เยี่ยนจ้าวเกอมองชายชราผมขาวผู้นั้น จากนั้นก็มองเว่ยอวิ๋นเซิง ดูจากเรื่องราวมากมายก่อนหน้า ไหนเลยจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลเว่ย
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ คำพูดเกรงอกเกรงใจที่เว่ยอวิ๋นเซิ่งจงใจปิดบังและวางแผนรั้งตนไว้ เพียงแต่สายตาพิจารณาคนของตระกูลเว่ยซ้ายขวา นิ่งเงียบไม่พูดจา
“พวกท่านคงไม่ได้ฟ้องร้องบรรพบุรุษ ริบตำแหน่งประมุขตระกูลจากเว่ยอวิ๋นชางหรอกกระมัง?”
เว่ยอวิ๋นเซิ่งสีหน้าแข็งค้างเล็กน้อย ใบหน้าของผู้อาวุโสสำนักที่อยู่ด้านข้างเคร่งขรึมลง
“คุณชายเยี่ยนโปรดระวังคำพูดด้วย ตระกูลเว่ยของเราเคารพท่านเป็นแขก แต่วาจาเมื่อครู่ของท่านเป็นการเสียมารยาทเกินไป” เว่ยอวิ๋นเซิ่งหุบยิ้ม กล่าอย่างเชื้องช้า
เยี่ยนจ้าวเกอแค่นเสียง “ผู้อาวุโสด้านข้างท่าน คือผู้อาวุโสที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลเว่ยท่านซึ่งเลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ว่ากระมัง?”
“ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ รวมถึงเว่ยอวิ๋นเซิ่งท่าน น่าจะเป็นยอดฝีมือของตระกูลเว่ย”
“ถ้าหากบอกว่ารั้งแขก จำเป็นต้องยกกลุ่มกันมาเช่นนี้หรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างราบเรียบ “เป็นเรื่องที่เห็นชัดกันอยู่แล้ว บอกกล่าวกันตรงๆ ได้หรือไม่?”
เว่ยอวิ๋นเซิ่งเงียบงันครู่หนึ่ง ค่อยเอ่ยปากว่า “ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องสงสัยถึงสถานะของหลางเอ๋อร์แล้ว พวกเราจึงจำเป็นต้องรักษาระยะห่างกับสำนักความมืด”
เยี่ยนจ้าวเกอถามเสียงเรียบ “รักษาระยะห่างอย่างไร? ดูจากกลุ่มของพวกท่าน ไม่เหมือนมาแค่ขับไล่ เกรงว่าคิดจะจับพวกเราส่งให้ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องกระมัง?”
“ไม่ขอปิดบัง มีเจตนานี้จริงๆ กระนั้นเป้าหมายของพวกเราคือจางเชียนซง ลูกศิษย์สำนักความมืดที่อยู่ในห้อง” เว่ยอวิ๋นเซิ่งตอบ
“ใต้เท้าถ้าหากไม่ใช่คนของสำนักความมืด ขอแค่ไม่สอดมือ พวกเราจะไม่สร้างความลำบากให้กับทุกท่าน…”
ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ “ท่านโกหกใครอยู่?”
เขาใช้สายตากวาดมองพวกชายชราตระกูลเว่ยอย่างท่านอาหกผู้นั้น ก่อนจะกล่าวอย่างไม่ยี่หระ “อย่าว่าแต่จางเชียนซงได้รับบาดเจ็บ ต่อให้อยู่ในสภาพดี เว่ยอวิ๋นเซิ่งท่านลงมือเองยังจับตัวได้สบายๆ”
“ตอนนี้กลับใช้คนจำนวนมากขนาดเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่านับข้ารวมไว้ด้วยแล้ว”
เว่ยอวิ๋นเซิ่งพูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะ
ท่านอาหกผู้นั้นก้าวออกมาด้านหน้าหนึ่งก้าว สภาวะพลังอันแข็งแกร่งขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับครอบคลุมเมืองเหลาเฟิงเอาไว้
ในดวงตาขมุกขมัวของเขาขณะนี้เปล่งประกายน่าตกตะลึง “อวิ๋นเซิ่ง เหตุใดต้องกล่าววาจาไร้สาระกับพวกเขาด้วย?”
สายตาของเขาจับจ้องเยี่ยนจ้าวเกออย่างเย็นชา “ในเมื่อความแตกแล้ว เช่นนั้นก็ขอบอกให้พวกเจ้ารับรู้ วันนี้ต่อให้พวกเจ้าติดปีกก็หนีไม่พ้น”
เยี่ยนจ้าวเกอพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน “ตั้งแต่พบหน้ากัน พวกท่านก็เข้าใจเรื่องหนึ่งผิดแล้ว”
“ตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าไม่คิดจะออกจากเมืองเหลาเฟิงอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็แค่ตั้งใจตีหญ้าให้งูตื่นเท่านั้น”
ชายหนุ่มแบมือ “ข้าปรากฏตัวที่นี่ ก็เพื่อรอพวกท่านโดยเฉพาะ”
คนของตระกูลเว่ยได้ยิน ต่างขมวดคิ้วมุ่น
เขามองไปยังเว่ยอวิ๋นเซิ่ง “ตั้งแต่พบกันครั้งแรก ในวินาทีทีท่านเชิญพวกข้ามายังเมืองเหลาเฟิง ในใจของท่านก็วางแผนรับมือพวกเราไว้แล้วกระมัง?”
“และตั้งแต่เริ่ม ท่านก็นับข้าไว้ด้านใน ไม่เช่นนั้นเหตุใดต้องพาพวกข้ามาเมืองเหลาเฟิงด้วย?
“นอกจากพวกเราแล้ว บางทีท่านอาจจะคิดบัญชีเว่ยอวิ๋นชางพี่ชายของท่านไปด้วย?”
เว่ยอวิ๋นเซิ่งได้ยิน ก็พูดอย่างเชื่องช้า “ท่านได้ช่วยเหลือชีวิตของหลางเอ๋อร์จริงๆ พี่ใหญ่ไม่อาจลงมือกับท่าน ดังนั้นจึงไม่มา”
เยี่ยนจ้าวเกอไม่สะทกสะท้าน “เมื่อเกิดเรื่องนี้ขึ้น พวกท่านอนุญาตให้เว่ยอวิ๋นชางอยู่ในตำแหน่งประมุขตระกูลต่อได้ แต่ราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องไม่ปล่อยเขาแน่”
ผู้อาวุโสตระกูลเว่ยนิ่งเงียบ
เว่ยอวิ๋นเซิ่งเว้นครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม “แล้วแต่ท่านจะคิดเถอะ
“ความจริงตามความคิดของข้า ท่านช่วยเหลือหลางเอ๋อร์นั้น เป็นแค่บุญคุณเล็กน้อย ที่หลางเอ๋อร์พบอันตราย เป็นเพราะคนที่ต่อต้านราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องอย่างพวกท่านล่อลวงเขา และเป็นเพราะเหตุนี้จึงลากตระกูลเว่ยของเราลงน้ำ นี่คือความแค้นใหญ่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี