดีตไม่แบ่งเป็นกลางวันกลางคืนใน ก่อนหน้านี้ได้ถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกทำลายจนราบพณาสูร ไม่คงอยู่อีก
เยี่ยนจ้าวเกอกับเยี่ยนตี๋พุ่งลงไปบนพื้น สองพ่อลูกนั่งขัดสมาธิ หันหน้าเข้าหากัน
เมื่อเงยหน้ามองไปเหนือฟากฟ้า กลับเห็นท้องฟ้ากำลังสั่นไหวอย่างต่อเนื่องได้อย่างชัดเจน เขตแดนของมิติดูเลือนรางขึ้นมา
ไม่ต้องเป็นจอมยุทธ์ ต่อให้เป็นคนธรรมดาก็มองความผิดปกติออก
พวกเยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน นั่งขัดสมาธิตัวตรงอย่างสงบ จิตใจเหมือนกับน้ำนิ่ง ไม่มีคลื่นแม้แต่น้อย
สองพ่อลูกนั่งอยู่ตรงนั้น รอบๆ ร่างกายมีปราณพิสุทธิ์วนเวียน รวมตัวกันแล้วกระจาย กระจายแล้วรวมตัว เดี๋ยวเดี๋ยวลอยสูง เดี๋ยวจมต่ำอย่างอ่อนโยนและมีลำดับ
พวกเยี่ยนจ้าวเกอนั่งสมาธิฝึกฝนอยู่บนซากยอดเขาเรืองรองเช่นนี้
เวลาผ่านไปอีกหลายวัน การสั่นไหวของท้องฟ้าเบื้องบนยิ่งชัดเจนขึ้น
หลังจากนั้นห้าวัน ในตอนเที่ยง เวลาที่แสงอาทิตย์บนท้องฟ้าร้อนแรงที่สุด เยี่ยนตี๋ที่นั่งหลับตาทำสมาธิมาโดยตลอดก็ได้ลืมตาขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกได้เช่นกัน จึงลืมตาเงยหน้าไปมองท้องฟ้า เห็นแสงอาทิตย์พลันเปลี่ยนเป็นเจิดจ้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ในตอนนั้นเองท้องฟ้าคล้ายกับเปิดออก มีประกายแสงสาดออกมาจากด้านใน รวมกับแสงอาทิตย์ ทำให้แสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น
กลิ่นอายของพลังอันยิ่งใหญ่ลอยออกมาจากในท้องฟ้าที่เปิดออกนั้น
แทบจะเป็นในชั่วพริบตา มิติของโลกแปดพิภพเริ่มสั่นไหว ลมพัดกระหน่ำ มวลเมฆรวมตัว เงาคนหลายสายปรากฏบนท้องฟ้าที่เปิดออก หลังจากแสงสว่างที่รุนแรงนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี